หน้ากากคนดี “แปดเปื้อน” | จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ใกล้จะปีใหม่แล้ว ก่อนส่งท้าย 2565 นักข่าวสายทำเนียบ มอบของขวัญปีใหม่ให้ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมคณะรัฐมนตรี แต่ไม่ได้เป็นเค้ก กระเช้าอวยพร คำกลอน แต่เป็น “ฉายารัฐบาลแห่งปี 2565”

กระจิบกระจอกข่าวประจำรังนกกระจอก ตีนทำเนียบรัฐบาล ยึดถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานมากกับการ “ตั้งฉายา” ให้กับผู้คนในภาคบริหารประเทศ เพื่อเป็นกระจกเงาสะท้อนการทำงานของรัฐบาล โดยปราศจากอคติ

ฉายาของรัฐบาลประจำปี 2565 “หน้ากากคนดี” โดยสรุปที่ไปที่มาว่า พ.ศ.2565 เป็นอีกหนึ่งปีที่ทุกคนยังต้องสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะเดียวกันภายใต้หน้ากากของรัฐบาลที่สร้างภาพจำตลอดเวลาว่าเป็นคนดี นโยบายทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน แต่กลับเกิดข้อกังขาว่ายังเดินตามเจตนารมณ์ที่ประกาศไว้ได้หรือไม่ เช่น นโยบายกัญชา ที่อวดอ้างทำเพื่อประชาชน แต่เกิดผลกระทบจากการใช้ผิดวัตถุประสงค์ กลายเป็นปัญหาสังคมบานปลาย แม้แต่การออกกฎหมายควบคุมการใช้ยังทำไม่ได้ สุดท้ายผลักภาระเพิ่มให้ตำรวจเพียงเพราะต้องการเช็กลิสต์ตามนโยบายที่หาเสียงไว้

นโยบายประชานิยมที่ออกแนวหาเสียงให้ทั้งเบ็ด ทั้งปลา หรือการประกาศแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็มีความคลุมเครือ ว่าประโยชน์ที่ได้นั้นเป็นของประชาชนหรือนักการเมืองกันแน่

แต่ไม่ว่าจะเป็นนโยบายของพรรคการเมืองใด เมื่อออกมาในนามของรัฐบาล ประชาชนจึงเกิดความเคลือบแคลงสงสัยว่าภายใต้หน้ากากที่ประกาศเป็นคนดีนั้นจริงหรือไม่

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ฉายา “แปดเปื้อน” บรรยายสรรพคุณว่า ปมวาระดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปี สั่นคลอนภาพลักษณ์ของพล.อ.ประยุทธ์ตลอดปีที่ผ่านมา และกลายเป็นข้อครหาถึงความชอบธรรมในการครองเก้าอี้นายกฯ ต่อเนื่องและยาวนาน “พล.อ.ประยุทธ์” ถือเป็นนายกฯ คนแรกของประเทศไทยที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แม้จะเพียงแค่ 38 วัน ก็ทำให้สังคมเคลือบแคลงสงสัยในตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ที่มักจะพูดเสมอว่า ไม่ยึดติดอำนาจ ทุกอย่างทำเพื่อบ้านเมือง และประชาชน ไม่เอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง

“ยิ่งเมื่อปัญหาใต้พรมถูกขุดคุ้ยขึ้นใกล้ตัวเกินกว่าจะปัดความเกี่ยวโยงได้ ทั้งนโยบายประชานิยม ทุนสีเทาสนับสนุนพรรคการเมือง หรือแม้แต่นักการเมืองใกล้ตัว นายทหารใกล้ชิด ที่ได้ไปนั่งอยู่ในบอร์ดบริหารบริษัทพลังงาน แม้พิสูจน์กันทางกฎหมายไม่ได้ แต่ทำให้ถูกมองว่าไม่ได้ใสสะอาด ผุดผ่องอีกต่อไป”

“พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี “ลองนายกฯ” แม้เป็นเวลาเพียง 38 วันที่ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ แต่ พล.อ.ประวิตรก็ทำอย่างสุดกำลัง ถึงแม้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เป็นลองนายกฯ หลายครั้งที่ตัวจริงต้องไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ พี่ใหญ่กลุ่ม 3 ป.ในฐานะ สร.2 ทำหน้าที่มาตลอด แต่ไม่ยาวนานเช่นครั้งนี้ ซึ่งมีอำนาจเต็ม หากจะยุบสภาก็สามารถทำได้ บรรดากองหนุนและกองเชียร์ ปั่นกระแสจนเคลิ้ม ถึงกับประกาศใช้ “ใจบันดาลแรง” ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ลุยงานรัวๆ ทำเอากองเชียร์นายกฯ ตัวจริง ร้อนๆ หนาวๆ แต่สุดท้ายได้แค่ “ลอง” เท่านั้น

“นายวิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี “เครื่องจักรซักล้าง” ความเอกอุด้านกฎหมายระดับปรมาจารย์ในตำนาน ถูกใช้สนองตอบความต้องการขอรัฐบาลทุกช่องทาง ทั้งพรรคหลัก พรรคร่วม ไม่มีเลือกปฏิบัติ ช่วยยกภูเขาออกจากอก ลดปัญหาหนักใจ ทำหน้าที่เหมือนเครื่องจักร คอยซักล้างความผิดปกติเกิดขึ้นกับรัฐบาลให้ผ่านพ้น

เรื่องไหนผ่านมือเนติกรคนนี้ อย่าหวังว่าจะมีใครโต้แย้งได้ เช่น ปม 8 ปีการดำรงตำแหน่งนายกฯ การแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือแม้แต่เรื่องเหมืองทองอัครา

 

“นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข “ภูมิใจดูด พูดแล้วดอย” พูดแล้วทำคือสโลแกนพรรคภูมิใจไทย แต่ทำสำเร็จหรือไม่เป็นอีกเรื่อง แม้จะปลดล็อกกัญชาจากการเป็นยาเสพติด แต่กฎหมายควบคุมกลับค้างเติ่งติดดอยไปต่อไม่ได้ เกิดเป็นปัญหาสังคมบานปลาย เด็กและเยาวชนสามารถเข้าถึงกัญชาได้อย่างง่ายดาย เมื่อจวนตัวกลับโยนให้เป็นภาระของเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติหัวจะปวดกันทั้งประเทศ ขณะที่บทบาทพรรคร่วมเป็นเด็กดีมาโดยตลอด แต่เมื่อเสียงปี่กลองเลือกตั้งดังขึ้นกลับสวมบทไดโว่โชว์พลังดูด ส.ส.นักการเมืองทั้งจากพวกเดียวกันและต่างขั้ว ชนิดไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหม โดดเด่นไม่แพ้การนำเสนอนโยบายกัญชา

“นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์” รองนายกฯ-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “ประกันไรได้” ประกันรายได้เป็นนโยบายหาเสียงหลักของประชาธิปัตย์ “จุรินทร์” จัดหนักนโยบายนี้ จนแทนไม่โฟกัสงานอื่น ข้าวของขึ้นราคาไม่หยุด แต่สินค้าเกษตรกลับทุ่มเงินไปประกันอย่างต่อเนื่อง จึงเกิดคำถามกับการแก้ปัญหาของรัฐบาลด้วยวิธีประกันรายได้ ว่าถูกทางจริงหรือ ที่ว่าประกันนั้น “ประกันไรได้บ้าง”

โดยที่คนอื่นๆ เช่น “นายดอน ปรมัติวินัย” รองนายกฯ-รมว.ต่างประเทศ “ลุ่มๆ ดอนๆ”

“นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ-รมว.พลังงาน ได้รับฉายา “Powerblank”

“พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “หน้าชัด หลังเบลอ”

“นายสุชาติ ชมกลิ่น” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้ฉายา “รมต.แรงลิ้น”

“นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รัฐมนตรีดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้รับฉายา “วันทอง 2 ป.”

และวาทะแห่งปี 2565 คือ “เกลียดหรือไม่เกลียด ก็ช่างคุณเถอะ เพราะผมไม่รู้” ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวระหว่างเป็นประธานเปิดการศึกษาหลักสูตร วปอ.รุ่น 65 เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2565

“ฉายาสะท้อนภาพ” ของรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” พักยก แขวนไมค์ไปชั่วคราวหลังปฏิวัติยึดอำนาจเมืองปี 2557 กลับมาอีกครั้งหลังเลือกตั้งปี 2562 โดยรัฐบาล “บิ๊กตู่” ได้รับฉายาจากสื่อทำเนียบตลอดมา ปี 2562 “รัฐบาลเชียงกง” 2563 “VARY กู้” ปี 2564 “ยื้อยุทธ์” และปี 2565 “หน้ากากคนดี”