ศัลยา ประชาชาติ : มหัศจรรย์ “อาลีบาบา” โชว์พลังช้อปปิ้งออนไลน์ คืนเดียวโกย 8.3 แสนล้าน

มหกรรมช้อปปิ้งบันลือโลกใน “วันคนโสด” หรือ “11.11 Global Shopping Festival 2017” ของยักษ์อีคอมเมิร์ซโลก “อาลีบาบา” ในปีนี้ทำยอดขายถล่มทลายทุบสถิติปีที่ผ่านมาอย่างราบคาบด้วยมูลค่าการซื้อขายสูงถึง 8.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นมากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 39%

เป็น 8.3 แสนล้านบาท หรือ 25,300 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในเวลาเพียงหนึ่งวันเท่านั้น

ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายนัก เพราะเพียงแค่ชั่วโมงเดียว มีแบรนด์กว่า 60 แบรนด์ทำยอดขายได้สูงกว่า 15.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นแอปเปิ้ล, เอสเต้ ลอเดอร์, แก็ป, ลอรีอัล, ไนกี้ เป็นต้น

นอกจากนี้ ยอดการสั่งซื้อและชำระเงินผ่านสมาร์ตโฟนยังคิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 90% ของยอดขายโดยรวมอีกด้วย ขณะที่ในปีที่แล้วมีสัดส่วนอยู่ที่ 82%

ทั้งยังพบด้วยว่า มีผู้บริโภคสั่งซื้อสินค้าในกว่า 225 ประเทศทั่วโลก มีผู้ประกอบการ และแบรนด์รวม 167 ราย ที่ทำยอดขายได้เกินกว่า 15.1 ล้านเหรียญสหรัฐ และในจำนวนนี้มี 17 ราย ทำยอดได้สูงกว่า 500 ล้านหยวน (75.4 ล้านเหรียญสหรัฐ) และ 6 รายทำยอดขายทะลุหลัก 1 พันล้านหยวน (150.9 ล้านเหรียญสหรัฐ)

โดยประเทศที่ขายสินค้าให้กับผู้บริโภคในประเทศจีนมากที่สุดในมหกรรม 11.11 Global Shopping Festival 2017 ได้แก่ ญี่ปุ่น, สหรัฐอเมริกา, ออสเตรเลีย, เยอรมนี และเกาหลีใต้

คงไม่ผิดนักถ้าจะกล่าวว่า 11.11 ได้กลายเป็นงานช้อปปิ้งออนไลน์ 24 ชั่วโมงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกไปแล้วเรียบร้อย ใหญ่ยิ่งกว่า “อเมซอน ไพรม์ เดย์” 18 เท่า และใหญ่กว่าแบล็กฟรายเดย์ และไซเบอร์มันเดย์ รวมกันถึงกว่า 2.5 เท่า

 

เบื้องหลังยอดขายทะลุโลกมาจากการที่ “อาลีบาบา” จัดหนักลุยทุกทาง ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่อง “อีคอมเมิร์ซ” เท่านั้น หากแต่รวมถึงการสร้างระบบนิเวศน์ที่จำเป็นในการช่วยให้ผู้ประกอบการธุรกิจค้าปลีกแบบดั้งเดิมเปลี่ยนผ่านไปสู่ความเป็น “ค้าปลีกยุคใหม่” หรือ “New Retail” เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ และแสวงหาโอกาสใหม่ๆ เพิ่มขึ้นได้

“New Retail”จะเป็นกลยุทธ์ธุรกิจของ “อาลีบาบา” จากนี้ไป โดยมหกรรม “11.11 Global Shopping Festival” ถือเป็นอีเวนต์สำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับประสบการณ์ค้าปลีกยุคใหม่ที่ว่านั้น ผ่านทั้งช่องทางออนไลน์และออฟไลน์

ไม่เฉพาะกับผู้บริโภคทั่วโลก ยังเป็นช่องทางให้ผู้บริโภคจีนได้ช้อปปิ้งสินค้าคุณภาพและตัวเลือกที่หลากหลายขึ้นจากสินค้าจากแบรนด์ทั่วโลกกว่า 60,000 แบรนด์ที่นำมาวางจำหน่ายบนแพลตฟอร์มต่างๆ ของอาลีบาบา

“แดเนียล จาง” ประธานกรรมการบริหาร อาลีบาบากรุ๊ป ย้ำว่า ยอดขาย 2.5 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในวันเดียว มีความหมายมากกว่าการเป็นยอดขายปกติทั่วโลก แต่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความสนใจในสินค้าคุณภาพสูงในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน และการรวมกันเป็นหนึ่งเดียวของธุรกิจค้าปลีกในโลกออนไลน์และออฟไลน์

สำหรับมหกรรม 11.11 Global Shopping Festival ในปีนี้จัดขึ้นมาติดต่อกันเป็นปีที่ 9 แล้ว

“แจ๊ก หม่า” แห่งอาลีบาบา ได้ไอเดียมาจากการจัดกิจกรรม “วันคนโสด” ของนักศึกษาในมหาวิทยาลัยที่คิดกันขึ้นมาเพื่อให้บรรดาคนโสดทั้งหลายแปรเปลี่ยนความเศร้ามาเป็นความสุข ด้วยการทำกิจกรรมสังสรรค์ และจับจ่ายใช้สอยซื้อหาสินค้าปรนเปรอตนเอง ในทุกวันที่ 11 เดือน 11 ของทุกปี

“อาลีบาบา” เปลี่ยนวันคนโสด เป็น “วันช้อปปิ้งแห่งชาติ” ซึ่งสามารถทำยอดขายเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดได้ทุกปี นับตั้งแต่มีขึ้นเป็นครั้งแรกในปี 2552 เป็นต้นมา

ในเวลาต่อมาได้ขยับขยายเพิ่มเติมจากมหกรรมลดราคาสินค้าออนไลน์ 24 ชั่วโมง มาเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองที่ครอบคลุมระยะเวลายาวนานถึง 24 วัน

ตลอด 24 วัน “อาลีบาบา” จัดให้มีสารพัดกิจกรรมแบบจัดเต็มเพื่อกระตุ้นต่อมนักช้อปอย่างเต็มเหนี่ยว โดยมีความร่วมมือระดับโลกในภาคธุรกิจครอบคลุมทั้งผู้บริโภค ผู้ค้าปลีก บริษัทโลจิสติกส์ สถาบันทางการเงิน ร้านค้าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ รวมถึงศูนย์การค้าเข้าด้วยกัน

 

นวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีให้ผู้บริโภคได้เปิดประสบการณ์ใหม่มีตั้งแต่ “ป๊อปอัพ สโตร์” ภายใต้แนวคิด “New Retail” ที่มี 60 สาขา ใน 12 เมืองทั่วประเทศจีน เช่น ลองลิปสติกด้วยเทคโนโลยี AR (Augmented Reality) ภายในร้านค้าแบรนด์ดังที่ร่วมรายการ เช่น ร้านเครื่องสำอาง “ชิเชโด้” ที่มีกระจกวิเศษให้ผู้บริโภคลองลิปสติกผ่านเทคโนโลยี AR

มีตู้ขายสินค้าอัตโนมัติที่ให้ชำระเงินผ่านแอพพลิเคชั่น เป็นต้น

ผู้บริโภคยังจะได้สัมผัสกับระบบชำระเงินด้วยการสแกนใบหน้า (Facial Recognition Payment) มีเกม AR “Catch the Cat” ให้เล่น เพื่อดึงลูกค้าจากช่องทางออนไลน์ไปยังร้านค้าสาขาต่างๆ โดยการใช้สมาร์ตโฟนหรือแท็บเล็ตเล่นเกมจับแมว บริเวณหน้าร้านค้าพันธมิตร เพื่อร่วมชิงโชครับสิทธิพิเศษ ส่วนลด และคูปองสำหรับการช้อปทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ได้

นอกจากนี้ ในค่ำคืนวันที่ 10 พฤศจิกายน “อาลีบาบา” ยังจัดงานกาล่าเพื่อนับถอยหลังก่อนเปิดฉากมหกรรมช้อปปิ้ง 11.11 ด้วย โดยมีการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์ม Youku, แอพพลิเคชั่นทีมอลล์, เถาเป่า และยูทูบ รวมถึงสถานีโทรทัศน์ในประเทศจีนอีก 3 ช่อง เพื่อให้ผู้ชมทางบ้านได้มีโอกาสตื่นตาตื่นใจไปกับเซเลบระดับโลกที่มาร่วมงาน อาทิ ฟาร์เรลล์ วิลเลียมส์, นิโคล คิดแมน, มาเรีย ชาราโปวา และ เจสซี่ เจ มีโปรดิวเซอร์ระดับฮอลลีวู้ด “เดวิด ฮิลล์” เป็นผู้กำกับรายการ

 

อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจในเทศกาลนี้ คือ แฟชั่นโชว์ “Tmall Collection See Now, Buy Now” ที่ต้องการผสมผสานความบันเทิงเข้ากับการช้อปปิ้ง โดยร่วมมือกับแบรนด์ระดับโลกกว่า 27 แบรนด์ จัดแฟชั่นโชว์นาน 4 ชั่วโมง ออกอากาศทางโทรทัศน์ และเว็บไซต์รวมกว่า 7 ช่องทางในประเทศจีน โดยมีการนำแพลตฟอร์มสื่อ และอีคอมเมิร์ซมาผสานกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อให้ผู้ชมสั่งซื้อสินค้าที่มองเห็นบนหน้าจอได้ทันที ไม่ว่าจะเลือกชมรายการผ่านช่องทางใดก็ตาม

ผู้บริหาร “อาลีบาบา” ย้ำว่า “อีคอมเมิร์ซ” สำหรับผู้บริโภคแล้ว ไม่ควรเป็นแค่การซื้อสินค้าออนไลน์ธรรมดาเท่านั้นแต่เป็นไลฟ์สไตล์ และสิ่งที่สร้างความบันเทิงให้ทั้งกับตนเองและครอบครัว

11.11 Global Shopping Festival 2017 ในปีนี้พิเศษกว่าทุกปีตรงที่ “อาลีบาบา” ตั้งใจให้ผู้บริโภคได้สัมผัสกับวิสัยทัศน์ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ หรือ “New Retail”

นิยามธุรกิจ “ค้าปลีกยุคใหม่” สำหรับ “อาลีบาบา” คือการเชื่อมต่อการซื้อขายในโลกออนไลน์ และออฟไลน์เข้าด้วยกันอย่างไร้รอยต่อ เพราะในประเทศจีน “ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ” ยังมีสัดส่วนเพียงแค่ 18% ของธุรกิจค้าปลีกโดยรวม และสิ่งที่ “อาลีบาบา” ต้องการ คือช่วยให้อีก 82% ที่เหลือปรับเปลี่ยนตนเองเข้าสู่ค้าปลีกยุคใหม่ได้

ปรากฏการณ์เช่นนี้ ส่งสัญญาณไปทั่วโลกรวมถึงภาคธุรกิจไทยให้เตรียมตั้งรับคลื่นแห่งการเปลี่ยนแปลงในธุรกิจการค้า โดยเฉพาะพลังของการจับจ่ายผ่านออนไลน์ ที่พิสูจน์แล้วว่าทรงประสิทธิภาพขนาดไหน