นงนุช สิงหเดชะ/ขย้ำ “ตูน” กระทบชิ่ง “ประยุทธ์” อาการ “จิตป่วย” จากการเมือง

บทความพิเศษ/นงนุช สิงหเดชะ

ขย้ำ “ตูน” กระทบชิ่ง “ประยุทธ์” อาการ “จิตป่วย” จากการเมือง

ไม่น่าเชื่อว่าการประกาศวิ่งครั้งใหญ่ของนักร้องดัง ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย ระยะทางกว่า 2,000 กิโลเมตร จากใต้สุดสู่เหนือสุดเพื่อระดมทุนให้กับโรงพยาบาลศูนย์ที่ขาดแคลนงบประมาณทั่วประเทศ จะถูกคนบางกลุ่มบางสี ออกมาโจมตีด้วยจิตอกุศล เหตุเพราะ “จิตป่วย” จากการหมกมุ่นเลือกข้างแบ่งฝ่ายทางการเมือง พยายามฉวยทุกโอกาสเข้าไปโยงกับการเมืองเพียงเพราะอยากด่ารัฐบาลที่ตัวเองไม่พอใจ

ไม่ว่าจะพยายามอ้างเหตุผลอย่างไร แต่ปฐมเหตุหลักที่ทำให้คนกลุ่มนี้ออกมาโจมตีการวิ่งครั้งนี้ก็คงไม่พ้นการเกาะกระแสนักร้องดังเพื่อด่ากระทบชิ่งรัฐบาล

มีการอ้างว่าการวิ่งระดมทุนครั้งนี้เป็นการประจานความล้มเหลวของรัฐบาลในการบริหารระบบประกันสุขภาพและสาธารณสุข และยังโยงไปถึงประเด็นที่ว่า ถ้าไม่เป็นเพราะรัฐบาลเอาเงินไปจัดซื้ออาวุธ ก็คงมีเงินมาให้โรงพยาบาลโดยไม่ให้ตูนต้องมาวิ่งให้เหนื่อย

บางคนก็อ้างว่า ดีเสียอีกการวิ่งของตูนจะเป็นการกระตุกรัฐบาลให้เห็นว่าโครงการ 30 บาทขาดแคลนงบประมาณ ระบบสาธารณสุขมีปัญหา

ถ้าจะอ้างว่าให้เอาเงินสำหรับจัดซื้ออาวุธมามอบให้โครงการ 30 บาท ก็คงมีสวนกลับว่า ถ้ารัฐบาลที่แล้วไม่ทุจริตจำนำข้าวนับแสนล้านบาท ป่านนี้โรงพยาบาลต่างๆ ก็คงมีงบประมาณเพียงพอ

นอกจากนี้ ในความเป็นจริงยังไม่เห็นมีรัฐบาลไหนแม้แต่รัฐบาลเลือกตั้งไม่ซื้ออาวุธ

น่าตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ถ้าตูนวิ่งในสมัยของรัฐบาล “ทักษิณ-สมชาย-ยิ่งลักษณ์” เพื่อระดมทุนช่วยโรงพยาบาลแบบเดียวกันนี้ ปฏิกิริยาของคนกลุ่มนี้จะออกมาแบบเดียวกันหรือไม่ แต่ฟันธงได้ว่าจะเป็นตรงข้าม คือคงยกย่องสรรเสริญเยินยอตูนว่ามีน้ำใจงามและคงอวยพร อนุโมทนาสาธุ

เรื่องไม่เป็นเรื่อง แต่ถูกทำให้เป็นเรื่องขึ้นมาได้นี้ ไม่มีอะไรมากไปกว่าตูนมาวิ่งในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นเอง

ส่วนพวกที่บอกว่าวิ่งให้ตายก็แก้ปัญหาระยะยาวไม่ได้นั้น คนประเภทนี้ก็แค่พวก “ผีเจาะปากมาพูด” และสะท้อนให้เห็นความคิดที่ไม่สร้างสรรค์ เป็นคนที่ชอบนำพาจิตตัวเองลงสู่ที่ต่ำ

ตูนยังไม่เคยบอกว่าการวิ่งครั้งนี้ของเขาจะแก้ปัญหาได้ทั้งหมด สิ่งที่เขาพูดออกมาคือแค่อยากเป็นส่วนหนึ่งที่ได้ช่วยเหลือตามกำลังที่ทำได้เท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีน่าสนับสนุน

ตูนคือตัวอย่างที่ดีในการสร้างแรงบันดาลใจให้คนอื่นในการช่วยเหลือสังคม และยังเป็นตัวอย่างที่ดีของคนที่มีความอดทนและมานะพยายามต่อความเหนื่อยยาก เพราะการจะวิ่งได้ไกลขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใครก็ทำได้ น้อยคนนักที่จะทำได้ และเมื่อทำสำเร็จแล้วจะเกิดความอิ่มใจ ปีติ นับถือตัวเอง รู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ซึ่งเป็นความต้องการสูงสุดของมนุษย์ในแง่ที่ไม่ใช่วัตถุ

คนที่รู้สึกนับถือตัวเองและรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่าและความสามารถ จะเป็นคนที่มีความสุขในตัวเอง และเผื่อแผ่ความสุขไปยังคนอื่น เป็นคนที่มีคุณภาพ

การวิ่งระยะไกลเช่นนั้น ในแง่ปัจเจกบุคคลมันคือบททดสอบความแข็งแกร่งของจิตใจและฝึกวินัย ซึ่งเป็นคุณสมบัติอันดีของมนุษย์ ใครที่เริ่มต้นวิ่งใหม่ๆ อย่างการวิ่งจ๊อกกิ้งเพื่อออกกำลัง จะรู้ว่าครั้งแรกๆ นั้นการจะวิ่งต่อเนื่องให้ได้ครบ 10 นาทีก็เป็นเรื่องเหนื่อยยากแทบขาดใจ ต้องฝืนตัวเองอย่างมากเพื่อไม่ให้เลิกล้มไปกลางคันเสียก่อน

ทุกครั้งที่เราทำสำเร็จในแต่ละขั้น จากวันแรก 10 นาที วันต่อไป 20 นาที วันต่อไป 30 นาที ไปจนถึงหนึ่งชั่วโมง จะเกิดความภูมิใจและรู้สึกท้าทายตัวเองทุกครั้ง

การฝึกจิตใจตัวเองผ่านการวิ่ง มีประโยชน์ต่อเรื่องอื่นในชีวิตของเรา ไม่ว่าจะการทำงานหรืออื่นๆ

ส่วนพวกที่วิจารณ์ตูนนั้น อาจเป็นพวกขี้แพ้และชีวิตนี้ไม่เคยทำอะไรสำเร็จหรือไม่เคยพยายามทำสิ่งที่ยากหรือเหนื่อยยาก บางคนครั้นแต่จะเดินไปซื้อกับข้าวหน้าปากซอยแค่ 100-200 เมตรยังขี้เกียจ ต้องหายานพาหนะมาช่วย

สำหรับคนที่ใจมืดบอดถึงขั้นคิดไปว่าตูนอยากโปรโมตตัวเองเพื่อให้ดังนั้น ตราบใดที่ตูนวิ่งจริงและมอบเงินให้โรงพยาบาลจริงตามที่พูดก็ย่อมเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ ไม่เห็นเป็นไร เพราะอย่างน้อยตูนก็ยังทำอะไรสักอย่าง

แต่พวกที่ไม่ทำอะไรสักอย่างแล้วยังมาพูดบั่นทอนจิตใจคนอื่นนี่น่าสมเพชเวทนา

วิธีคิดแบบตูนต่างหากที่จะทำให้ประเทศพัฒนาก้าวหน้าและตัวเองก็ก้าวหน้าอย่างทุกวันนี้ ส่วนความคิดของพวกใจมืดบอดต่างหากคือพวกถ่วงความเจริญทั้งของตัวเองและของชาติ เพราะวิธีคิดของพวกเขาเป็นอุปสรรคในตัวเอง

ถ้าอยากด่ารัฐบาล มีโอกาสอื่นอีกมากมายที่จะด่า ไม่ควรอาศัยเรื่องของตูนมาด่า เพราะถึงแม้คุณจะอ้างว่าไม่ได้ด่าตูนโดยตรง แต่การวิจารณ์ในแง่ลบและนำไปโยงการเมืองเช่นนั้นมันบั่นทอนจิตใจคนที่อยากทำดี ส่วนเยาวชนก็จะเกิดความสับสนลังเล ไม่กล้าทำดีช่วยเหลือสังคม เพราะกลัวจะโดนแบบตูน

ถ้าคิดว่าตัวเองมีอารยะทางความคิด ก็ควรจะละเว้นคนที่เขาทำความดี ทำกุศล อย่าปล่อยให้ความเกลียดชังทางการเมืองมาครอบงำจิตใจจนขาดเหตุผล ถ้าชื่นชมไม่ได้ ก็ควรอยู่เฉยๆ จะดีกว่า

ส่วนที่อ้างว่าการวิ่งของตูนช่วยเปิดให้เห็นปัญหาระบบสาธารณสุขหรือการให้บริการรักษาพยาบาลนั้น อันที่จริงปัญหานี้เกิดมาทุกรัฐบาลนับตั้งแต่มีโครงการ 30 บาท หรือเริ่มจากยุคคุณทักษิณ เพราะเป็นโครงการที่เกินกำลังเมื่อเทียบกับรายได้ของประเทศ

ปัญหางบประมาณไม่เพียงพอเกิดขึ้นโดยตลอด รอแต่เพียงว่าวันไหนจะวิกฤตถังแตกเท่านั้น หลายคนรู้แก่ใจดี เพียงแต่พอปัญหาเกิดขึ้นในรัฐบาลที่ตัวเองชอบ ก็อุบเงียบไว้ ช่วยกลบไว้ แล้วก็มาฉวยโอกาสประโคมปัญหาให้ดูใหญ่โตในรัฐบาลที่ตัวเองไม่ชอบ

ผู้คิดโครงการนี้ขึ้นมาต้องการนำโครงการนี้มาใช้ในระยะทดลองก่อน แต่ด้วยความที่คุณทักษิณอยากชนะเลือกตั้งก็รวบรัดให้นำโครงการนี้มาใช้แบบถาวร และจากนั้นก็เลยตามเลย ไม่มีใครกล้าเปลี่ยนแปลง เนื่องจากจะถูกหาว่าไม่ช่วยคนจน กระทบต่อคะแนนเสียงได้

หลังจากดำเนินโครงการมาแล้ว สิ่งที่เกิดขึ้นคือประชาชนไม่คิดป้องกันสุขภาพตัวเอง เพราะคิดว่าเจ็บป่วยขึ้นมาก็รักษาฟรี เกิดการไปหาหมอ ไปโรงพยาบาล ไปขอยากันแบบพร่ำเพรื่อ คนไข้ล้นโรงพยาบาล ที่ร้ายกว่านั้นคือคนจนจริงๆ ถูกคนไม่จนหรือพวกมีอันจะกินมาแย่งใช้บริการ เพราะอยากได้ของฟรี

ส่วนแพทย์ พยาบาลทำงานหนักจนไม่ได้พักผ่อนอย่างที่มนุษย์ควรได้พัก สิ่งที่ตามมาคือแพทย์ลาออกจำนวนมากที่สุดในยุคที่มีโครงการ 30 บาทนี่แหละ

สัจธรรมของของฟรี ก็คือ มันจะถูกใช้อย่างไม่เห็นค่า ใช้อย่างสิ้นเปลืองและหมดไปอย่างรวดเร็ว ถมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม