การะเกต์ ศรีปริญญาศิลป์ : ทวีปที่สาบสูญ ถามตอบมากมายบนปลายลิ้น

ฉันไม่เคยเข้าโรงจำนำมาก่อนเลย ไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไร แหงนหน้าเห็นป้ายเขียนว่า สถานธนานุบาล วงเล็บ โรงรับจำนำ ก็น่าจะเป็นที่ที่พี่โฟบอกทางมาให้

ผลักประตูเข้าไป สัมผัสความเย็นที่แตกต่างจากข้างนอกจนรู้สึกได้ มีพัดลมตัวใหญ่หมุนติ้วๆ อยู่บนเพดาน

ผู้ชายหนึ่ง ผู้หญิงหนึ่ง นั่งอยู่ด้านหลังลูกกรงเหล็กเจาะช่อง ผู้หญิงผมดัดเกาะขอบชะโงกอยู่ อีกสองคนยืนกระสับกระส่ายอยู่ใกล้ๆ

“ขออีกหน่อยได้มั้ย”

“ไม่ได้ นี่ตีให้เต็มที่แล้ว”

เสียงเจรจากันอยู่แว่วๆ พาเอานึกประหม่าในใจ ฉันจะทำได้อย่างที่พี่โฟสอนมาหรือเปล่า

“มึงต้องยืนยันไว้นะอีพี่ ของเรามีค่ามีสิน เอามาเต็มๆ ให้มากที่สุด”

คนหลังซี่ลูกกรงหันมาสบตาฉันเข้า มืออูมกวักเรียก

“มาทางนี้”

มือที่กำถุงแซ่วไว้แทบจะชุ่มเหงื่อในเวลานั้น ระคนความโล่งใจ มันคงไม่ยากเท่าไหร่หรอกกระมัง

“ทำอะไร?” เสียงถาม

“เอ้อ…เอานี่มาให้ดู” รีบตอบและส่งของให้

ถาดยื่นมารับ ก่อนจะหยิบสร้อยทองขึ้น จ้องดูฉัน

“เอามาจากไหน”

“เอ้อ…ของพี่สาว”

“อืม” ตารีเล็กมองฉันอย่างพิจารณา โยนสร้อยในอุ้งมืออย่างคะเนน้ำหนัก แล้วส่งของคืนให้

“ไม่รับ”

ฉันใจหายวูบ

“ทำไม…”

ชายผิวขาวไม่พูดกับฉันอีก หันไปกวักมือเรียกคนใหม่ที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามา

“…ทำไมไม่เอาล่ะ” ฉันพยายามยืดตัวเข้าไปถาม “ยังไม่ได้เรียกราคาเลย”

ผู้หญิงอีกช่องหนึ่งเหลียวมาดูฉันอย่างเวทนา เอ่ยปากพูดออกมาคำหนึ่ง

 

ช่างเป็นวันที่แดดร้อนแดดไหม้ เมื่อออกจากห้องที่มีเสียงพัดลมครางหึ่งๆ นั้นมา

ยืนอยู่บนขอบทางเท้า สร้อยคอทองคำของพี่โฟยังอยู่ในถุงแซ่วขมวดปาก อยากเขวี้ยงมันลงถังขี้เหยื้อที่อยู่ถัดไป แต่ก็ไม่อาจ…

จะบอกกับพี่โฟอย่างไร ในใจเฝ้าคิดวนเวียนถึงเหตุการณ์เบื้องหน้า ถ้ากลับไป…พี่โฟจะว่าอย่างไร

ซุกถุงเข้าในกระเป๋ากางเกง มือควานถึงม้วนเล็กๆ ที่มัดไว้ ตอนนี้ก็จะมีเพียงแค่สองใบสุดท้าย…ใบแดงที่แสนมีค่า ซึ่งนับจากนี้ยังไม่รู้จะหาเพิ่มจากไหน

 

“ได้เท่าไหร่อีพี่”

พี่โฟถามทันทีที่เห็นหน้า เอี้ยวตัวหับประตู ใจไม่อยากจะพูดจาอะไรให้มากความนัก แต่ย่อมไม่มีทางเลี่ยงได้

“ไม่ได้สักบาทหรอกพี่”

“ทำไม!” พี่โฟจ้องหน้าเขม็ง “มึงอย่ามาวอกกับกูนะ”

“ไม่ได้วอก”

“หน็อย อีพี่ มึงลักโกงเงินกูหน้าด้านๆ เลยใช่มั้ย! ทำไม จะสับปะหลี้ว่าทำสร้อยคอหายยังงั้นรึ กูรู้ทันมึงหรอก! อย่ามาวอกกับกู!”

แม้ไม่เหนือความคาดหมาย แต่ก็ให้ขุ่นมัวขึ้นทันควัน

“ได้กี่บาท เอามาเดี๋ยวนี้!”

“ก็บอกว่าไม่ได้ๆ!”

“มึงอย่ามายัก…”

พี่โฟเบิกตาค้าง เมื่อฉันขว้างสร้อยคอลงให้ตรงหน้า เสียงกระทบพื้นดังแก่ก สีทองอร่ามยังเจิดจ้าในตา

“ของเก๊!” ฉันกระแทกเสียงใส่เข้าให้ “บาทเดียวเขาก็ไม่ให้”

“ไม่จริง” พี่โฟส่ายหน้า ตามองของบนพื้น “มันให้กูเป็นของหมั้น มันไม่ทำกับกูหยั่งนี้”

“เออ มันทำ รู้ไว้เสียด้วย” ฉันว่าเข้าใส่

คล้ายสัตว์ได้รับบาดเจ็บตัวหนึ่ง พี่โฟกระเสือกตีนออกมาข้างหน้า ใช้ส้นตีนตอกที่สร้อยคอเส้นนั้น และร้องไห้โฮออกมา

“ไอ้ชาติหมา! ไอ้เฮียชาติวอกชาติหมา! มันจุกู มันหลอกกู!!”

“ทำไมรู้ช้าจังเลยล่ะ ไหนว่าหล็วกนัก” ฉันทิ้งคำพูดลงไปอีกประโยคหนึ่ง ก่อนจะเบือนหน้าหนี

คงไม่มีอีกแล้ว สิ่งที่สวยงามสำหรับพี่โฟ ไม่เหลือชิ้นดีอีกต่อไป อะไรก็ตามที่มุ่งหวัง และ…เคยหวัง ทุกอย่างพังพินาศลง แตกกะเทาะ สูญสลายไปแล้ว รวมถึงอดีตที่เคยมานะพยายาม โดยเฉพาะความรัก…จากลมปากและของขวัญปลอมๆ

 

ฉันกลับมานั่งในซอกมุมที่จัดเอาไว้ ใช้ลังกระดาษเก่าคว่ำก้นทำเป็นโต๊ะรองเขียน มีสมุดกับปากกาเท่าที่จะพอหามาได้ โดยมีเสียงสะอื้นไห้ของพี่โฟคอยชำแรกเข้าหูตลอดเวลา

เจ็บแขน ปวดหลัง หากในบ่ายวันแดดร้อนที่ไม่รู้จะทำอะไร แม้แต่ข้าวน้ำก็ไม่อยากกิน ใจวนเวียนคิดเพียงว่า ถ้าหาใบเขียวใบแดงมาเพิ่มไม่ได้

แล้วพี่โฟเองไม่ยอมกลับบ้านไป

เราจะทำยังไงกัน

[ฉันจะทำอย่างไรได้บ้าง

กับแสงสว่างที่พร่างจนแสบตา

ฉันจะทำอะไรได้บ้างหรือ

ใครกันจะซื้อของไร้ราคา

ทั้งหมดในตัวฉันนี้

อะไรบ้างที่มีค่า

สมอง หัวใจ ดวงตา

เลือดเนื้อมูกมัน

ฉันจะพอขายได้ไหม]

ถ้าตัวหนังสือพวกนี้สามารถแปรเป็นสตางค์ได้บ้างคงจะดีสิ พวกบทกวีที่อยู่ในหัวของฉันเหล่านี้ด้วย ดูจะเป็นสิ่งเดียวที่มีท่วมท้นมากมาย ไม่ต้องซื้อต้องหา และไม่ว่าจะทุกข์ จะสุข จะเจ็บปวด จะโศกเศร้า พวกมันยังคงเพิ่มจำนวนทยอยกันออกมา

ดูเอาเถอะ ปราศจากความหวังกับอนาคต ใบแดงพร้อมจะปลิวจากไปได้ทุกขณะ ทว่า ตัวหนังสือยังออกจากปลายนิ้วของฉันมาได้เรื่อยๆ

บนโต๊ะก้นลัง

[ถ้าเรามีเงินมากกว่านี้สักนิด

ชีวิตคงทำอะไรอีกมากได้

และถ้าบางที่มีน้ำใจ

ท้องฟ้ากว้างใหญ่คงแคบลง

ทำไมนะคนเราถึงต่างกัน

บางคนเกิดพลันก็สูงส่ง

บางคนแค่ยืนก็จมลง

ไร้ความมั่นคงบนผืนดิน]

คนที่เขียนตัวหนังสือออกมามากๆ แล้วขายได้ เขาเรียกว่านักเขียนใช่ไหม ทำยังไงกัน ฉันถึงจะเป็นนักเขียนกับเขาได้บ้าง ถ้าหาก…ถ้าหากมีที่ไหนรับซื้อตัวหนังสือ ฉันต้องรวยแน่ๆ

ว่าแต่ตัวหนังสือที่พวกเขาจะรับซื้อ มันต้องเป็นแบบไหน…แล้วที่ไหน จะส่งตัวหนังสือไปขายได้บ้าง

[ทำไมชีวิตถึงแตกต่าง

พยายามอย่างมากก็สูญสิ้น

ถามตอบมากมายบนปลายลิ้น

ได้ยินก็เพียงตัวฉันเอง]

เสียงหวีดไห้ของพี่โฟดังขึ้นในความเงียบ เวลาล่วงผ่านเข้าถึงในยามค่ำคืน ฉันตื่นจากภวังค์ พบว่าตัวเองเขียนตัวหนังสือใส่สมุดไปตั้งมากมายหลายหน้า จากบ่ายจัดจนตะวันลับฟ้า ไม่ได้เปิดไฟนีออนในห้องกันเลยสักดวง

พี่โฟนอนตะแคงตัวงออยู่บนพื้น หัวพาดบนหมอนปลอกสีเขียว ปากบิดเบี้ยวและมือหงิกงอกระตุกสั่นระริก

“พี่โฟ!”

ใบหน้าพี่โฟซีดขาว แต่ราวไร้สติในความหลับใหล

“ทำกับกูแบบนี้ได้ยังไง! มึงทำได้ยังไง!”

ที่แท้เพียงแค่ละเมอในระหว่างหลับฝัน แต่น้ำตาที่ไหลพรากๆ อาบแก้มก็เป็นความจริงยิ่งกว่า ฉันยืนจ้องดูอยู่อย่างเฉยชา

ไม่หรอก ไม่ใช่ไม่รู้สึกรู้สา

เพราะรู้สึกมากเกินไปต่างหาก

…ทำไมชีวิตถึงแตกต่าง

พยายามอย่างมากก็สูญสิ้น

ถามตอบมากมายบนปลายลิ้น

ได้ยินก็เพียงตัวฉันเอง