โผทหาร จบ ‘บิ๊กตู่’ รอคัมแบ๊ก วางขุนพล รับการเมืองร้อน ‘บิ๊กเฒ่า’ วางทายาท ตท.23 ดัน ‘ชลธิศ-อะดุง’ เบียด ‘สุวิน’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

โผทหาร จบ

‘บิ๊กตู่’ รอคัมแบ๊ก

วางขุนพล รับการเมืองร้อน

‘บิ๊กเฒ่า’ วางทายาท ตท.23

ดัน ‘ชลธิศ-อะดุง’ เบียด ‘สุวิน’

 

หลังจากที่เก็บโผเงียบมานาน จนบิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผบ.ทร. ส่งให้กลาโหม เป็นเหล่าทัพสุดท้าย ในที่สุด เมื่อมีการประชุมคณะกรรมการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร หรือบอร์ด 7 เสือกลาโหม ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะ รมว.กลาโหม เป็นประธาน ร่วมด้วย ผบ.เหล่าทัพ เมื่อบ่าย 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ทุกตำแหน่งจบลงตัวตามที่ พล.ร.อ.สมประสงค์เสนอไป ไม่มีพลิกล็อก

โดยเฉพาะบิ๊กจอร์จ พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผช.ผบ.ทร. แกนนำ ตท.22 จะขึ้นเป็น ผบ.ทร.คนใหม่ โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้ล้วงลูกเปลี่ยนโผ เช่นที่คาดกันว่า จะคืนความชอบธรรมให้บิ๊กโต้ง พล.ร.อ.ธีรกุล กาญจนะ รอง ผบ.ทร. ที่อาวุโสทั้งรุ่น เพราะเป็นรุ่นพี่ ตท.21 และครองอัตราพลเรือเอกพิเศษ

แต่ทว่า สำหรับ พล.ร.อ.สมประสงค์แล้ว มองว่า พล.ร.อ.ธีรกุล คือทายาทอำนาจของบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ อดีต ผบ.ทร. ที่วางเอาไว้ พล.ร.อ.สมประสงค์จึงไม่มีทางที่จะสนับสนุนให้เป็น ผบ.ทร.ได้ แถม พล.ร.อ.ธีรกุลถูกส่งข้ามไปเป็นรองปลัดกลาโหม

ท่ามกระแสข่าวสะพัด ทร. ว่า การจัดทัพของ พล.ร.อ.สมประสงค์ ไม่ได้เป็นไปเช่นที่มีการคาดการณ์ก่อนหน้านี้ เพราะก็ต้องยึดทั้งอาวุโส ผลงาน โปรไฟล์ ไม่ใช่ดูแค่การเรียงลำดับรุ่น

แต่ก็ฉายภาพชัดเจนว่า พล.ร.อ.สมประสงค์มองข้ามช็อต วางทายาทที่ผลักดันให้เป็น ผบ.ทร.คนต่อไป โดยเฉพาะการดันบิ๊กโอ๋ พล.ร.ท.ชลธิศ นาวานุเคราะห์ เจ้ากรมยุทธศึกษา ทร. แกนนำเตรียมทหาร 23 ขึ้นมาเสียบเป็นเสนาธิการทหารเรือ ติดยศพลเรือเอก เตรียมแต่งตัวรอชิง ผบ.ทร.ในปลายปีหน้า แถมมีอายุราชการถึง 2568

แซงหน้าบิ๊กน้อย พล.ร.ท.วรวุธ พฤกษารุ่งเรือง หัวหน้าคณะนายทหารฝ่ายเสนาธิการประจำ ผบ.ทร. หน้าห้องบิ๊กเฒ่า จาก ตท.24 จะขยับเป็น เสธ.ทร. แต่ก็ต้องหลบทาง ได้เป็นพลเรือเอก

พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข

ที่น่าจับตามองคือ พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุจ ผบ.กองเรือยุทธการ ที่มีกระแสข่าวมาตลอดว่า อาจถูกส่งข้ามไปเป็นรอง เสธ.ทหาร ที่ บก.ทัพไทย เพราะเป็น ตท.25 รุ่นน้องสุดใน 5 ฉลาม ก่อนที่ต่อมาจะมีข่าวว่า ต้องนั่งเป็น ผบ.กร.ต่ออีกปี

แต่ที่สุด มีรายงานว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ได้เสนอชื่อ พล.ร.อ.สุวิน เป็น ผช.ผบ.ทร. เพราะนอกจากเรื่องความรู้ความสามารถ ผลงาน และโปรไฟล์ที่โดดเด่นแล้ว ยังเป็นเพราะติดยศพลเรือเอก อาวุโสกว่า เมื่อเทียบกับ พล.ร.ท.ชลธิศ รุ่นพี่ แต่ทว่า เกษียณ 2568 พร้อมกัน

จึงต้องขยับ พล.ร.อ.สุวิน ขึ้นเป็น ผช.ผบ.ทร. ที่ถือว่าจะยิ่งอาวุโส และจะเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร.ในปลายปีหน้า 2566

พล.ร.ท.ชลธิศ นาวานุเคราะห์

อีกทั้งการที่ พล.ร.อ.สมประสงค์ไม่เลือก พล.ร.อ.ธีรกุล รอง ผบ.ทร. ที่อาวุโสที่สุดใน ทร. เป็น ผบ.ทร. จนทำให้ถูกโจมตีว่า ไม่ยึดหลักการในเรื่องความชอบธรรม จึงมีส่วนทำให้เสนอชื่อ พล.ร.อ.สุวิน ที่อาวุโสกว่า เป็น ผช.ผบ.ทร. และก็ถือว่าเป็นน้องอีกคนที่ทำงานด้วยกันมา แม้ว่าจะไม่ใช่น้องรักที่สุดของบิ๊กเฒ่าก็ตาม

อีกทั้งใน 5 ฉลาม ทร. จากที่มี พล.ร.อ.เชิงชาย ตท.22 เป็น ผบ.ทร. และมี ตท.23 ขึ้นมาถึง 3 คน คือ เสธ.แจ๊ค พล.ร.อ.เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์ เสธ.ทร. จาก ตท.23 ขึ้นเป็นรอง ผบ.ทร. ก่อนเกษียณปีหน้า 2566

และบิ๊กดุง พล.ร.ท.อะดุง พันธุ์เอี่ยม เจ้ากรมสื่อสาร ทร. แกนนำ ตท.23 ก็ขึ้นพลเรือเอก ไปเป็น ผบ.กองเรือยุทธการ แทน พล.ร.อ.สุวิน จากเดิมที่คาดหวังจะเป็น ผช.ผบ.ทร. แต่เพราะ พล.ร.อ.สุวินอาวุโสกว่า

แต่ก็ยังถือว่า พล.ร.ท.อะดุงจะเป็นแคนดิเดต ผบ.ทร.อีกคนในปีหน้า แต่ทว่า จากการวางหมากเช่นนี้ พล.ร.อ.สมประสงค์ให้น้ำหนัก ตั้งความหวังไว้ที่ พล.ร.ท.ชลธิศมากกว่า อีกทั้งมีอายุราชการถึง 2568 และเป็น เสธ.ทร. ตำแหน่งสำคัญ ขณะที่ พล.ร.ท.อะดุงเกษียณกันยายน 2567

พล.ร.ท.อะดุง พันธุ์เอี่ยม

และสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ.สมประสงค์วางตัวให้ พล.ร.ท.ชลธิศมาดูแลโครงการเรือดำน้ำจีนต่อ หลังจากที่มีแนวโน้มว่า ทร.จะยอมเปลี่ยนเครื่องยนต์จาก MTU396 เยอรมัน มาเป็นเครื่องยนต์ CHD620 ของจีน เพื่อเดินหน้าโครงการเรือดำน้ำ S26T ต่อไป

โดยมี พล.ร.อ.เชิงชาย ว่าที่ ผบ.ทร.คนใหม่ สานภารกิจเรือดำน้ำจีนต่อไป หลังจากที่มีข่าวว่า พล.ร.อ.สมประสงค์ได้พาเข้าบ้านป่ารอยต่อฯ มาแล้ว รายงานถึงแนวทางการแก้ปัญหา ที่จะถูกส่งต่อมาถึง ผบ.ทร.คนใหม่

ไม่แค่นี้ การจัดโผครั้งนี้ยังสะท้อนถึงความเป็นน้องเลิฟของ พล.ร.ท.ชลธิศ กับ พล.ร.อ.สมประสงค์ และ พล.ร.อ.เชิงชาย จึงทำให้เลือก พล.ร.ท.ชลธิศ เป็น เสธ.ทร. ขณะที่ พล.ร.ท.อะดุง เป็น ผบ.กร. อีกทั้งแซงอาวุโส พล.ร.อ.สุวินไม่ได้ เพราะเป็นพลเรือเอกก่อนแล้ว

ดังนั้น ในการโยกย้ายปลายปี 2566 จะเป็นการชิงกันของ พล.ร.ท.ชลธิศ กับ พล.ร.ท.อะดุง และ พล.ร.อ.สุวิน แต่คาดว่า พล.ร.อ.เชิงชายจะสนับสนุน พล.ร.ท.ชลธิศ เป็น ผบ.ทร.คนใหม่

แต่ทั้งนี้ กระแสข่าวใน ตท.23 นั้น ล้วนต้องการให้ พล.ร.ท.อะดุงที่เกษียณ 2567 ขึ้นเป็น ผบ.ทร.ก่อน 1 ปี จากนั้น พล.ร.ท.ชลธิศค่อยเป็น ผบ.ทร.ต่ออีก 1 ปีสุดท้าย เพื่อปิดทาง พล.ร.อ.สุวิน โผนี้จึงทำให้เห็นภาพ พล.ร.อ.สุวิน ที่ถูกรายล้อมไปด้วย ตท.23 ที่ต้องทำงานแข่งกัน และสู้กันต่อไป

กล่าวกันว่า การจัดโผโยกย้ายทหารครั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์จัดเอง ร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ โดยมีบิ๊กช้าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม และบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกลาโหม เป็นกำลังหลัก

แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกฯ ก็ตาม แต่ พล.อ.ประยุทธ์ยังสู้ ยังคงทำหน้าที่ รมว.กลาโหม และสวมหมวก “สนามไชย 1” เข้ากระทรวงกลาโหม ใช้เป็นฐานที่มั่นต่อสู้ ในระหว่างรอศาลวินิจฉัยวาระนายกฯ 8 ปี

ท่ามกลางกระแสข่าวความมั่นใจของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่จะคัมแบ๊กมาทำหน้าที่นายกฯ ต่อ ทั้งการออกมาทำหน้าที่ รมว.กลาโหม จัดโผทหาร ประชุม 7 เสือกลาโหม

รวมถึงออกงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ของกลาโหม และเลือกที่จะถือปืน เล็งยืงปืน ส่งสัญญาณสู้ เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว ก็คงจะเก็บตัวเงียบอยู่บ้านพัก ร.1 รอ. รอเวลาตัดสิน

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ออกมานั่งทำงานกลาโหมทุกวัน พอเป็นสัญลักษณ์ว่า ยังอยู่ ยังทำหน้าที่ ไม่เปิดช่องให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรักษาราชการแทนนายกฯ มาแทรกแซงโผทหาร เพราะเมื่อ 7 เสือกลาโหมลงนามร่วมกันแล้ว ไม่สามารถแก้ไขได้ โดย พล.อ.ประวิตรจะทำหน้าที่แค่นำขึ้นทูลเกล้าฯ และรับสนองพระบรมราชโองการเท่านั้น

จนถึงขั้นมีกระแสข่าวที่ว่าจะมีการดึงโผทหารเอาไว้จนถึง 15 กันยายน รอ พล.อ.ประยุทธ์รอดปม 8 ปี แล้วกลับมานำขึ้นทูลเกล้าฯ เองด้วยซ้ำ แต่ทว่า ก็คงไม่สามารถรอได้ เพราะยังไม่มีความชัดเจนว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเมื่อได

เพราะกองทัพยังคงไม่มีแรงกระเพื่อมต่อสถานการณ์ทางการเมือง เพราะยังมีความเชื่อมั่นว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมา

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

ขณะที่ท่าทีของ พล.อ.ประวิตรก็ดูจะระมัดระวังเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ทั้งการเลี่ยงไม่ใช้ตึกไทยคู่ฟ้าในการรับแขก แม้จะมีลิฟต์ที่ขึ้นลงสะดวก และตอนประชุมคณะรัฐมนตรี ก็เว้นเก้าอี้นายกฯ ไว้ ไม่นั่งเก้าอี้นายกฯ แทน แต่นั่งเก้าอี้รองนายกฯ ตามเดิม เพื่อให้เกียรติ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ยังเป็นนายกฯ อยู่

แม้แต่โผโยกย้ายตำรวจ พล.อ.ประยุทธ์ก็ยังคุมเองหมด แม้ พล.อ.ประวิตรจะเป็นประธานประชุมบอร์ด ก.ต.ช. และ ก.ตร. แทนนายกฯ ก็ตาม เพราะบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ. สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. สายตรงนายกฯ ยังคงดูแลเองทั้งหมด

เช่นเดียวกับโผทหาร ที่มีทั้ง พล.อ.ชัยชาญ และ พล.อ.วรเกียรติ เจรจากับ ผบ.เหล่าทัพ ในการจัดโผให้เรียบร้อย

อีกทั้งในการพบปะรับประทานอาหารค่ำด้วยกันของ พล.อ.ประยุทธ์ กับ ผบ.เหล่าทัพ เมื่อสัปดาห์ก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ก็แสดงความมั่นใจว่าจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ขึ้น

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

เพราะขุนพลหลักยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงโยกย้าย โดย พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ยังเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดคอแดงต่อไปถึงปีที่ 3 เช่นเดียวกับบิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ เป็น ผบ.ทบ.คอแดงต่อไปเป็นปีที่ 3 เช่นกัน

และมีบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกลาโหม สายตรงบิ๊กป้อม บิ๊กตู่ ขึ้นปลัดกลาโหม นั่งยาว 3 ปี

และวางตัวแม่ทัพนายกองของ ทบ. ทั้งบิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ น้องรักทหารเสือฯ ของนายกฯ ที่ขึ้นรอง ผบ.ทบ. และบิ๊กโต พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง แม่ทัพภาคที่ 1 ที่ขึ้น ผช.ผบ.ทบ. และจะชิงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ในการโยกย้ายปลายปีหน้า 2566

และขุนพลสายบูรพาพยัคฆ์คอแดง คุมหน่วย คุมกำลังกลางกรุง ทั้งบิ๊กหนุ่ย พล.ท.ธราพงษ์ มะละคำ แม่ทัพน้อยที่ 1 ขึ้นแม่ทัพภาคที่ 1

แทรกด้วยวงศ์เทวัญคอแดง บิ๊กปู พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ รองแม่ทัพภาคที่ 1 สายตรงบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. ขึ้นแม่ทัพน้อยที่ 1 เสริมทีม

กองทัพจึงรอวัน พล.อ.ประยุทธ์คัมแบ๊ก กลับมานำทัพสู้ศึกการเมือง เคียงข้างกันต่อไป

พล.ท.สุขสรรค์ หนองบัวล่าง
พลตรี ธราพงษ์ มะละคำ
พลตรี พนา แคล้วปลอดทุกข์