สังคมที่มีแต่ ‘คนแก่’ เบียดเบียนเด็กรุ่นหลัง ทั้งทางศีลธรรมและเศรษฐกิจ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

ฟ้า พูลวรลักษณ์

บทความพิเศษ | ฟ้า พูลวรลักษณ์

 

หนังสือเรียนสำหรับเด็ก (๑๔๖)

 

มนุษย์เป็นไพรเมตชนิดหนึ่ง สิ่งมีชีวิตที่ใกล้กับเรามาก คือ Homo ergaster และ Homo erectus พวกเขาคือ Hominids หรือลิงใหญ่

ที่จริงพวกเขามีรูปร่างเกือบเหมือนมนุษย์ทุกอย่าง ที่แปลกคือพวกเขาชอบวิ่ง และวิ่งได้เร็วมาก ในหนึ่งร้อยเมตร พวกเขาจะวิ่งในหกหรือเจ็ดวินาทีเท่านั้น

สำหรับมนุษย์ ใครที่วิ่งร้อยเมตรได้ในสิบวินาที ไปวิ่งโอลิมปิกได้เลย เพราะนี้คือเวลาต่ำสุดที่มนุษย์จะทำได้ ยกเว้นในบางกรณีพิเศษ เช่น วันที่ลมเป็นใจ หรือเหตุผลอื่นใด มนุษย์อาจจะวิ่งได้ในเวลาเก้าวินาทีกว่า

และนั่นคือที่สุด ที่มนุษย์จะทำได้ ใครที่วิ่งเร็วกว่านั้น โครงสร้างร่างกายของมนุษย์จะแตกสลาย หมายถึงกระดูก หัวใจ ตับไตของมนุษย์จะพังทลาย

ดังนั้น Homo ergaster หรือ Homo erectus สำหรับนักวิ่งแล้ว คือไอดอล

พวกเขาวิ่งได้ราวกับสายลม

สิ่งมีชีวิตในแง่ชีววิทยา นับแต่โบราณ หากมีอายุเลยวัยสืบพันธุ์ ก็จะหมดความหมาย กล่าวคือ ตายได้แล้ว เพราะอยู่ไปก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร ยกเว้นแต่ไพรเมต ที่สิ่งมีชีวิตที่วัยเลยสืบพันธุ์ก็ยังมีความหมายอยู่ เรียกได้ว่าฝืนกฎชีววิทยา คิดถึงตัวเอง

สมัยที่ฉันเด็กๆ ฉันมีปู่ย่าที่ทำให้ฉันเข้าใจว่าชีวิตนี้มีความรัก ความเมตตา มีความอบอุ่น ไม่เพียงแต่ปู่ย่าของฉัน แม้แต่คนแก่เฒ่าอื่นๆ ที่แม้จะไม่ใช่ญาติ แต่พวกเขาก็มักจะให้ความรู้สึกอย่างเดียวกัน คือความรัก และความเมตตา

นี้เองคือความพิเศษของไพรเมต

 

หากไพรเมตปล่อยให้มีชีวิตตามธรรมชาติ วิ่งเล่น เดินเล่นในสายลม ท้ายที่สุด หากพวกเขาถึงวัยเกินสืบพันธุ์ ซึ่งสำหรับมนุษย์ น่าจะเกินหกสิบปี นี้คือชีวิตที่ใกล้กับความเป็นอรหันต์ ด้วยเพราะหมดสิ้นซึ่งกิเลสตัณหา หมดสิ้นความอยาก เหลือแต่พวกรัก ความเมตตาในเพื่อนมนุษย์

แต่ทว่าในโลกแห่งความเป็นจริง คนสูงอายุเหล่านี้ในสังคม ไม่ได้หมดสิ้นตัณหาเลย มิหนำซ้ำหลายคนยังมีมากกว่าปกติ เหมือนพยายามจะเบ่งสิ่งนี้ออกมา ด้วยเพราะมันทำให้พวกเขาลืมความตายไปได้ ทำให้พวกเขาตกอยู่ในภวังค์แห่งความเป็นอมตะ เพราะตัณหาเป็นเรื่องของหนุ่มสาว

การกลับมีตัณหาในวัยชรา เหมือนได้กลับไปเป็นหนุ่มสาว มันย้อนแย้งกัน นี้คือสภาวะที่ผิดธรรมชาติ

มันคงเนื่องมาจากการใช้ชีวิตผิดธรรมชาติมายาวนาน การนั่งโต๊ะทำงาน การเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง การใช้ชีวิตสังคม ที่ห่างเหินจากป่าเขา

ที่สำคัญคือ การเข้าสังคม ซึ่งจะสร้างความขัดแย้งอย่างซับซ้อน ทำให้เกิดความหม่นหมอง ความกลัดกลุ้ม จึงนำพาไปสู่กิเลส

เราจึงมีคนแก่ที่น่ารังเกียจมากกว่า คนแก่ที่น่านับถือ

น่าเสียดายคนที่ควรเป็นอรหันต์เหล่านั้น สูญหายไปเกือบหมด

คนที่นั่งสมาธิ ก็คงลดกิเลสตัณหาได้เช่นกัน แต่ทว่าคงเพราะฉันชอบการเคลื่อนไหวมากกว่า ชอบเดินหรือวิ่ง ฉันจึงรู้สึกว่า สิ่งนี้ต่างหากที่ทำให้กิเลสตัณหาลดลง หรือสูญหายไป มันหายไปเอง เหมือนลมพัดผ่าน แล้วมันก็หายไป

ที่งดงาม เพราะมันไม่ได้มาจากความคิด แต่มาจากธรรมชาติ เป็นไปตามกฎของชีววิทยา มันจึงหมดจด

และในหลักธรรมะแล้ว นี้คือธรรมะ ไม่มีอะไรมากกว่านี้อีก

ปีนี้ฉันอายุ ๖๙ เท่ากับว่า ฉันตายได้แล้ว ฉันพอแล้วในสิ่งที่ทำมา ได้เรียนรู้มา

ฉันไม่กลัวตาย หรือมีความรู้สึกต้องมีชีวิตอยู่

แต่หากให้ฉันมีชีวิตอยู่ถึงร้อยปี โดยไม่ป่วยไข้ ฉันก็ยินดี

หากให้ฉันเป็นคนป่วยไข้ แม้จะมีอายุถึงเท่าไร ฉันก็ไม่ประสงค์

รวมความคือ ฉันอยากเป็นคนปกติ ที่ไม่ป่วยไข้

 

จะดีสักปานไหนนะ หากคนมีวัยเกินสืบพันธุ์ทั่วทั้งโลก เป็นอรหันต์ หรือใกล้กับการเป็นอรหันต์ โลกนี้คงสันติสุขน่าดู มนุษย์จะมีพัฒนาการกว้างไกล ด้วยเพราะคนมีอายุเหล่านี้ ส่วนใหญ่คือผู้มีอำนาจ กุมพลังงานของโลกเอาไว้ เป็นผู้นำ

๑๐

อะไรคือฝันร้ายของสังคมมนุษย์

คือการที่สังคม มีแต่คนวัยเดียวกัน หรือเพศเดียวกัน เช่นหากสังคมมีแต่เด็ก มองดูผิวเผิน เหมือนไม่เลวร้ายอะไร แต่ที่จริง นี้คืออวสานของมนุษย์

หรือหากสังคมมีคนเพศเดียว เช่น มีแต่ผู้หญิง หรือมีแต่ผู้ชาย สมมุติว่าในทางชีววิทยา พวกเขาออกลูกได้ ในทางชีววิทยา เราจะไม่สูญพันธุ์ แต่ทว่าในทางจิตใจ มันคือความมัวหมองระดับสูงสุด มันคืออวสานของมนุษย์เช่นกัน

 

๑๒

ทําไมถึงร้ายขนาดนั้น ฉันเองก็แปลกใจ

แต่ทว่า นี้เป็นเพียงการทดลองคิด ข้อดีคือโครงสร้างของมนุษย์ ที่จริงก็ดีอยู่แล้ว เราคือเผ่าพันธุ์ไพรเมต ที่มีครบในทุกวัย มีครบในทุกเพศ เกิดความงดงาม ความหลากหลาย

ปัญหาอยู่ที่รายละเอียดมากกว่า การที่คนแก่มีกิเลศตัณหา เป็นหนึ่งในรายละเอียด ที่มีผลร้ายกว้างใหญ่ และแก้ได้ยาก มันผุดขึ้นเหมือนเชื้อโรค เหมือนอาการภูมิแพ้ ไม่น่าเกิด แต่ก็เกิด ไม่น่ามีเยอะ แต่ก็ประมาทไม่ได้ มันอาจเยอะจนมนุษย์ไปไม่รอด

เรามีคนแก่ที่มีกิเลส และป่วยไข้

เราเบียดเบียนเด็กรุ่นหลัง ทั้งในทางศีลธรรมและทางเศรษฐกิจ

๑๓

ทำไมคนแก่เหล่านั้น จึงเสียงดัง เกรี้ยวกราด ยโส ทั้งที่พวกเขามีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ทำไมพวกเขาจึงเต็มไปด้วยความอยากมีอยากได้ ทั้งที่หน้าที่ในการสืบพันธุ์ก็หมดไปแล้ว สมบัติสะสมไว้ ก็เป็นเพียงการคาดคะเน เก็บไว้ให้คนอื่น และคนอื่นเหล่านั้น จะทำอะไรก็เกินความคาดเดาของคุณได้ นี้จึงเป็นเพียงการคาดคะเนซ้อนการคาดคะเน ทำไมแต่ละคนจึงร้ายกาจปานนี้

ทำไมไม่ออกมาเดินเล่น หรือวิ่งเล่น