ธุรกิจท่องเที่ยวเฮ! จีนเปิดประเทศ 8 ม.ค.66 ‘โรงแรม-สายการบิน’ ฟื้น | ศัลยา ประชาชาติ

บทความพิเศษ | ศัลยา ประชาชาติ

 

ธุรกิจท่องเที่ยวเฮ!

จีนเปิดประเทศ 8 ม.ค.66

‘โรงแรม-สายการบิน’ ฟื้น

 

ทันทีที่คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) ปลดล็อกมาตรการ Zero Covid ยกเลิกมาตรการกักตัวผู้เดินทางเข้าประเทศจีน ตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม 2566 มาใช้วิธีตรวจ PCR ที่เป็นลบภายใน 48 ชั่วโมงก่อนขึ้นเครื่อง เมื่อ 26 ธันวาคม 2565

ส่งผลให้ภาคธุรกิจท่องเที่ยวของไทยตื่นตัวและคึกคักขึ้นทันที

โดยข้อมูลจากสำนักงานปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ปี 2562 (ก่อนโควิด) มีนักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางเข้าประเทศไทย 10.99 ล้านคน ครองอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมด หรือราว 30%

สร้างรายได้รวมประมาณ 5.31 แสนล้านบาท

 

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ระบุว่า การเปิดประเทศดังกล่าวของจีนถือว่าเป็นการผ่อนคลายมาตรการระดับประเทศเป็นครั้งแรก หลังจากที่ใช้มาตรการคุมเข้ม หรือ Zero COVID มานานเกือบ 3 ปีเต็ม

ที่สำคัญเป็นแผนที่เร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจีนน่าจะมีนโยบายเปิดประเทศที่ชัดเจนในช่วงปลายไตรมาส 1 และเห็นภาพการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนในช่วงต้นไตรมาส 2 ซึ่งเป็นช่วงของการเปลี่ยนตารางบินสู่ตารางบินฤดูร้อน (Summer Schedule) ในช่วงต้นเดือนเมษายน 2566

แนวทางดังกล่าวเป็นปัจจัยบวกอย่างมากสำหรับภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยและทั่วโลก

รวมทั้งยังเพิ่มความมั่นใจให้ผู้ประกอบการในกลุ่มซัพพลายไซด์ให้กลับมาทำธุรกิจกันมากขึ้น และแรงงานท่องเที่ยวกลับเข้าสู่ระบบมากขึ้นด้วยเช่นกัน

ทั้งนี้ ประเมินว่าการผ่อนคลายมาตรการของจีนที่เร็วขึ้นนี้จะทำให้ภาพรวมในปี 2566 มีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเติมอีกประมาณ 5 ล้านคน จากเป้าหมายเดิมที่วางไว้ที่ 20 ล้านคน

“ยุทธศักดิ์” ให้ข้อมูลด้วยว่า ที่ผ่านมาสำนักงาน ททท.ทั้ง 5 แห่งในจีน มอนิเตอร์สถานการณ์อย่างต่อเนื่อง พร้อมทำการตลาดรวมถึงร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือ OTA ของจีนมาเป็นระยะ และพบว่าความต้องการเดินทางมาไทยยังมีสูง จึงเชื่อว่าทันทีที่คนจีนออกนอกประเทศได้ ไทยจะเป็นเดสติเนชั่นในใจของคนจีนแน่นอน

สอดรับกับ “ธเนศวร์ เพชรสุวรรณ” รองผู้ว่าการด้านตลาดเอเชียและแปซิฟิกใต้ ททท. ที่บอกว่า แม้เบื้องต้นจะยังระบุเพียงว่าเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เชื่อว่าจะอนุญาตให้คนจีนเดินทางออกนอกประเทศเพื่อการท่องเที่ยวในระยะต่อไป กระทั่งกลับสู่ภาวะปกติในอนาคตอันใกล้นี้

โดยหวังว่าจะเริ่มเห็นภาพการเดินทางออกนอกประเทศของคนจีนบางกลุ่มในช่วงตรุษจีน 2566 (22 มกราคม 2566) และชัดเจนยิ่งขึ้นในช่วงไตรมาส 2 โดยคาดว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในปี 2566 จะกลับมาได้ประมาณ 5-6 ล้านคน

 

ด้าน “มาริสา สุโกศล หนุนภักดี” นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) ระบุว่า การเปิดประเทศของจีนเป็นปัจจัยบวกสำคัญของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หากนักท่องเที่ยวจีนกลับมาจะทำให้โรงแรมฟื้นตัวดีขึ้นในทุกระดับ โดยเฉพาะโรงแรมขนาดเล็กและโรงแรมที่พึ่งพาตลาดจีน

“ศุภจี สุธรรมพันธุ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทดุสิตธานี บอกว่า การผ่อนคลายความเข้มงวดสำหรับมาตรการป้องกันโควิดของจีนครั้งนี้ก็เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม และน่าจะได้เห็นการฟื้นตัวของตลาดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาอีกครั้ง

โดยคาดว่าการท่องเที่ยวของไทยมีโอกาสต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวจีนที่อาจจะออกท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนเป็นกลุ่มแรกพอดี อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยและภาคธุรกิจต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องของการจัดการในด้านการเดินทาง ทั้งทางอากาศ ทางน้ำ หรือทางบก ให้มีการจัดการที่เป็นระบบระเบียบ มีความสะดวกสบาย

รวมทั้งต้องดูแลมาตรการเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยต่างๆ ให้ได้มาตรฐานเพื่อให้นักท่องเที่ยวประทับใจและป้องกันความเสี่ยง ไม่ให้นำไปสู่การแพร่ระบาดอีกครั้ง

“รัชชพร พูลสวัสดิ์” นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย มองว่า การผ่อนคลายมาตรการของจีนจะช่วยให้ผู้ประกอบการทั้งโรงแรมและร้านอาหารมีความหวังมากขึ้น โดยประเมินว่านักท่องเที่ยวจีนจะเกิดกระแสการท่องเที่ยวแบบล้างแค้น เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาติอื่น

และคาดว่าหากจีนเปิดให้พลเมืองออกนอกประเทศเร็ว จะทำให้อัตราการเข้าพักของโรงแรมเกาะสมุยในไตรมาสที่ 1/2566 ปรับตัวสู่ระดับ 80-90% จากปกติที่มีประมาณ 70-80% รวมทั้งทำให้เกิดกระจายรายได้ไปยังโรงแรมบางแห่งซึ่งยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ด้วย

ส่วน “ภูมิกิตติ์ รักแต่งาม” ประธานที่ปรึกษาสมาคมธุรกิจการท่องเที่ยวภูเก็ต ประเมินว่าเร็วสุดน่าจะเห็นการเดินทางของนักท่องเที่ยวจีนช่วงปลายไตรมาสที่ 1/2566 และคาดว่าตลอดทั้งปี 2566 จะมีชาวจีนเดินทางเข้าภูเก็ตประมาณ 900,000-1,000,000 คน หรือประมาณ 30% ของนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางเข้าภูเก็ตในปี 2562 (ประมาณ 3 ล้านคน)

ขณะเดียวกันก็จะช่วยเพิ่มอัตราการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมในปี 2566 เป็นประมาณ 70% จากค่าเฉลี่ยปี 2565 ประมาณ 60%

 

ในฟากของผู้ประกอบการสายการบินต่างก็เตรียมแผนตั้งรับเช่นกัน โดย “สันติสุข คล่องใช้ยา” ซีอีโอสายการบินไทยแอร์เอเชีย เชื่อว่าการเปิดประเทศของจีนจะเป็นตัวแปรสำคัญในการฟื้นตัวของภาคการบินและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย โดยคาดว่าภายในไตรมาส 1/2566 นี้ ทางการจีนจะมีการพิจารณานโยบายจำกัดโควตาเที่ยวบินเข้าประเทศ

พร้อมระบุว่า ปัจจุบันไทยแอร์เอเชียทำการบินอยู่ประมาณ 1,000 เที่ยวบินต่อสัปดาห์ ใช้เครื่องบินปฏิบัติการ 43 ลำ จากฝูงบินทั้งหมด 53 ลำ มีเครื่องบินสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน 10 ลำเพียงพอต่อการขยายเส้นทาง เพิ่มความถี่ และรองรับการเปิดประเทศของจีน

โดยแผนการเปิดเส้นทางบินสู่ประเทศจีนนั้นเบื้องต้นจะทยอยเปิดเส้นทางบินเดิมที่เคยให้บริการก่อน ซึ่งยังต้องรอความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการ ข้อกำหนดจากทางสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศจีน (CAAC) ด้วย

“วรเนติ หล้าพระบาง” ซีอีโอสายการบินไทยเวียตเจ็ท มองในทิศทางเดียวกันว่า การเปิดประเทศของจีนถือเป็นปัจจัยบวกธุรกิจการบินในปี 2566 ซึ่งคาดว่าการผ่อนคลายมาตรการต่างๆ จะชัดเจนขึ้นในไตรมาสที่ 2/2566

ทั้งนี้ ไทยเวียตเจ็ทมีแผนทำการบินสู่เมืองเฉิงตู มณฑลเสฉวน เมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน และเมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทันที่จีนเปิดประเทศ เนื่องจากมีการพูดคุยกับหุ้นส่วนทางธุรกิจไว้บ้างแล้ว จากนั้นจึงจะขยายเส้นทางบินไปยังเมืองอื่นๆ ต่อไป

ขณะที่ “ศิษฎิวัชร ชีวรัตนพร” นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (ATTA) มองว่า การประกาศเปิดประเทศของจีนถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และหวังว่าจีนจะประกาศผ่อนคลายนักท่องเที่ยวขาออกในลำดับต่อไป

ในส่วนของสมาคม ATTA ประเมินว่าหลังจากวันที่ 8 มกราคม 2566 น่าจะเริ่มเห็นนักท่องเที่ยวจีนทยอยเข้ามาบ้าง และชัดเจนมากยิ่งขึ้นในช่วงเมษายน-พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป

 

“พิพัฒน์ รัชกิจประการ” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ย้ำว่า การประกาศเปิดประเทศของจีนเป็นปัจจัยบวกด้านการท่องเที่ยวปี 2566 อย่างแน่นอน

และทำให้สามารถขยับตัวเลขเป้าหมายนักท่องเที่ยวจาก 20 ล้านคน เป็น 25 ล้านคน

สร้างรายได้ไม่ต่ำกว่าเป้าหมาย 2.38 ล้านล้านบาท

การปลดล็อกมาตรการ Zero Covid ของจีน จึงเป็น “ตัวแปร” สำคัญในการพลิกฟื้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยในปี 2566 นี้