ทางรอดอยู่ในครัว : วันของหน่อไม้ / ครัวอยู่ที่ใจ : อุรุดา โควินท์

ครัวอยู่ที่ใจ

อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: วันของหน่อไม้

 

ซันมาทำความสะอาดบ้าน ฉันต้องทำตัวให้ว่าง หรือทำงานน้อยที่สุด ก็ใช่ ที่เธอเป็นคนลงมือ แต่ฉันอดไม่ได้ ที่จะช่วยเก็บ ช่วยยก ช่วยจัด

บ้านน่ะ ถ้าฉันไม่ลงมือลงแรงกับมันบ้าง ฉันจะรู้สึก-การทำความสะอาดไม่สมบูรณ์

เดือนนี้เป็นเดือนที่ยุ่งมาก เรามีแผนเดินทางปลายเดือน ไปเยี่ยมแม่ของเขา และไปดูแลบ้านที่สามพราน ฉันบอกตัวเองว่า ทำงานให้เยอะไว้ ค่อยพักผ่อนช่วงเดินทางแล้วกัน (เอาเข้าจริง ฉันคงง่วนกับการเก็บกวาดบ้านที่สามพราน)

หนึ่งสัปดาห์ที่เราเดินทาง เป็นหนึ่งสัปดาห์ที่มีแต่รายจ่าย และตอนนี้น้ำมันแพงมาก เราเตรียมเงินเดินทางมากขึ้น และเตรียมการเดินทางวันละนิดละหน่อย

ตั้งแต่เรามีท้าวฮุ่ง การเดินทางของเรายุ่งยากขึ้น เป็นความยุ่งยากที่เรายินดี เราไม่อยากฝากหมากับใคร เพราะเมื่อเราตัดสินใจเลี้ยงหมา หมายถึงเราพร้อมรับผิดชอบสัตว์เลี้ยงของเรา

นอกจากทำงาน เตรียมเสื้อผ้า ของใช้ที่จำเป็น เรายังต้องเตรียมอาหารบาร์ฟของฮุ่ง เวลาในแต่ละวันจึงถูกซอยอย่างละเอียด เพื่อได้ใช้ประโยชน์สูงสุด

 

“ให้ซันมารดน้ำต้นไม้มั้ยคะ ตอนที่พี่ไม่อยู่” ซันถาม เธอวางน้ำยาล้างจาน กับทิชชู่เปียกที่ฉันฝากซื้อบนโต๊ะ

“รดน้ำน่ะ สองสามวันหนได้ แต่พี่อยากให้มาดูเครื่องดูดความชื้นในห้องที่ตากสบู่หน่อย” ยิ้ม “มาทุกวันได้มั้ย สบู่เยอะมาก”

“ได้ค่ะ ถ้าวันไหนฝนตกจะมาเทน้ำทิ้งเช้าเย็นเลย สองเวลา”

ฝากหมาอาจไม่เหมาะ แต่ฝากบ้านกับซันเหมาะที่สุด เธอรู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน เธอรู้ว่าอะไรที่ฉันเป็นห่วง และฉันไว้ใจเธอ ถ้าเธอบอกว่าได้ ก็หมายถึงได้

ฉันโอนเงินเข้าบัญชีเธอ เป็นค่าทำความสะอาดบ้านวันนี้ และค่าเสียเวลาที่เธอมาดูแลบ้านให้

พอเห็นยอดเงิน เธอว่า “โห เยอะจังค่ะ ซันมาดูให้เฉยๆ ก็ได้”

ฉันรู้ว่าเธอเต็มใจทำ แต่ฉันก็เต็มใจให้เธอ

 

“กินอะไรมาเป็นมื้อกลางวัน” ฉันถาม

“ซันว่าเอาผ้าไปส่งซักแล้วจะกลับไปกินแกงหน่อที่บ้าน แต่พี่สาครชวนกินข้าวด้วย ก็ข้าวเหนียวกับแกงหน่อนั่นล่ะค่ะ”

จริงด้วย ฝนตกแบบนี้ หน่อหวานน่าจะมี

“ขอยืมมอเตอร์ไซค์ไปตลาดหน่อยนะ” ฉันบอกเธอ

“ทำอะไรกินคะ”

“อยากกินแกงหน่อบ้างอ่ะ”

เธอหัวเราะ “จะแกงหน่อ ต้องมีหน่อสดๆ ดีๆ ก่อนนะ”

แหม ทำไมฉันจะไม่รู้ หน่อหวานสดไม่มี ก็แกงอย่างอื่นแทนสิ

มีหน่อหวานในตลาดจริง ฉันรีบคว้ามาถุงหนึ่ง เห็ดหูหนูหนึ่งจาน ชะอมหนึ่งมัด พริกหนุ่มสองมัด แวะเขียงหมู ซื้อกระดูกหมูมาสามสิบบาท แค่นี้ก็ได้แกงหน่ออร่อยๆ แล้ว

ฉันชอบแกงหน่อรสไม่จัด และไม่ใส่น้ำปู มันกินง่ายกว่า กินได้ไม่เบื่อ จับคู่กับอะไรก็อร่อย

 

คืนกุญแจมอเตอร์ไซค์ให้ซัน แล้วรีบเข้าครัว ล้างกระดูกหมู ใส่น้ำให้ท่วม ตั้งไฟแรง พอน้ำเดือด ค่อยเบาเป็นไฟอ่อน เคี่ยวกระดูกหมูก่อนสักยี่สิบนาทีหรือครึ่งชั่วโมง แกงจะอร่อยขึ้นมาก

ระหว่างนั้น ฉันล้างหน่อ จัดการซอยให้บางที่สุด หน่อหวานทำอะไรก็อร่อย และอันที่จริง จะหั่นแบบไหนก็ได้ แต่ฉันชอบแบบเป็นแผ่นบางๆ

เลือกเด็ดแต่ยอดอ่อนของชะอมรอไว้ ส่วนเห็ดหูหนูใส่เป็นชิ้นใหญ่ไปเลย

ถ้ามีใบชะพลูอีกหน่อยจะดีมาก ฉันเดินไปเก็บข้างบ้าน ได้สี่ห้าใบ เหลือเฝือแล้วล่ะ ฉันต้องการกลิ่นของมันน่ะ

น้ำพริกแกงง่ายมาก ใช้พริกหนุ่ม กระเทียม หัวหอม เกลือ ตำพอหยาบๆ แล้วใส่ลงในหม้อแกง หย่อนปลาร้าตัวเล็กลงไปสองตัว และกะปิดีอีกหนึ่งช้อนชา (เคล็ดลับความนัวของฉัน)

ใส่หน่อหวานพร้อมเห็ดหูหนู รอกระทั่งสุก ค่อยปรุงรสเพิ่ม บางคนใช้เค็มจากเกลืออย่างเดียว แต่ฉันชอบใส่น้ำปลา และตัดน้ำตาลสักครึ่งช้อนชา ให้แกงกลมขึ้น

เบาไฟ ตั้งแกงต่อสักสิบนาที ให้แกงเข้าเนื้อเข้าหนัง

สุดท้าย ฉันเร่งไฟแรง ใส่ชะอมกับใบชะพลูลงไป พอน้ำแกงเดือดก็ปิดไฟ

 

แกงหน่อแบบนี้ ควรมีพริกหนุ่มย่าง ฉีกเป็นเส้นโรยหน้าในถ้วย เพิ่มความเผ็ดขึ้นนิด ให้รสหวานอีกหน่อย

ย่างพริกกับกระทะเทฟลอน ใช้ไฟอ่อนสุด ทิ้งพริกไว้อย่างนั้น เดี๋ยวค่อยมากลับด้าน

หยิบเงินสี่สิบบาท เดินไปซื้อแคบหมูบ้านตรงกันข้าม ต้องมีเลยล่ะ เพราะแคบหมูติดมันคือชู้รักของแกงหน่อ

“น้องพูทำอะไรกิน” แม่ค้าแคบหมูถาม

“แกงหน่อค่า”

แม่ค้าหัวเราะ “น้าก็แกงเหมือนกัน กินกับแคบหมูเหมือนกันเลย”

อา… เท่าที่รู้ มีสี่บ้านที่แกงหน่อ ต้องมีบ้านอื่นอีกแน่ วันนี้เป็นวันของหน่อไม้ ควรเป็นเช่นนั้น เพราะตลาดใกล้บ้านเรามีหน่อหวานสดมาก

บางบ้านแกงเผ็ดหน่อย บางบ้านใส่ใบหญ้านาง บางบ้านใส่น้ำปู แกงหน่อพลิกแผลงได้หลากหลาย แต่โดยใช้น้ำพริกแกงเดียวกัน

แกงหม้อนี้ของฉัน อร่อยแบบนัวๆ หวานน้ำกระดูก และเด็ดที่สุดคือพริกย่างหอมๆ ที่ฉีกโรยหน้า

ข้าวเหนียวต้องมาแล้วล่ะมื้อนี้ •