นิสสัน ‘อัลเมรา SPORTECH’ อีโคคาร์ ‘ทูโทน’ – พลังเหลือล้น / ยานยนต์สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

นิสสัน ‘อัลเมรา SPORTECH’

อีโคคาร์ ‘ทูโทน’ – พลังเหลือล้น

 

ยังคงประทับใจไม่น้อยกับความร้อนแรงของ “นิสสัน อัลเมรา” (Almera) อีโคคาร์พลังแรงเกินตัว ที่อวดโฉมมาพักใหญ่แล้ว

ล่าสุด นิสสันแต่งหน้าทาปากในโมเดลเยียร์ 2022 พร้อมรุ่นพิเศษ “สปอร์ตเทค” (SPORTECH) ตัวท็อปสุดของที่สุด

ผมเคยทดสอบขับรถรุ่นนี้เมื่อครั้งเปิดตัวใหม่ๆ และต้องตกตะลึงกับความทรงพลังของเครื่องยนต์ 1.0 เทอร์โบ

เรียกว่าใครไม่เคยลองขับต้องคาดไม่ถึง แม้แต่เพื่อนๆ ที่เคยสอบถามเพราะสนใจรถรุ่นนี้ ด้วยรูปร่างหน้าตาสะสวย ราคาไม่แรงมาก แต่ไม่แน่ใจในเรื่องพละกำลัง ยังทำสีหน้าฉงนเมื่อผมเล่าถึงความรู้สึกให้ฟัง

จนต้องยุให้ไปลองขับเอง ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเกินคาดไปมาก

จึงเมื่อนิสสันแนะนำรุ่นโมเดลเยียร์ 2022 บวกกับได้จังหวะว่างพอดี จึงขอหยิบยืมมารำลึกความจำเสียหน่อย

รุ่นที่ได้มาเป็นตัวท็อป “VL SPORTECH” แม้ภาพรวมจะคล้ายเดิมแต่เมื่อเจาะลึกรายละเอียดพบว่ามีความต่าง และเพิ่มออปชั่นเข้ามามากพอสมควร

ชัดๆ ไม่พ้นสีภายนอกที่เป็นทูโทน ผมได้คันสีขาวหลังคาดำเงา

กระจังหน้าแบบโครเมียมดำเงารับกับหลังคาพอดี เช่นเดียวกับกระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED ที่เป็นสีดำเช่นกัน มีออปชั่นพับเก็บอัตโนมัติเมื่อล็อกรถ

กันชนหน้า-หลังสีเดียวกับตัวรถพร้อมตกแต่งด้วยสีเงิน

ต่ำลงมาเป็นสเกิร์ตชุดแต่ง SPORTECH เพิ่มความโฉบเฉี่ยวมากขึ้น

ไฟหน้าแบบ LED พร้อม LED Signature Light เปิด-ปิดอัตโนมัติ

ไฟตัดหมอกคู่หน้าแบบ LED

ไฟท้ายแบบ Signature Light พร้อมไฟเบรกแบบ LED

สปอยเลอร์หลังดำเงา

มือจับประตูด้านนอกสีเดียวกับตัวรถ

ล้ออัลลอย 15 นิ้วเงารมดำใหม่ รัดด้วยยาง 195/65

ภายในเป็นทูโทนเทาดำแต่ดูกลืนๆ กันไป ตกแต่งด้วยวัสดุสีเงิน

พวงมาลัยทรงสปอร์ตแบบท้ายตัดปรับได้ 4 ทิศทางวัสดุหุ้มหนังตกแต่งด้วยวัสดุสีเทาเข้ม เดินด้ายสีขาวพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่นควบคุมระบบเครื่องเสียง และรับโทรศัพท์บนพวงมาลัย

สวิตซ์ควบคุมหน้าจอ แสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ TFT บนพวงมาลัย

มาตรวัดแบบเรืองแสง Fine Vision Meter แบบ Digital หน้าจอสี TFT 7 นิ้วอยู่ด้านซ้าย ปรับเปลี่ยนได้หลากรูปแบบ ทั้งเรียกดูข้อมูลต่างๆ หรือจะปรับเป็นมาตรวัดความเร็วรอบก็ได้เช่นกัน ส่วนด้านขวาเป็นมาตรความเร็วแบบอะนาล็อก ดูลงตัวดี

แผงแดชบอร์ดด้านหน้าบุด้วยหนังนุ่ม ส่วนคอนโซลพลาสติกขึ้นรูป

ช่องยูเอสบีจัดมาให้ถึง 3 จุด บริเวณใต้จอ ช่องเก็บของ และด้านหลังที่เท้าแขนคนขับสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง

ระบบแอร์แบบอัตโนมัติ

ไฟอ่านแผนที่ด้านหน้า ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร

คันเกียร์หุ้มหนังแซมด้วยสีเงิน มีปุ่มสตาร์ต-สต๊อปอยู่บริเวณคอนโซลเกียร์

ระบบข้อมูลและความบันเทิง NissanConnect หน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว พร้อมช่องเชื่อมต่อ Bluetooth, USB และ AUX IN สำหรับอุปกรณ์ต่อพ่วง

มีระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์สมาร์ตโฟน Apple CarPlay ทั้งรองรับเชื่อมต่อโทรศัพท์ไร้สายแบบ Bluetooth

พลังเสียงจากลำโพง 6 ตำแหน่ง

เบาะหนังเดินตะเข็บขาวเข้ากับพวงมาลัย ใช้หนังลดความร้อนช่วยได้เยอะหากต้องจอดกลางแดด

ลองเปิดประตูไปเบาะหลังนั่งสบายไม่ต่างจากรถกลุ่มซี-เซ็กเมนต์ โดยเบาะคนขับปรับในตำแหน่งขับขี่ปกติของผม

ทั้งพื้นที่วางเท้า-เหนือศีรษะมีมาให้เหลือเฟือ อึดอัดเบาๆ ตรงที่ไม่มีเท้าแขนกลางมาให้ผู้โดยสารตอนหลัง

ขึ้นประจำตำแหน่งคนขับปรับโน่นนี่นั่นให้เข้ากับสรีระ กดปุ่มสตาร์ตกันเลย

เสียงเครื่องยนต์จากขุมพลัง DOHC 3 สูบ เทอร์โบ 999 ซีซี กำลังสูงสุด 100 แรงม้า แรงบิด 152 นิวตัน-เมตร แทรกเข้ามาในห้องโดยสารน้อยมาก

เกียร์ XTRONIC CVT ไม่ได้มีลูกเล่นเป็นขั้นบันได ลากลงมาตรงๆ ที่ตำแหน่ง “D” รถพุ่งวาบตามแรงเท้า

ช่วงออกตัวถือว่าทำได้ดี จากนั้นความร็วไต่ขึ้นไปเรื่อยๆ ระดับ 120-130 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาเร็วมาก

ด้วยครั้งก่อนเคยทำความเร็วระดับ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมง มาแล้ว จึงไม่จำเป็นต้องลองของอะไรอีก

คราวนี้จึงซัดไปเบาะๆ 160 กิโลเมตร/ชั่วโมง ช่วงล่างด้านหน้าแม็กเฟอร์สันสตรัต/เหล็กกันโคลง ด้านหลังทอร์ชั่นบีม/เหล็กกันโคลง ยังนิ่งสนิท

ระหว่างขับขี่รับรู้ได้ถึงความแข็งนิดๆ แบบเพิ่มความสปอร์ตในการขับขี่ แต่ไม่ถึงกับหัวคลอน

น้ำหนักพวงมาลัยปานกลาง ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป

บวกกับขนาดของวงกำลังกระชับมือ การขยับเปลี่ยนเลน หรือสาดเข้าโค้งมั่นใจได้มากขึ้น

เสียงลมและเครื่องเข้ามาน้อยมากที่ความเร็ว 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่หากมากกว่านั้นเริ่มได้ยินเข้ามาบ้าง ถือว่าทำได้ดี

เครื่องยนต์มีบุคลิกบางอย่างคือการรอรอบนิดๆ ในช่วงเร่งแซงที่ความเร็วกลางขึ้นไป แต่นิดเดียวครับ ขับขี่สักพักก็ชินจับอาการได้

การขับขี่ด้วยโหมดธรรมดา ทำได้ดีเหลือเฟือ แต่หากใครอยากลากรอบให้ความรู้สึกสนุกมากขึ้นไปที่โหมดสปอร์ต ตามใจชอบ

แต่สำหรับผมโหมดธรรมดา สนุกเพียงพอแล้ว

ออปชั่นความปลอดภัยหายห่วง จัดเต็มเกินตัว

ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ NISSAN INTELLIGENT MOBILITY (NIM) – INTELLIGENT SAFETY

อาทิ ควบคุมเสถียรภาพการทรงตัวอัตโนมัติ, ออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน, เตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนด้านหน้าขณะขับขี่อัจฉริยะ, ช่วยเบรกฉุกเฉินอัจฉริยะ ทั้งบุคคลและยานยนต์

เตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน, เตือนจุดอับสายตา, ตรวจจับวัตถุด้านหลังรถขณะถอย ฯลฯ

ส่วนอื่นๆ เช่น ระบบเบรก ABS EBD และ BA เทคโนโลยีกระจายแรงเบรก EBD และ ระบบเสริมแรงเบรก BA

แน่นอนพลาดไม่ได้กับกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง Intelligent Around View Monitor (IAVM) เอกลักษณ์ของค่ายนี้

ภาพจะส่งมาที่จอกลางคมชัดหายห่วง

แม้จะกลับมาขับอีกครั้งหลังห่างหายกันไปนาน แต่ยังคงความประทับใจเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ที่เพิ่มความเฉี่ยวมากขึ้น อารมณ์การขับขี่ที่สนุกและเร้าใจ

“นิสสัน อัลเมรา VL SPORTECH” ราคา 669,000 บาท •