นงนุช สิงหเดชะ : ดูภาพหนูน้อยซีเรีย เตือนใจ (คนไทย) ไม่ให้ก้าวไปถึงจุดนั้น

เดือนกันยายน 2558 โลกร้องไห้เมื่อเห็นภาพศพของเด็กชายชาวซีเรียวัย 3 ขวบนามไอลัน ลอยมาเกยตื้นชายหาดตุรกี เพราะเรือล่ม หลังจากหนูน้อยและครอบครัวพยายามหลบหนีภัยสงครามจากซีเรียผ่านตุรกีเพื่อมุ่งสู่ยุโรป

การเสียชีวิตกลางทะเลของชาวซีเรีย กลายเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นแทบทุกสัปดาห์นับจากประเทศนี้เกิดสงครามกลางเมืองเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมาและไม่มีวี่แววจะยุติ ประเมินว่ามีชาวซีเรียเสียชีวิตกลางทะเลราว 4,000 กว่ารายขณะพยายามอพยพออกนอกประเทศ ยังไม่นับที่เสียชีวิตในบ้านเกิดของตัวเองอีกเกือบ 3 แสนคน จากการต่อสู้กันระหว่างฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายกบฏ ผสมโรงด้วยกลุ่มก่อการร้ายไอเอส

17 สิงหาคม 2559 โลกหัวใจสลายอีกครั้ง เมื่อเห็นภาพเด็กชายซีเรียวัย 5 ขวบ ชื่อ อุมราน ดักนีซ นั่งอยู่ในรถพยาบาล เพื่อรอส่งโรงพยาบาล ใบหน้าอาบเลือด เนื้อตัวตั้งแต่หัวจรดเท้า เต็มไปด้วยฝุ่นปูนจากบ้านที่พังทลายเพราะแรงระเบิด แต่เขาไม่ร้องไห้เลย

เด็กน้อยถูกหน่วยกู้ภัยดึงตัวออกมาจากบ้านในเมืองอเลปโปที่ถูกระเบิดถล่มทางอากาศเมื่อประมาณ 3 ทุ่มวันที่ 17 สิงหาคม ซึ่งระบุว่าเป็นฝีมือการทิ้งระเบิดของรัสเซีย พันธมิตรของรัฐบาลซีเรียเพื่อปราบกบฏในอเลปโป (ขณะที่ฝ่ายสหรัฐอเมริกา ก็สนับสนุนกบฏซีเรียให้โค่นรัฐบาลปัจจุบัน)

ภาพนี้ถูกแชร์ไปทั่วโลกผ่านโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว และสื่อกระแสหลักทั่วโลกต่างนำไปเสนอด้วยพาดหัวข่าวที่น่าสะเทือนใจ ต่อให้เป็นคนใจแข็งแค่ไหน ก็อดร้องไห้ด้วยความสะเทือนใจไม่ได้ เมื่อเห็นสภาพและสีหน้าของเด็กชาย เขานั่งนิ่งเหมือนรูปปั้นไม่ไหวติงอยู่สักครู่ ตาเบิกโพลงจ้องมองตรงไปข้างหน้า เหมือนไร้ความรู้สึก

สักพัก เขาจึงเอามือซ้ายลูบใบหน้า เมื่อเห็นว่ามีเลือดติดมือ เขาจ้องมองมือแล้วมองดูอย่างงงๆ ว่าสิ่งที่ติดมือแดงๆ คืออะไร จากนั้นเขาก็เอามือทั้งสองข้างถูเก้าอี้ไปมา คล้ายจะทำความสะอาด

ภาพของหนูน้อยอุมราน กลายเป็นตัวแทนฟ้องต่อโลกอีกครั้งถึงสถานการณ์เลวร้ายในซีเรีย โดยเฉพาะเด็กๆ ที่ตกอยู่ในอันตรายจากการกระทำของผู้ใหญ่

แพทย์และพยาบาลที่รักษาอุมราน บอกว่า เมื่อมาถึงโรงพยาบาลเด็กน้อยดูท่าทางช็อกและตกใจ ดังนั้น ระหว่างรับการรักษาอยู่เด็กน้อยไม่พูดอะไรเลยและไม่ร้องไห้ด้วย แต่หลังจากรักษาพยาบาลเสร็จแล้ว เขาจึงเริ่มร้องไห้และตะโกนเรียกหาพ่อกับแม่

นายแพทย์ชื่อโมฮัมหมัดบอกว่า อุมรานโชคดีไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่บาดเจ็บที่ศีรษะเล็กน้อย สมองไม่กระทบกระเทือน และปล่อยให้กลับบ้านได้หลังจากรับการรักษา 2 ชั่วโมง คุณหมอบอกว่าการที่เด็กน้อยอุมรานมีสีหน้างุนงงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอาจเป็นเพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนที่เขาอาจกำลังหลับอยู่ แต่แล้วจู่ๆ เขาก็ถูกนำตัวเข้ามานั่งในรถพยาบาล

ครอบครัวของอุมราน ซึ่งประกอบด้วยพ่อแม่ และน้องชาย-พี่ชาย-พี่สาว โชคดีที่เพียงบาดเจ็บ แต่พวกเขาก็สูญเสียบ้านไป

มีเด็กซีเรียอีกมากมายที่เสียชีวิตไปนับไม่ถ้วนจากสงครามกลางเมืองที่ดำเนินมายาวนาน เพียงแต่เรื่องราวของพวกเขาไม่ได้ถูกเผยแพร่ให้โลกรู้

ความเลวร้ายในอเลปโป มียิ่งกว่านั้น เมื่อโรงพยาบาลเองก็ถูกโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน ทำให้โรงพยาบาลขาดแคลนหมอผู้เชี่ยวชาญ คุณหมอโมฮัมหมัดบอกว่าเฉพาะโรงพยาบาลของเขาในอเลปโปถูกทิ้งระเบิดใส่มากกว่า 10 ครั้งแล้ว ทำให้ขณะนี้ทั้งอเลปโปเหลือหมอผ่าตัดเพียง 15 คน

มุสตาฟา อัล-ซาร์อุต นักข่าวในอเลปโป เป็นผู้ถ่ายภาพวิดีโอของเด็กน้อยอุมรานเอาไว้ บอกว่ารู้สึกแปลกใจที่ภาพนี้ถูกสื่อทั่วโลกนำไปเผยแพร่ต่อ เพราะสำหรับเขาแล้วซึ่งต้องทำหน้าที่รายงานข่าวประเภทนี้อยู่ทุกวัน สิ่งที่เกิดขึ้นธรรมดามาก

“การฆ่าเด็กกลายเป็นสิ่งธรรมดาในอเลปโปและส่วนอื่นๆ ของซีเรียไปแล้ว คนที่บันทึกภาพความโหดร้ายวันแล้ววันเล่าไม่แปลกใจในสิ่งที่พวกเขาเห็นอีกต่อไป การทิ้งระเบิดใส่เด็กเกิดขึ้นทุกวัน การทิ้งระเบิดของรัสเซียและรัฐบาลซีเรียคือความจริงที่เกิดขึ้นทุกวัน” มุสตาฟาบอก

ตามข้อมูลขององค์การยูนิเซฟ สงครามในซีเรียก่อให้เกิดความสูญเสียชีวิตและทรัพย์สินของมนุษยชาติมากที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 มีเด็กกว่า 8 ล้านคนตกอยู่ในอันตราย

ข่าวความรุนแรงจากสงครามในซีเรีย กลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้วสำหรับนักข่าวหรือสื่อที่อยู่ห่างไกลจากซีเรีย เพราะดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว หรือไม่ก็เห็นว่าเกิดบ่อยจึงไม่ให้ความสนใจ แบบเดียวกับปัญหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่นานวันเข้าทุกคนก็ชินเห็นเป็นเรื่องปกติ ซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องดี

ข่าวซีเรียก็เช่นกัน หากใครรอดูแค่ข่าวจากทีวีไทย ก็คงจะได้ดูอย่างผิวเผินๆ แว่บๆ ไม่เกิน 30 วินาที แต่หากใครอยากรับรู้ความโหดร้ายน่าเศร้าใจในซีเรีย ก็ต้องติดตามทีวีต่างประเทศเอาเอง เมื่อดูแล้วจะได้ตระหนักว่าเมื่อเทียบกับชะตากรรมของชาวซีเรียแล้ว คนไทยโชคดีกว่าแค่ไหน

และจะทำอย่างไรที่จะป้องกันไม่ให้ประเทศเดินไปสู่จุดนั้น

ซีเรีย ได้ชื่อว่าเป็นอู่อารยธรรมโลก เป็นไข่มุกแห่งยุคโบราณ เป็นดินแดนที่มีคนอยู่อาศัยต่อเนื่องมายาวนานหลายพันปีมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก

ก่อนเกิดสงครามกลางเมือง หรือก่อนปี 2554 ซีเรียเป็นประเทศที่มีอัตราการว่างงานต่ำที่สุดในภูมิภาคนี้ มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ และได้รับการยกย่องว่าทุ่มงบประมาณเพื่อจัดสร้างระบบสาธารณสุขดีที่สุด เป็นหนึ่งในประเทศที่มีแหล่งอารยธรรมดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ค่อนข้างมาก

แต่ในเวลาเพียง 5 ปี ทุกอย่างย่อยยับ จากที่ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีพอใช้ ต้องกลายเป็นคนไร้บ้าน ยากจน และต้องอพยพหนีออกนอกประเทศราว 3 ล้านคน เด็กๆ อายุแค่ 10 ขวบต้นๆ ไม่ได้เรียนหนังสือ ต้องทำงานช่วยพ่อแม่หาเงินในประเทศข้างเคียงที่พวกเขาอพยพไปอย่างเลบานอน ตุรกี

ดูข่าวซีเรียทุกวัน ดูข่าวประเภทเดียวกับหนูน้อยอุมรานทุกวัน คนไทยจะได้เตือนใจตัวเองว่าอยากก้าวเดินไปถึงจุดนั้นหรือไม่