ฟ้าผ่า ทัพฟ้า ถอดรหัส Snowy Storm ‘บิ๊กตุ๊ด’ พล.อ.อ.อลงกรณ์ พลิกนั่ง ผบ.ทอ. ย้อนตำนานร้าวดอนเมือง ‘บิ๊กต้น-บิ๊กป้อม’ ช้ำ มองเกม ‘บิ๊กป้อง’ จัด 5 เสืออากาศ ‘บิ๊กตู่’ คุมกองทัพ/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

ฟ้าผ่า ทัพฟ้า

ถอดรหัส Snowy Storm

‘บิ๊กตุ๊ด’ พล.อ.อ.อลงกรณ์ พลิกนั่ง ผบ.ทอ.

ย้อนตำนานร้าวดอนเมือง

‘บิ๊กต้น-บิ๊กป้อม’ ช้ำ

มองเกม ‘บิ๊กป้อง’ จัด 5 เสืออากาศ

‘บิ๊กตู่’ คุมกองทัพ

 

การแต่งตั้งโยกย้ายในส่วนของกองทัพอากาศครั้งนี้ อาจเรียกได้ว่า พลิก 2 ตลบ กว่าจะได้ ผบ.ทอ.คนใหม่

ตั้งแต่มีชื่อของบิ๊กต้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.คปอ. น้องรัก เอฟ 16 เป็นเต็งหนึ่งมาตลอด เพราะความใกล้ชิดสนิทสนม อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่กองบิน 1 จนเป็นที่รับรู้กันว่า มองตารู้ใจ แถมโปรไฟล์ดี เป็นทั้งผู้ฝูง ผู้การกองบิน ผช.ทูตทหาร

แต่ที่สุดก็มีพลิกล็อก ผิดคาด

เมื่อมีชื่อของ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ เมตะนันท์ รอง ผบ.ทอ. ที่เป็นม้านอกสายตา ได้รับการเสนอชื่อเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

แม้จะไม่ได้เป็นน้องรัก สนิทสนมกับบิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. และไม่ได้เป็นนักบินขับไล่

แต่บิน OV-10 เป็นอดีต ผช.ทูตทหารอากาศ ประจำวอชิงตัน ดี.ซี. และเป็นประธานคณะกรรมการศึกษาเครื่องบินขับไล่ฝูงใหม่ ที่สรุปออกมาเป็น เอฟ 35 และมีอายุรสชการเหลือ 2 ปี เพื่อสานต่อโครงการ จึงไม่มีอะไรน่าเกลียด

แต่ในที่สุดก็มีการพลิกล็อกอีกครั้ง หลังการประชุม 7 เสือกลาโหม เมื่อ 30 สิงหาคม 2565 ที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ในฐานะ รมว.กลาโหม เป็นประธาน เริ่มมีกระแสข่าวสะพัดในทุ่งดอนเมืองแล้วว่า ผบ.ทอ.คนใหม่ ไม่ใช่ พล.อ.อ.ธนศักดิ์ โดยเป็นช่วงที่บัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายยังอยู่ที่กลาโหม อยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะ รมว.กลาโหม ยังไม่ส่งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกฯ เพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ

ท่ามกลางกระแสข่าวการแก้ไขเปลี่ยนแปลงรายชื่อบางตำแหน่ง และขั้นตอนทางธุรการ และกว่าที่ 7 เสือกลาโหมจะได้ลงนามในท้ายบัญชีรายชื่อ ก็ล่วงเข้าวันที่ 6 กันยายน 2565 เลยทีเดียว จึงทำให้เกิดข่าวสะพัดว่า มีการแก้โผเกิดขึ้น

ที่ทำเอาทุกเหล่าทัพหวั่นไหว

พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์

แน่นอนที่ลือลั่นที่สุดคือ ทอ.ที่ยังคงเอกลักษณ์ การเป็นเหล่าทัพแห่งการเหนือความคาดหมาย ต่อเนื่องตั้งแต่ พล.อ.อ.มานัต วงษ์วาทย์ เลือกบิ๊กแอร์ พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ตท.21 จากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. ขึ้นเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

พลิกความคาดหมาย เพราะเต็งหนึ่งเวลานั้นคือ บิ๊กจ้อ พล.อ.อ.ธรินทร์ ปุณศรี ผช.ผบ.ทอ. เพื่อน ตท.20 ของ พล.อ.อ.มานัต จนทำเอาเพื่อนไม่มองหน้ากันไปเลย

แต่ที่สุดก็พลิกอีก เพราะเมื่อขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ. พล.อ.อ.แอร์บูลก็ไม่ฟัง พล.อ.อ.มานัต จนกลายเป็นความขัดแย้ง รื้อโครงการต่างๆ ที่ พล.อ.อ.มานัตเคยทำไว้ ตามมาด้วยการโจมตีกันตลอดปี แถมลามไปถึงฝ่ายค้านที่ฉวยความขัดแย้งนี้ไปอภิปรายและขยี้ต่อ

มรดกความขัดแย้ง ยังถูกสานต่อเมื่อ พล.อ.อ.แอร์บูลสนับสนุน พล.อ.อ.นภาเดช เพื่อน ตท.21 จากประธานที่ปรึกษา ทอ. ขึ้นมาเป็น ผบ.ทอ.คนใหม่ สร้างประวัติศาสตร์ให้ตระกูลธูปะเตมีย์ เพราะผู้บิดา พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ เคยเป็น ผบ.ทอ.มาแล้ว

ในเวลานั้น ก็พลิกความคาดหมาย เพราะ พล.อ.อ.แอร์บูลไม่ได้เลือกเพื่อนรัก ตท.21 อย่างบิ๊กตั้ว พล.อ.อ.สฤษฏ์พงศ์ วัฒนวรางกูร หัวหน้าคณะนายทหารฝ่าย เสธ.ประจำ ผบ.ทอ. ในเวลานั้น เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่แทน แต่กลับเลือก พล.อ.อ.นภาเดช

และทำให้บิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา รุ่นน้อง ตท.23 เสธ.ทอ.ตอนนั้น ที่ถูกมองว่าเป็นทายาทอำนาจของ พล.อ.อ.มานัต พลาดเก้าอี้ ผบ.ทอ.ครั้งที่ 1 และเชื่อกันว่า ยากที่จะได้เป็น ผบ.ทอ. แม้จะมีอายุราชการถึงกันยายน 2567 แต่ก็ยังอยู่ใน 5 ฉลามอากาศ เป็น ผช.ผบ.ทอ.

พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา

ในยุค พล.อ.อ.นภาเดชนั้น ความขัดแย้งใน ทอ.ไม่ได้รุนแรงขึ้น หรือปรากฏชัด เพราะพยายามสร้างความปรองดอง แต่ ทอ.ก็ยังเป็นเขต no flying zone ของ พล.อ.อ.มานัต เพราะ พล.อ.อ.นภาเดชก็คือเพื่อน ตท.21 ของ พล.อ.อ.แอร์บูล จนเป็นที่รู้กันว่า โผนี้ พล.อ.อ.นภาเดชต้องส่งออก พล.อ.อ.ชานนท์ไปเป็นรองปลัดกลาโหมหรือรอง ผบ.ทหารสูงสุด

ด้วยปัญหาความขัดแย้งระดับตำนานใน ทอ.นี่เอง ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องเอ่ยปาก และเป็นที่มาของการพลิกล็อกอีกครั้ง คือ กลายเป็นเสนอชื่อบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผช.ผบ.ทอ. เป็น ผบ.ทอ.คนใหม่

มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้พูดคุยสอบถาม พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผบ.ทอ. ถึงรายชื่อแคนดิเดต ผบ.ทอ.ที่มีทั้งหมด โดย พล.อ.อ.นภาเดชได้แจ้งว่า ที่พิจารณาไว้ กลุ่มเดียว 3 คน ที่เป็นรุ่นน้อง ตท.22 ด้วยกันหมด

คือ บิ๊กป้อม พล.อ.อ.ธนศักดื์ เมตะนันท์ รอง ผบ.ทอ. ที่มีอายุราชการถึงกันยายน 2567 บิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผช.ผบ.ทอ. และบิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.คงศักดิ์ จันทรโสภา ผบ.คปอ. ที่เกษียณกันยายน 2566 เหมือนกัน

ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ได้ถามนิสัยใจคอและให้นโยบายว่า ขอให้เลือกคนที่ไม่มีความขัดแย้ง ไม่มีปัญหากับใคร

และถ้าเป็นไปได้ อยากให้เลือกคนที่มีอายุราชการ 2 ปีขึ้นไป เพราะจะได้ทำงานต่อเนื่อง ไม่ต้องโยกย้าย เปลี่ยน ผบ.ทอ.บ่อยๆ เปลี่ยนทีก็วุ่นวาย เพิ่มความขัดแย้ง สื่อก็จับจ้องอยู่

จนในที่สุด ก็กลายเป็นชื่อ พล.อ.อ.อลงกรณ์ เป็น ผบ.ทอ.คนที่ 29 ของทัพฟ้าไทย ที่จะสร้างตำนานให้ทุ่งดอนเมือง ให้เล่าขานกันไม่จบสิ้น

พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ

ด้วยเพราะ พล.อ.อ.อลงกรณ์ไม่เคยผ่านตำแหน่ง ผบ.หน่วย สายกำลังรบ ไม่เคยเป็นผู้บังคับฝูงบิน ผู้บังคับการกรม และไม่ได้เป็น ผช.ทูตทหาร และไม่ใช่นักบินขับไล่ แต่ก็บิน L39 และ T Bird และเคยเป็นนายทหารฝ่าย เสธ. บิ๊กต้อย พล.อ.อ.ธนนิตย์ เนียมทันต์ ตอนเป็น ผบ.ทอ. และเคยเป็นปลัดบัญชี ทอ.

เรียกได้ว่า หากเทียบโปรไฟล์ในบรรดาแคนดิเดตทั้งหมดแล้ว พล.อ.อ.อลงกรณ์น่าจะเสียเปรียบที่สุด

แต่อาจเป็นเพราะ พล.อ.อ.แอร์บูล อดีต ผบ.ทอ. ผลักดันขึ้นมาเป็น ผช.ผบ.ทอ. เพราะเติบโตมาในสายงานปลัดบัญชีด้วยกัน และสนิทสนมถึงขั้นเดินจูงมือกัน จนทำ ให้ พล.อ.อ.อลงกรณ์ได้ฉายาว่า ตุ๊ด ทั้งๆ ที่เป็นแมนพันเปอร์เซ็นต์ แต่ทว่า หล่อ ขาว จึงกลายเป็นฉายาที่เรียกกันมาจนทุกวันนี้ เรียกได้ว่า เป็นน้องรักสายตรงของ พล.อ.อ.แอร์บูล

และต้องไม่ลืมว่า พล.อ.อ.แอร์บูลก็เป็นเพื่อน ตท.21 ของ พล.อ.อ.นภาเดช และ พล.อ.อ.แอร์บูลก็เป็นคนสนับสนุน พล.อ.อ.นภาเดชเป็น ผบ.ทอ.อีกด้วย จนเคยมีกระแสข่าวว่ามีสัญญาใจ สัญญาสุภาพบุรุษต่อกัน

แต่ทว่า สำหรับ พล.อ.อ.นภาเดชที่เป็นคนตัดสินใจเลือกแล้ว มอง พล.อ.อ.อลงกรณ์ ว่าอาจไม่ใช่คนเก่งที่สุด รอบรู้ที่สุด หรือเชี่ยวชาญงานด้านยุทธการที่สุด แต่เป็นคนจิตใจดี และละเอียดอ่อน เหมาะสมกับสถานการณ์ เชื่อมั่นว่าจะทำหน้าที่ได้ดี นำพากองทัพอากาศรุ่งเรืองก้าวหน้า ทันสมัย และสามัคคี

ด้วยเพราะ ทอ.ยังคงมีกลิ่นอายความขัดแย้งอยู่ จึงทำให้ พล.อ.อ.นภาเดชเลือกที่จะให้ความสำคัญกับซอฟต์แวร์ มากกว่าฮาร์ดแวร์ มองที่จิตใจ นิสัยมากกว่าโปรไฟล์

พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ

พล.อ.อ.อลงกรณ์เป็นนายทหารที่ร่าเริง สนุกสนาน อารมณ์ดี พูดคุยสนุกสนาน และเป็นที่โจทย์ขานเรื่องการชอบเต้น โชว์สเต็ป การแดนซ์เสมอๆ และเคยเต้นพร้อมภริยาและลูกสาว ในคลิปวันครอบครัวของ ทอ.ในช่วงสงกรานต์ และมาแดนซ์โชว์ในงานอำลาสื่อ ของ พล.อ.อ.นภาเดชด้วย

จนเป็นที่เมาธ์กันว่า หาก พล.อ.อ.อลงกรณ์เป็น ผบ.ทอ. ทัพฟ้าคงจะครึกครื้น สดใส ต้องเตรียมท่าแดนซ์ “จั๊ด จั้ดดาดั๊ด” กันให้เป็น เพราะเป็นเพลงโปรด

นอกจากนั้น ก็คาดกันว่า อีกเหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.อ.นภาเดชเลือก พล.อ.อ.อลงกรณ์ ก็เพราะสนิทสนมกันมาตั้งแต่เด็กๆ รู้จักสมาชิกในครอบครัวกันทุกคน ในฐานะครอบครัวทหารอากาศด้วยกัน ระหว่างธูปะเตมีย์ กับวัณณรถ ตั้งแต่รุ่นบิดา

เพราะชื่อของ พล.อ.อ.อลงกรณ์ ก็เป็น 1 ใน 3 แคนดิเดต ที่เป็นน้องรักบิ๊กป้อง Snowy เพราะด้วยสไตล์ที่เป็นคนรักครอบครัว พี่น้อง จึงทำให้มีการเดาใจ พล.อ.อ.นภาเดช มาตั้งแต่แรกว่า จะเลือก “ต้น-ตุ๊ด-ณะ” ใน 3 คนนี้แน่นอนคือ พล.อ.อ.คงศักดิ์ พล.อ.อ.อลงกรณ์ และบิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ ที่ปรึกษาพิเศษ ทอ.

เพราะใน ทอ. คาดจากการเลือก ผช.ทูตทหารอากาศ ที่จะไปประจำในต่างประเทศ และการส่งชื่อนายทหารที่เรียน วปอ. ก็สะท้อนสไตล์ของ Snowy ที่ให้ความสำคัญกับคอนเน็กชั่นส่วนตัว เพื่อนพี่น้อง และกระแสข่าวลือมากมาย รวมทั้งข้อความส่งต่อทางไลน์มากมายถึงเหตุผลอื่นที่กำลังเป็นที่วิเคราะห์วิจารณ์กันใน ทอ.

โดยเฉพาะการจับจ้องไปที่สูตรอำนาจ “ตุ๊ด-ณะ” คือเอา พล.อ.อ.อลงกรณ์ขึ้น ผบ.ทอ.ก่อน 1 ปี แล้วต่อด้วย พล.อ.อ.ณรงค์อีก 1 ปี

ดังนั้น เมื่อมีข่าวว่า พล.อ.อ.นภาเดชเรียก พล.อ.อ.ณรงค์เข้าไปพบเป็นการส่วนตัว และแจ้งว่า ให้เป็น เสธ.ทอ. นั้นจึงตามมาด้วยกระแสข่าวว่า ผบ.ทอ.ต้องมีอายุราชการเหลือแค่ 1 ปีเท่านั้น และไม่ใช่บิ๊กต้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ เพราะไม่เข้าขากับ พล.อ.อ.ณรงค์

แต่เป็นบิ๊กตุ๊ด พล.อ.อ.อลงกรณ์ ที่เป็นสูตรลงตัวที่สุด

พล.อ.อพงษ์สวัสดิ์ จันทสาร

แม้จะมีการพลิกโผ แต่อย่างน้อย การจัดโผครั้งนี้ของ พล.อ.อ.นภาเดช ก็มีกลิ่นอายความปรองดองอยู่บ้าง

เพราะเมื่อเลือก พล.อ.อ.อลงกรณ์เป็น ผบ.ทอ. ก็ยังเอาบิ๊กหนึ่ง พล.อ.อ.ชานนท์ มุ่งธัญญา ผช.ผบ.ทอ. (ตท.23) ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทอ. ที่มองกันว่า เอาไว้ช่วยงาน เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าเป็นคนเก่งของ ทอ. แต่ทว่า ถูกตีตราเป็นสายตรง พล.อ.อ.มานัต จึงเสียโอกาส

แต่เพราะ พล.อ.อ.ณะ เป็นเพื่อน ตท.23 จึงทำให้ พล.อ.อ.ชานนท์ยังคงได้อยู่ใน ทอ. จากที่จะถูกเด้งไปเป็นรองปลัดกลาโหม

เป็นที่จับตากันมากว่า ทำไม พล.อ.อ.นภาเดชจึงยอมให้ พล.อ.อ.ชานนท์เป็นรอง ผบ.ทอ. และจ่อชิง ผบ.ทอ.ในปลายปีหน้าได้ เพราะเกษียณกันยายน 2567 แม้จะมั่นใจว่า พล.อ.อ.อลงกรณ์จะเลือก พล.อ.อ.ณรงค์เป็น ผบ.ทอ.ต่อก็ตามที แต่ก็เสี่ยง เพราะ พล.อ.อ.ชานนท์จะอาวุโสมากกว่า เพราะคลองอัตราพลอากาศเอกพิเศษ

จนเป็นที่ร่ำลือกันว่างานนี้ พล.อ.อ.มานัตและฝ่ายสนับสนุน มีบทบาทสำคัญอยู่เบื้องหลังด้วย แต่อย่างน้อยก็ทำให้เกิดภาพปรองดองที่ไม่เตะ พล.อ.อ.ชานนท์ออกไปนอก ทอ.

พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนากุล

ในเมื่อภาพของ พล.อ.อ.อลงกรณ์ไม่ใช่คนเก่งที่สุด ดังนั้น พล.อ.อ.นภาเดชจึงจะเอาคนเก่งๆ มาช่วยงาน เพราะคนเป็นผู้นำจะต้องเลือกใช้คนให้เหมาะกับงาน

พล.อ.อ.นภาเดชจึงดึงบิ๊กจ๋า พล.อ.อ.พงษ์สวัสดิ์ จันทสาร ที่ปรึกษาพิเศษ ทอ. (ตท.23) มาเป็น ผช.ผบ.ทอ. และขยับบิ๊กไก่ พล.อ.อ.พันธุ์ภักดี พัฒนกุล เสธ.ทอ. (ตท.24) ประธานโครงการ เอฟ 35 ขึ้น ผช.ผบ.ทอ. และบิ๊กณะ พล.อ.อ.ณรงค์ อินทชาติ ที่ปรึกษาพิเศษ ทอ. (ตท.23) เป็น เสธ.ทอ. คุมงานสำคัญ และเป็นตัวเต็งที่จะเป็น ผบ.ทอ.คนต่อไป

แต่อย่างไรก็ตาม การจัดโผ 5 ฉลามอากาศแบบนี้ ทำให้ทุกคนมีโอกาสชิง ผบ.ทอ.กันเองในปลายปีหน้า

แต่ที่น่าเห็นใจคือ คนที่มีชื่อเป็นตัวเต็ง ผบ.ทอ.ก่อนหน้านี้ ทั้ง พล.อ.อ.ธนศักดิ์ ถูกขยับออกไปเป็นรองปลัดกลาโหม ขณะที่บิ๊กต้น พล.อ.อ.คงศักดิ์ ถูกส่งไปเป็นรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด ซึ่งถูกมองว่า รุนแรงไม่น้อย แต่เป็นไฟต์บังคับที่ พล.อ.อ.นภาเดชจำเป็นต้องทำ

โดยจะเห็นได้ว่า พล.อ.อ.นภาเดชลำบากใจกับการตัดสินใจเลือก ผบ.ทอ.คนใหม่ไม่น้อย เพราะเป็นน้องๆ ทั้งนั้น และหลายคนก็เป็นน้องรักที่ใกล้ชิดสนิทสนมกันมายาวนาน แต่ก็ต้องเลือกแค่คนเดียว ซึ่งก็คือบิ๊กตุ๊ด ด้วยเหตุผลทางจิตใจ

และคาดกันว่า พล.อ.อ. นภาเดชวางตัว พล.อ.อ.ณรงค์ไว้เป็น ผบ.ทอ.คนต่อไป เพราะมีความสนิทสนม เป็นนักวิ่งทีมเดียวกันสมัยเป็นนักเรียนนายเรืออากาศ จึงวางตัวเป็น เสธ.ทอ.

แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา แต่เมื่อพิจารณาย้อนไปว่า พล.อ.อ.แอร์บูลก็ยังเป็น ผบ.ทอ.มาแล้ว จากผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ทอ. แต่ทว่า ก็ยังเคยเป็นผู้ฝูง 604 ผู้การกองบิน 6 และเป็น ผช.ทูต ทอ. ประจำสิงคโปร์ แม้จะไม่ใช่นักบินขับไล่ แต่ก็เป็นนักบินลำเลียง ขณะที่ พล.อ.อ.อลงกรณ์ นั้นไม่เคยเป็น ผบ.หน่วยมาเลย

แต่อาจจะกระทบต่อเทรดดิชั่นของ ทอ.อยู่บ้าง โดยเฉพาะความคิดของนายทหารอากาศรุ่นหลัง ที่อาจไม่ให้ความสำคัญกับเส้นทางเหล็กของทหารอากาศ ที่ต้องผ่านผู้ฝูง ผู้การ ผช.ทูตมา

แต่ก็กลับมาสู่เหตุผลของ พล.อ.อ.นภาเดช ที่ว่า พล.อ.อ.อลงกรณ์อาจไม่ใช่คนเก่งที่สุด รอบรู้ที่สุด หรือเชี่ยวชาญงานด้านยุทธการที่สุด แต่จิตใจดี และละเอียดอ่อน เหมาะสมกับสถานการณ์

 

การจัดโผครั้งนี้ มีคำถามว่าผู้บัญชาการเหล่าทัพยังคงให้เกียรติและฟัง พล.อ.ประยุทธ์อยู่ใช่หรือไม่ แม้จะหยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ อยู่

แน่นอนว่า ผบ.เหล่าทัพ ยังฟัง พล.อ.ประยุทธ์ เพราะยังเป็น รมว.กลาโหม ยังคงมีอำนาจเต็มในการจัดโผนี้ และรู้กันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาเป็นนายกฯ ต่อหลังการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องวาระดำรงตำแหน่งยังไม่ครบ 8 ปี

ท่ามกลางการจับตามองว่า หากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้นับวาระนายกรัฐมนตรีเมื่อรัฐธรรมนูญประกาศใช้เมษายน 2560 ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปได้ต่อในสมัยหน้าอีกแค่ 2 ปีแล้วนั้น พล.อ.ประยุทธ์ยังจะไปต่อหรือไม่

หรือว่าจะกลับมาปฏิบัติหน้าที่นายกฯ เป็นเจ้าภาพประชุมเอเปคเสร็จแล้วก็จะยุบสภา เพื่อเตรียมเลือกตั้งพร้อมประกาศพอแล้ว

หรือแม้แต่กระแสข่าวหลังการประชุมเอเปคเสร็จ พล.อ.ประยุทธ์จะประกาศลาออกเพื่อให้ พล.อ.ประวิตรเป็นนายกฯ รักษาการ ที่จะมีอำนาจเต็มมากกว่ารักษาราชการแทนนายกฯ เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้ง

จึงไม่แปลกที่มีข่าวสะพัดว่า บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เอ่ยปากผ่านคนใกล้ชิดว่า หากผู้บังคับบัญชาจำเป็นที่จะต้องขยับตำแหน่ง ผบ.ทบ. และต้องมาขยับผู้บัญชาการทหารสูงสุด เช่น จะให้ไปเป็นปลัดกลาโหมนั้น ตนเองพร้อมที่จะลาออกเพื่อเสียสละให้กองทัพ ได้มีรูระบายหายใจได้ ดีกว่าที่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดจะต้องไปนั่งเป็นปลัดกลาโหม

แม้ว่า พล.อ.เฉลิมพลจะปฏิเสธว่าไม่ได้พูดเช่นนี้ก็ตาม

แต่กระแสข่าวนี้ส่งผลให้กระแสข่าวลือการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารบก บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เงียบลงไปแม้ว่าจะมีกระแสข่าวในกองทัพบกลุ้นจนนาทีสุดท้ายก็ตาม แต่ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ยืนยันเองว่า ข่าวการเปลี่ยนตัวผู้บัญชาการทหารบกเป็นแค่การคาดการณ์เท่านั้น

จึงทำให้โผทหารนิ่งสงบลง แต่ก็เกิดแรงกระเพื่อมในห้วงเวลากว่า 1 สัปดาห์หลังจากประชุม 7 เสือกลาโหมแล้ว โผยังอยู่ที่กลาโหม ยังอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ซึ่งนั่งทำงานอยู่ที่กลาโหม ใช้เป็นฐานที่มั่นในระหว่างที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้หยุดปฎิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรี

จนเกิดกระแสข่าวลือเรื่องการเปลี่ยนแก้ไขโผในบางตำแหน่งในบางเหล่าทัพ เพราะ 7 เสือกลาโหม เพิ่งจะลงนามในท้ายคำสั่งท้ายบัญชีรายชื่อรวมกันแล้ว 6 กันยายน จากนั้น ส่งให้ พล.อ.ประวิตร ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีเพื่อนำขึ้นทูลเกล้าฯ เมื่อวันที่ 7 กันยายนที่ผ่านมานี้เอง

จึงทำให้โผนี้ลุ้นกันจนนาทีสุดท้าย แบบที่เรียกว่ารอดูในคำสั่งโปรดเกล้าฯ กันเลยทีเดียว

เพราะอาจพลิก จนนาทีสุดท้าย