โลกหมุนเร็ว/ความรวย

โลกหมุนเร็ว/เพ็ญศรี เผ่าเหลืองทอง [email protected]

ความรวย

ระหว่างความรวยกับความจน ใครเล่าจะเลือกความจน นอกเสียจากว่าความรวยนั้นมาจากเหตุที่ไม่สุจริต ก่อให้เกิดทุกข์ เมื่อเทียบกับความจนที่จนเพราะสุจริต แบบนี้ความจนย่อมดีกว่า

ความรวย ในตัวของมันเองไม่ได้ทำให้คนเราเป็นสุข ถ้ามันมีที่มาที่ไม่ถูกต้อง ถ้ามันทำให้โดดเดี่ยวอ้างว้าง ไม่มีใครคบหา ถ้ามันสร้างความรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ ในใจ ความรวยย่อมไม่ทำให้เป็นสุขแน่นอน

ปรากฏการณ์ของความรวยในระบบเศรษฐกิจใหม่ เป็นเรื่องชวนฉงนฉงาย แม้สำหรับคนที่คิดว่าตนเองฉลาดปราดเปรื่อง อย่างคราวหนึ่งศิลปินผู้ยิ่งใหญ่อย่าง ถวัลย์ ดัชนี เคยปรารภถึงบุตรชายที่ชื่อ ดอยธิเบศร์ ผู้ซึ่งได้ร่ำเรียนจบวิชาบริหารจัดการพิพิธภัณฑ์มาว่า เขานึกไม่ถึงว่าในขณะที่เขาใช้เวลาสร้างงานแล้วขายได้ชิ้นละราคาเรือนล้าน แต่ดอยธิเบศร์สามารถจัดงานวันเดียวได้เงินมา 30 ล้าน นี่เป็นเพราะถวัลย์อยู่ในระบบเศรษฐกิจเก่า ส่วนลูกชายอยู่ในระบบเศรษฐกิจใหม่ที่สิ่งที่มองไม่เห็นตัวตนอย่างแบรนด์สามารถสร้างมูลค่าได้มหาศาล

ระบบเศรษฐกิจเก่าคือระบบที่อิงกับการผลิต ระบบเศรษฐกิจใหม่คือระบบที่อิงกับชื่อเสียง

คนมีชื่อเสียงอย่าง เดวิด เบ๊กแฮม สามารถทำเงินได้มหาศาลหลักพันล้านปอนด์จากการขายความนิยมที่คนมีในตัวเขา นี่คือระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ไม่ใช่ผลงานที่ขายได้ หากแต่เป็นชื่อเสียงที่นำไปต่อยอด

ระบบเศรษฐกิจใหม่ผลักดันให้คนอย่าง มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก ในวัยแค่ 30 กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน

และล่าสุดเศรษฐีใหม่ชาวจีนที่วันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก แจ๊ก หม่า ก็ทำเว็บ อีคอมเมิร์ซ B2B (Business to Business) ประสบความสำเร็จอย่างถล่มทลาย

อาจเป็นเรื่องไม่น่าแปลกใจที่จะบอกว่าคนไทยก็มีเศรษฐีจากระบบเศรษฐกิจใหม่เหมือนกัน แต่ถ้าหากบอกว่าเขาคนนั้นเป็นศิลปินก็คงจะเริ่มแปลกใจกันแล้ว เพราะปรากฏการณ์แบบนี้ไม่เคยมีในเมืองไทย ถ้าเป็นศิลปินฝรั่งก็ไปอย่าง

ศิลปินที่ว่านี้มีทรัพย์สินเป็นมูลค่าถึง 7,000 ล้านบาท

เขาจะเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ประวัติศาสตร์ต้องจารึกไว้ว่ามีทรัพย์สินมูลค่าสูงขนาดนั้น

คำตอบอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก เขาคือ แอ๊ด คาราบาว

แล้วทำไมแอ๊ดถึงเป็นเศรษฐี และทำไมเขาจึงอยู่ในจำพวกเศรษฐีจากเศรษฐกิจใหม่

ทั้งหมดนี้ “โชค” ไม่เกี่ยวเลย

แอ๊ดเป็นศิลปินที่ทำงานหนัก เพลงที่ทำล้วนแต่มีคุณภาพ ชีวิตของแอ๊ดอัดแน่นด้วยงานสร้างสรรค์ที่เปี่ยมด้วยคุณภาพและปริมาณ ดูเหมือนเขาจะมีเพลงที่สร้างสรรค์ออกมาแล้ว 300 กว่าเพลง และยังไม่หยุดอยู่เท่านี้

ล่าสุด ไม่กี่วันมานี้ แอ๊ดมีเพลงใหม่ที่ทำร่วมกับ ว.วชิรเมธี เป็นเพลงเกี่ยวกับการส่งเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9

งานเพลงของแอ๊ดทำไมจึงอยู่ในใจผู้คน แอ๊ดเขียนเพลงคนยิ่งใหญ่ที่เป็นคนไทย แอ๊ดเขียนถึงคนเล็กๆ ที่ต่ำต้อย แอ๊ดเขียนถึงตัวละครในประวัติศาสตร์

สิ่งที่น่ายกย่องเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้คือพลังสร้างสรรค์ของเขามาจากความรู้สึกรับผิดชอบต่อบ้านเมือง และต่อคนที่รายรอบตัวที่เขาต้องดูแล

เรื่องที่เขาเขียนมีความยิ่งใหญ่ เพราะความคิดของเขายิ่งใหญ่

งานเพลง ชีวิต และความคิดของแอ๊ด ทำให้เขาเป็นตำนานที่มีชีวิต เช่นเดียวกับนักกีฬาอย่าง เดวิด เบ๊กแฮม เขากลายเป็นแบรนด์ที่มีคุณค่า และมีมูลค่าสูง

แบรนด์แอ๊ด เหมือนกับแบรนด์ เดวิด เบ๊กแฮม อีกอย่างคือเป็นแบรนด์ที่ให้ความสุขกับคน คนหนึ่งสร้างเพลง อีกคนหนึ่งเล่นกีฬา ดังนั้น จึงสร้างผลสะเทือนในวงกว้าง

จึงไม่น่าแปลกใจที่เมื่อแอ๊ดจับมือกับหุ้นส่วนสร้างเครื่องดื่มชูกำลังคาราบาวแดง มันก็ขายดี ถ้าแบรนด์ไม่แข็ง เครื่องดื่มจะดีแค่ไหนก็คงขายไม่ออก

เผลอแผล็บเดียวหุ้นในคาราบาวกรุ๊ปทะยานขึ้นทำจุดสูงสุดเกือบเหยียบหลักร้อย และแอ๊ดถือหุ้นใหญ่ลำดับที่ 3 ปีนี้แอ๊ดรับเงินปันผลไป 66.5 ล้านบาท ปันผลอยู่ในระดับนี้มา 3 ปีแล้ว เบ็ดเสร็จรวม 3 ปีก็ 200 ล้าน ไม่ธรรมดาเลย

แอ๊ดถือหุ้นอยู่ 70 ล้านหุ้น และวันนี้หุ้น CBG ราคา 98.5 บาท ดังนั้น แอ๊ดจึงมีหุ้นที่มีมูลค่า 7,000 ล้านบาท

เป็นปรากฏการณ์ที่น่าทึ่ง

นี่แหละค่ะ เศรษฐีจากเศรษฐกิจใหม่ คือรวยจากหุ้น หุ้นมีราคาสูงก็เพราะคนเชื่อมั่น เชื่อมั่นในแบรนด์แอ๊ด

หุ้นนี้ต้องฮ็อตมาก เพราะขนาดแอ๊ดคนเดียวยังถือ 70 ล้านหุ้น

แอ๊ดยังขยันทำงานสม่ำเสมอ

และเอาจริงเอาจังกับงานอดิเรกคือไก่ชน

แม้แต่งานอดิเรกก็มีเอกลักษณ์ ไม่ได้สะสมรถยนต์ แต่เลี้ยงไก่ชน

สำหรับคนที่ไม่ดื่มเบียร์ ไม่ชอบไก่ชน ก็ยังคงฟังเพลงของแอ๊ดได้เรื่อยๆ แอ๊ดยังมีเพลงใหม่ออกมาเรื่อยๆ เพลงเก่าก็ยังไม่เบื่อ

แอ๊ดน่าจะเหมือนเศรษฐีพันล้านหลายคน ที่ยังทำตัวเหมือนเดิม ยังคงทำงานหนัก ไม่มีเวลาใช้เงิน

ที่โก้มากคือแอ๊ดเป็นศิลปินแห่งชาติ ที่มีเงินเดือน เดือนละ 20,000 บาท นั่นคือเกียรติ สำหรับศิลปินหลายคน เงินนี้มีความหมาย

แต่สำหรับแอ๊ดเขามีมากกว่านั้นหลายพันเท่า และเป็นเงินที่เป็นรางวัลของคนทำงานหนัก