เมื่อไทยเปิดประเทศ เลิก ‘เทสต์ แอนด์ โก’ ญี่ปุ่นเปิดนิดๆ ภายใต้เงื่อนไข/บทความพิเศษ บริสุทธิ์ ประสพทรัพย์

บทความพิเศษ

บริสุทธิ์ ประสพทรัพย์

 

เมื่อไทยเปิดประเทศ

เลิก ‘เทสต์ แอนด์ โก’

ญี่ปุ่นเปิดนิดๆ ภายใต้เงื่อนไข

 

ไทย “เปิดประเทศ” วันแรก 1 พฤษภาคม กระทรวงการท่องเที่ยวฯ บอก มีนักท่องเที่ยววันเดียว 18,320 คน เป็นมาเลเซีย สิงคโปร์ อินเดีย ออสเตรเลีย สหราชอาณาจักร

สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองแถลงบ้าง เฉลี่ยวันละ 19,155 คน หรือจากต้นปีถึงกลางพฤษภาคม 1,002,882 คน

ซีอีโอท่องเที่ยวรัฐตั้งเป้าเป็น 3 ซีนาริโอ คือถ้าไม่เปิดชายแดนใต้จีนยังจบอยู่ได้ 5 ล้านคน หากโชคดีจีนขยับจะได้ 7 ล้านคน และเมื่อชายแดนเหนือ-อีสานเปิดจะได้ 15 ล้านคน

ผู้นำประเทศพูดบ้าง ปีนี้ไทยจะได้ทัวริสต์ 20 ล้านคน…โธ่ถัง! โควิดยังกวาดไม่หมด ฝีดาษระบาดจากสัตว์ฟันแทะให้ลิงรับกรรม คนไทยเลยตั้งการ์ดเพิ่มขึ้นด้วยกลัวโควิดซีรีส์ 6-7

ส่วนทัวริสต์จะเพิ่มหรือหด ปัจจัยสำคัญมันอยู่ที่สินค้า เมื่อมาแล้วเที่ยวไหนดีถึงจะประทับใจ นี่ต่างหากที่ต้องถามว่าได้เตรียมพัฒนาสินค้าเก่าใหม่ให้สวยอลังการเทียบชั้นอันซีนไทยแลนด์รึยัง? ไม่ใช่ปู้ยี่ปู้ยำจนเกิดทัศนะอุจาด และที่สำคัญคือความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน รวมถึงการให้บริการแบบสมูธ แอส ซิลก์ สะใจเป็นไวรัลให้คนอื่นอยากมาเที่ยวบ้าง

ต้องไม่ลืมวิกฤตนี้ผลักดันให้การแข่งขันในตลาดอาเซียน ที่มีศักยภาพไม่ต่างบ้านเราโรมรันกันค่อนข้างสูง เช่น อินโดนีเซีย มาเลเซีย เวียดนาม หรือกัมพูชา สปป.ลาว ที่มีสินค้าใหม่ๆ

 

หันดูเพื่อนเก่า 67 ปีในวงท่องเที่ยวอย่างญี่ปุ่น อดีตเคยทำสถิติทัวร์ไทยถึงปีละ 1 ล้านคนมานาน แข่งเพื่อนบ้านมาเลเซียที่มาหาดใหญ่มากสุด 1 ล้านกว่าคนขณะนั้น

เหตุญี่ปุ่นล็อกกุญแจปิดประเทศครั้งล่าสุด ก็เมื่อพบมีผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ชนิด BA.2 เพิ่มเฉลี่ย 47.3 หมื่นคนต่อวัน สาเหตุปล่อยให้สังสรรค์เฮฮาปาร์ตี้ช่วงปีงบประมาณใหม่และรับน้องใหม่ตามหน่วยงานต่างๆ…เหมือนบ้านเราเป๊ะเลย

โชคดีอัตราการตายลดลงเพราะญี่ปุ่นใช้วัคซีนสกุลดีฉีดคนในบ้าน จากวัคซีน 4 ตัวครบ 3 เข็มตัวไหนก็ได้จากแอสตร้าฯ ไฟเซอร์ โมเดอร์นา จอห์นสันฯ ไม่รับวัคซีนสกุลจีนทุกยี่ห้อ

ตอนนั้นญี่ปุ่นมีประกาศแจ้งเตือนระดับ 3 งดการเดินทางสู่ 106 ประเทศรวมไทย แต่สิทธิเสรีภาพขั้นพื้นฐานจะห้ามคนญี่ปุ่นเดินทางคงไม่ได้ ได้แต่ทางอ้อมเมื่อกลับประเทศต้องผ่านการตรวจอาร์ที พีซีอาร์อย่างเข้มข้น 72 ชั่วโมงก่อนออกจากประเทศปลายทาง และลงนามโดยหมอประเทศนั้น กับให้ใช้แบบฟอร์มกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเท่านั้น

ไม้เด็ดอยู่ตรงนี้…ถ้ากลับมาอยู่ในข่ายสงสัยจะถูกกักตัว 7 วัน ตรวจผล 3 วันหากเป็นลบปล่อยตัว ส่วนค่าใช้จ่ายเปย์เองทุกอย่างซึ่งแพงหูฉี่ และบริษัทประกันปฏิเสธการจ่ายด้วยขาดความรับผิดชอบต่อสังคม

คนญี่ปุ่นถึงไม่ดิ้นรนออกเที่ยวขณะนั้นด้วยเหตุนี้

 

ถึงช่วง “โกลเดนต์วีก” ประจำปีที่ชีพจรคนญี่ปุ่นเต้นเร็วผิดจังหวะ เรื่องเที่ยวทั้งในและนอกประเทศ ด้วยมีวันหยุดยาวถึง 10 วันในบางปี เริ่มจาก 29 เมษายน “วันโชวะ” เฉลิมพระชนมพรรษาจักรพรรดิโชวะ 4 พฤษภาคม “กรีนเนอรี่เดย์” ปลูกต้นไม้ทุกจังหวัด

รุ่งขึ้น 5 พฤษภาคม “วันเด็กผู้ชาย” มีการประดับธงรูปปลาคาร์ฟเรียก “โคอิโนโบริ” ด้วยเชื่อว่าปลาชนิดนี้นำโชคและพละกำลังสู่เด็กวัยเจริญเติบโตต่อไป ส่วน “วันเด็กผู้หญิง” มีขึ้นในมีนาคมทุกปี และใช้ธงเป็นรูปตุ๊กตาประดับทั่วเมืองเช่นกัน

ก่อนจะถึง “โกลเดนต์วีก” เมื่อต้นเดือนเมษายน รัฐบาลได้ลดคำเตือนจากระดับ 3 เหลือ 2 ให้คนไปเที่ยวที่ไหนๆ ได้ 106 ประเทศที่เคยงดก็ให้ยกเลิก เพียงแต่ระวังการติดเชื้อซึ่งระบาดอยู่

ตลาดท่องเที่ยวญี่ปุ่นจึงระเบิดเถิดเทิงทั้งในและนอกราชอาณาจักร บริษัท เอชไอเอส ของนายฮิเดะโอะ ซาวาดะ วัย 71 ปี โอนเนอร์ธนาคารออนไลน์ที่มีส่วนแบ่งตลาด 50% ทั่วญี่ปุ่น เทียบรัศมีทัวร์ เจทีบี ระบุยอดจองไดนามิก แพ็กเกจตั๋วเครื่องบินโรมแรมที่พักช่วงพีกติดท็อปไฟว์ 5 อันดับ ได้แก่ ฮาวาย รองลงมาไทยแลนด์ มะนิลา โซล และแวนคูเวอร์

ส่วนในประเทศคนญี่ปุ่นเลือกโอกินาวะอันดับ 1 ต่อมาฮอกไกโด โอซากา นางานซากิ โตเกียวรั้งบ๊วย รักกูเต็น ทราเวล บริษัททัวร์ออนไลน์มียอดจองฮาวายที่ 1 รองคือไทยเช่นกัน

จึงเป็นที่มาของตัวเลขโดยกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ไทย แถลงว่า “วันเปิดประเทศ” มีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 18,320 คน เป็นญี่ปุ่น 726 คน ถ้าย้อนดูเมษายนทั้งเดือน ต่างชาติมาเยือน 265,711 คน ตรงกับ “โกลเดนต์วีก” มีญี่ปุ่นมา 9,831 คน รองจากไปฮาวายสวรรค์ของสายเลือดบูชิโด

 

คอนเทนต์ต่อจากนี้กลับกันบ้าง เมื่อคนในหลายประเทศรวมถึงไทย ต่างจับจ้องเมื่อใดหนอญี่ปุ่นจึงจะเปิดประเทศให้นักช้อปได้บันไซ ไชโย เสียที ตรงนี้ต้องรู้เศรษฐกิจบ้านเขาไม่ได้ตกต่ำถึงขั้นบักโกรก ถึงเร่งวันเร่งคืนเปิดแลกกับความเสี่ยงที่อาจเพิ่มวิกฤตโควิดขึ้นมาอีก

ระหว่างนายฟุมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรี เดินทางเยือนเอเชียและยุโรปเมื่อต้นพฤษภาคม ได้หยอดคำหวานจะเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวทั่วไปในเร็ววันให้เพื่อนดีใจ ขณะที่ต้นเมษายน ญี่ปุ่นได้แสดงความมีมนุษยธรรมต่อชาวโลก ด้วยการเปิดรับนักเรียนนักศึกษา นักธุรกิจต่างชาติที่มีครอบครัวญี่ปุ่น มีโควต้าวันละ 2 พันคน เพิ่มเป็น 5 พัน 7 พัน 1 หมื่นคน

ดีเดย์ตามที่นายคิชิดะหยอดไว้ คือ 24 พฤษภาคม ญี่ปุ่นรับต่างชาติก่อน 4 ประเทศ มีสหรัฐ ออสเตรเลีย สิงคโปร์ ไทย พร้อมกลุ่มมนุษยธรรมไม่เกิน 2 หมื่นคนต่อวัน แต่นักท่องเที่ยวต้องมากับบริษัททัวร์ที่ญี่ปุ่นรับรอง และจำกัดกรุ๊ปละ 5 คน วันหนึ่งรวม 4 ชาติไม่เกิน 50 คน จำกัดไว้เดือนละ 10-15 กรุ๊ปเท่านั้น

ประเด็นนี้มีข้อสันนิษฐานคือญี่ปุ่นไม่สุ่มเสี่ยงจึงคัดคนเข้าบ้าน โดยเลือกเอาผู้แทนบริษัททัวร์แต่ละประเทศที่ญี่ปุ่นรับรองมาตรฐานมาทดสอบสินค้า ก่อนขายรูทท่องเที่ยวสู่ลูกทัวร์

 

บริษัททัวร์ที่ผ่านออดิชั่นไม่ว่ารายใด ให้ยื่นแสดงเจตนาต่อเจเอ็นทีโอ หน่วยงานท่องเที่ยวญี่ปุ่นประจำประเทศนั้นๆ แล้วจะส่งต่อให้เจทีเอ กรมการท่องเที่ยวญี่ปุ่น พิจารณาก่อนเสนอเอ็มแอลไอที คือกระทรวงที่ดิน ซึ่งดูแลคมนาคมและท่องเที่ยวอนุมัติ

ครั้นวันเหยียบแผ่นดินต้องผ่านพิธีการสาธารณสุขที่ติวเข้ม ก่อนอื่นวัคซีนครบโดส 3 เข็มใน 4 ยี่ห้อที่ญี่ปุ่นกำหนดใช้ วัคซีนนี่แหละจะเป็นกุศโลบายหนึ่งที่ญี่ปุ่นใช้คัดนักท่องเที่ยวคุณภาพ ผิดกับบ้านเรายกเลิก “เทสต์ แอนด์ โก” แล้ว จะมั่วฉีดไขว้อะไรมารับทั้งนั้น

ต่อไปเป็นคิวเจเอทีเอ ซึ่งเป็นสมาคมตัวแทนผู้ประกอบการท่องเที่ยว จะพาไปแหล่งท่องเที่ยวในโตเกียวหรือต่างจังหวัดที่ระบุ เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสคนญี่ปุ่น และจะบอกคนทำทัวร์รู้ไว้ทุกครั้งเมื่อจะนำลูกทัวร์มาทัวริ่ง จะต้องเตรียมแผนบริหารความเสี่ยงมาด้วยทุกกรุ๊ป

มีคณะผู้แทนไทยกลุ่มหนึ่งไปเจรจาเรื่องการลงทุน 20-23 เมษายน ญี่ปุ่นจัดให้นอนในโรงแรมกินอาหารเช้าในห้องพัก มื้อกลางวันกินนอกห้องร่วมวงได้ 4 คน ประชุม 10 คนแบบนิวนอร์มอล ที่เหลือให้รอในรถหรือห้องพักโรงแรม งดกิจกรรมไซด์ซีอิ้งและช้อปปิ้งเด็ดขาด

อีกอย่างใช้รถเฉพาะที่ญี่ปุ่นจัดให้ จะอาศัยพับลิกคาร์หนีเที่ยวไม่ได้ และคนที่พำนักในญี่ปุ่น เช่น ทีมไทยแลนด์จะนั่งรถคันเดียวกันไม่ได้…โจทย์สำคัญคือกลัวติดโควิด

แค่นี้รู้ยิ่งกว่ารู้…ญี่ปุ่นละเอียดลออเรื่องการ “เปิดประเทศ” ที่ไม่ขอก๊อบปี้ไทยแลนด์ชัวร์