‘จนมุม’ / หลังเลนส์ในดงลึก : ปริญญากร วรวรรณ

ม.ล.ปริญญากร วรวรรณ

หลังเลนส์ในดงลึก

ปริญญากร วรวรรณ

 

‘จนมุม’

 

ฝนซึ่งตกหนักสลับเบามาตั้งแต่หลังเที่ยงวัน เริ่มเบาบางและหยุดราวบ่าย 5 โมง นกกกที่เกาะนิ่งอยู่บนกิ่งไทรที่ลูกสุกแล้ว 5-6 ตัวเริ่มขยับปีก เอี้ยวตัวมาด้านหลังปากใหญ่ไซร้ขน หมีขอเดินออกจากพุ่มกลางลำต้นเดินมาตามกิ่งใหญ่ เข้าไปยังกิ่งที่มีลูกไทร สายฝนทำให้มันต้องหยุดนิ่งอยู่นาน

ริมทางมีลานโล่งๆ ลิงกังฝูงหนึ่งเสร็จกับภารกิจจับแมลงเม่า พวกมันยืนสองขาเขย่งกระโดดคว้าตัวแมลงเม่าที่บินขึ้นไม่ได้สูงเพราะปีกเปียกน้ำฝน

เสร็จงาน พวกมันหลายตัวนั่งพักผ่อน แต่ดูเหมือนหนุ่มหลายตัวอยู่ในอารมณ์ไม่ดีนัก จับคู่กระโจนเข้าหากันอย่างจริงจัง ฟัดเหวี่ยงกลิ้ง อ้าปากแยกเขี้ยว

ดูคล้ายกับว่า เอาจริงกระทั่งหากฝ่ายหนึ่งไม่ยอมอาจต้องบาดเจ็บ

บางตัวรู้ว่าสู้ไม่ได้ก็หยุด ยอมถอย เจ้าตัวชนะ ทำเพียงแยกเขี้ยว และปล่อยให้คู่ต่อสู้เดินถอยไปไม่ไล่ตาม

สิ่งที่ลิงกังทำให้เห็นคือ พวกมันไม่ทำให้คู่ต่อสู้ต้องตกอยู่ในสถานการณ์จนตรอก

ผมมองพวกมันและเข้าใจในสิ่งที่ลิงตัวที่ชนะศึกกระทำ

นี่ไม่ใช่สิ่งใหม่หรือบทเรียนใหม่หรอก

“อย่าต้อนสัตว์หรืออะไรก็ตาม จนกระทั่งไม่มีทางหนี ปล่อยช่องให้สิ่งนั้นๆ ได้หลบและมีทางออกบ้าง” เป็นประโยคที่ผมได้ยินเสมอ ผมพยายามปฏิบัติ แต่ดูเหมือนว่าจะได้ยิน แต่ไม่เข้าใจ จนกระทั่งวันหนึ่ง ผมก็ได้รับบทเรียน ไล่ต้อนสัตว์กระทั่งมันไม่มีทางถอย

และบังเอิญว่า สัตว์ตัวนั้นเป็นเสือ

 

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมพูดถึงเหตุการณ์นี้ มันเป็นบทเรียนที่นำมาใช้ได้ดี

เป็นวันที่สายลมหนาวครอบคลุมป่าด้านตะวันตก อุณหภูมิตอนเช้าเหลือราว 10 องศาเซลเซียส เส้นทางที่ผ่านบริเวณ

ป่าเต็งรังมีสภาพถูกห้อมล้อมด้วยสีเหลืองและสีแดง ทั่วทั้งผืนป่า เตรียมตัวลดการใช้น้ำเปลี่ยนสีใบ ทิ้งใบร่วงหล่นลงปกคลุมพื้น ป้องกันไม่ให้ความชื้นระเหยไปมาก

ในสายตาคน นี่คือช่วงเวลาที่ป่างดงาม แต่สำหรับสัตว์ป่า นี่คือสัญญาณแห่งความลำบากขึ้น ฤดูแล้งอย่างจริงจังกำลังจะมาถึง แหล่งน้ำหายาก แหล่งอาหารเหลือเพียงหย่อมๆ โขลงช้างอยู่แถวๆ ดงไผ่ พวกมันดึงไผ่ลงมาทั้งกอลอกเอาส่วนที่เป็นเปลือกกิน

แถวๆ หาดทราย ลำห้วยสายหลักซึ่งระดับน้ำตื้นไหลเอื่อยๆ เต็มไปด้วยรอยตีนสัตว์ เจ้าของรอยส่วนใหญ่เป็นกวาง มีกระทิงปนบ้าง

เวลาบ่ายแสงแดดแรงกล้า ท้องฟ้าสีครามเข้ม เหล่าสัตว์ป่าวนเวียนไม่ไกลจากแหล่งน้ำ

เมื่อสัตว์กินพืชมาชุมนุม สัตว์กินเนื้อก็ตามมาทำหน้าที่ของพวกมัน

ฤดูกาลเปลี่ยนแปลงหมุนเวียน สัตว์ป่าดำเนินวิถีไปตาม

ปกติพวกมันหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับคน แม้เพียงได้กลิ่นคนมันจะผละหนี

สถานการณ์เปลี่ยนไป เมื่อแหล่งอาศัยลดลง การเผชิญหน้ากับคนมีปัญหาเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่พ้น

ความสูญเสีย โศกนาฏกรรมเกิดขึ้น ทั้งคนและสัตว์ป่า ถึงกระนั้นก็เถอะ ไม่ใช่สัตว์ป่าทุกตัวที่จะเข้าโจมตีคนทันทีที่พบเจอ พวกมันยังคงหนี

หลายตัวผละไปทันทีแม้เพียงได้กลิ่นคน แต่สิ่งหนึ่งที่พวกมันจะทำเหมือนกัน กระโจนเข้าโจมตีเมื่อพวกมันตกอยู่ในสภาพจนมุม

ลิงกัง – ดูเหมือนจะสู้กันอย่างเอาตาย แต่เมื่อตัวหนึ่งรู้ว่าสู้ไม่ได้ยอมถอย และตัวที่แข็งแรงกว่าจะปล่อยให้มันมีโอกาสถอยไป

ผมไม่รู้หรอกว่า การเดินตามเสือตัวนั้นอย่างกระชั้นชิดจะทำให้มันตกอยู่ในสถานการณ์จนมุม

รู้ตัวอีกที ขณะผมมองหามันทางด้านขวามือ พุ่มไม้ด้านหน้าสั่นไหวพร้อมเสียงคำรามตอนเสือกระโจนเข้าหา

ผมถอย สะดุดเถาวัลย์ล้มหงาย เสือถึงตัว มันตบเข้าที่หน้า ผมรู้สึกถึงเลือดอุ่นๆ จะพูดว่าวันนั้นเลนส์เทเล 300 มิลลิเมตร ช่วยไม่ให้บาดเจ็บมากนักคงได้ เพราะผมใช้เลนส์กันไว้ขณะมันอ้าปากกัด เลนส์หักสะบั้นด้วยคมเขี้ยว

ผมจำไม่ได้ว่าเราชุลมุนกันนานเท่าไหร่ แต่มันผละไปเมื่อคนหลายคนวิ่งเข้ามาส่งเสียงไล่

 

ผมกดชัตเตอร์ ถ่ายรูปลิงกัง ในใจนึกถึงเสือตัวที่ให้บทเรียน รับรู้ว่า มันเจตนาแค่อยากสั่งสอน หากเอาจริง แผลที่ผมได้รับคงฉกรรจ์มากว่านี้

ฟ้าเริ่มสลัว ลิงทยอยเดินเข้าชายป่า ตัวผู้ร่างใหญ่ทำหน้าที่เรียกและดูให้ทุกตัวเข้าป่าอย่างเรียบร้อย

ผมใช้เวลาอยู่กับพวกมันไม่นาน เช่นเดียวกับตอนที่อยู่กับเสือตัวนั้น

ทั้งลิงและเสือ สอนบทเรียนเดียวกัน

แผลเป็นบนหน้า คล้ายจะไม่มีวันเลือนหาย เช่นเดียวกับผมจดจำความหมายของคำว่า “จนมุม” ได้เสมอ •