จากการเป็นเด็กที่เรียนหนังสือไม่จบชั้นมัธยมปลายแต่ได้พยายามจนสามารถก้าวไปสู่จุดศูนย์กลางอำนาจในยุโรปได้สำเร็จ แสดงให้เห็นว่า มาร์ติน ชูลซ์ เอาชนะความยากลำบากมาได้แล้วหลายต่อหลายครั้ง

แต่การต้องเผชิญหน้ากับ แองเกลา แมร์เคิล อาจเป็นความท้าทายที่ไม่พึงปรารถนามากที่สุดที่ผ่านมาในชีวิตของเขา

เมื่อชูลซ์ วัย 61 ปี ประกาศในเดือนมกราคมที่ผ่านมาว่าเขาลาออกจากการเป็นประธานรัฐสภายุโรปเพื่อเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรคสังคมประชาธิปไตย หรือโซเชียลเดโมเครติก (เอสพีดี) และจะเป็นตัวแทนพรรคลงชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเยอรมนี เขาได้รับการอ้าแขนต้อนรับกลับบ้านอย่างอบอุ่น

ผลของ “ชูลซ์ เอฟเฟ็กต์” ส่งผลให้พรรคเอสพีดีมีผลงานที่ดีขึ้นในการเลือกตั้ง เพลงในยูทูบเพลงหนึ่งที่แสดงความตื่นเต้นยินดีต่อเรื่องนี้ร้องว่า “รถไฟชูลซ์กำลังมา ไม่มีเบรก มันกำลังวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”

อย่างไรก็ตาม รถไฟขบวนดังกล่าวหมดพลังงานลงอย่างรวดเร็ว

 

ผู้สังเกตการณ์จำนวนมากระบุว่า นั่นมาจากการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 24 กันยายนนี้อย่างเอื่อยเฉื่อย ไร้ชีวิตชีวา โดยชูลซ์ประสบความยากลำบากในการรักษาแรงผลักดันขับเคลื่อนเอาไว้ ในขณะที่แมร์เคิลได้รับการมองว่าเป็นคนที่น่าไว้วางใจในโลกที่ไม่แน่นอนนี้มากกว่าครั้งไหนๆ ที่ผ่านมา

ผลสำรวจล่าสุดของสำนักโพลเอ็มนิดพบว่า ชาวเยอรมัน 46 เปอร์เซ็นต์จะเลือกแมร์เคิลให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากเป็นการเลือกตั้งได้โดยตรง ขณะที่ผู้ที่ระบุว่าจะเลือกชูลซ์มีเพียง 28 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

“สถานการณ์ที่ มาร์ติน ชูลซ์ ต้องเผชิญอยู่นั้นไม่น่าอิจฉาเลย นั่นเป็นเรื่องจริง” หนังสือพิมพ์เบอร์ลินทาเกสสปีเกลระบุว่าเขาเป็น “ชาโดว์บ็อกเซอร์” เท่านั้นในความพยายามอันน่าผิดหวังที่จะต่อกรกับสตรีผู้ทรงอำนาจมากที่สุดในยุโรป

เรียกว่า ชกยังไงก็โดนแต่เงาของแมร์เคิลเท่านั้น

 

ความหวังในการได้รับการเลือกตั้งของชูลซ์ลดน้อยถอยลงเรื่อยๆ แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อลบภาพในฐานะข้าราชการของยุโรปและกระตุ้นความสนใจในเรื่องประวัติชีวิตของเขาที่ต้องต่อสู้ฟันฝ่าด้วยตนเองจนก้าวขึ้นมาประสบความสำเร็จ

หลังจากที่ต้องออกจากโรงเรียนโดยที่เรียนไม่จบ ชูลซ์ประสบปัญหาบาดเจ็บที่เข่าซึ่งทำลายความฝันในการเป็นนักฟุตบอลอาชีพของเขาไป

ในช่วงอายุราว 20 ปี ชูลซ์ซึ่งกำลังสิ้นหวังหันหน้าเข้าหาแอลกอฮอล์จนติด แต่เขาสามารถเอาชนะโดยเลิกอย่างเด็ดขาดได้ในที่สุด ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาพูดถึงอย่างเปิดเผย

หลังจากนั้นเขาได้เปิดร้านหนังสือ และด้วยความที่ชื่นชอบในการเมืองตั้งแต่อายุยังน้อย เขาได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายเทศมนตรีของเมืองเวอร์เซเลนตั้งแต่อายุ 31 นับเป็นผู้ที่อายุน้อยที่ได้รับตำแหน่งระดับนี้ในรัฐนอร์ธไรน์-เวสต์ฟาเลีย โดยเขาดำรงตำแหน่งอยู่เป็นเวลา 11 ปี

ในปี 1994 เขาได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกรัฐสภายุโรป และดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เป็นเวลา 2 ทศวรรษ โดยก้าวขึ้นมาเป็นประธานรัฐสภายุโรปจากการเลือกตั้งเมื่อปี 2012

 

ชูลซ์ซึ่งเรียนภาษาต่างๆ ด้วยตนเองถึง 5 ภาษาบอกว่า อดีตที่ต้องต่อสู้ดิ้นรนทำให้เป็นตัวเขาในทุกวันนี้

“ผมเชื่อว่าผมเป็นนักการเมืองระดับสูงในเยอรมนีเพียงคนเดียวที่กล้ายอมรับความยากลำบากของชีวิตก่อนหน้านี้อย่างเปิดเผย” ชูลซ์ให้สัมภาษณ์ไว้กับ แดร์ สปีเกล ก่อนหน้านี้ไม่นานนัก

ในขณะที่หลายคนกล่าวหาว่าเขามีลักษณะเป็นคนวงในของกลุ่มอำนาจในบรัสเซลส์ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งไม่เชื่อถือ แต่ชูลซ์บอกว่า “คอนเน็กชั่น” ที่เขามีทำให้เขาเป็น “ขาใหญ่” บนเวทีโลก

แต่จะชนะแมร์เคิลบนเวทีการเมืองภายในได้หรือไม่นั้น คงเป็นคนละเรื่องกันโดยสิ้นเชิง