ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 15 - 21 กันยายน 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ภาพยนตร์ |
ผู้เขียน | นพมาส แววหงส์ |
เผยแพร่ |
ภาพยนตร์/นพมาส แววหงส์
SILENCE “ไม่มีเสียงตอบจากสวรรค์”
กำกับการแสดง Martin Scorsese
นำแสดง Andrew Garfield, Adam Driver, Liam Neeson, Yosuke Kubozuka, Ciaran Hinds
ศาสนาคริสต์แบบคาทอลิกเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่นในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1540 โดยบาทหลวงนิกายเจซูอิต และได้รับความนิยมแพร่ไปอย่างรวดเร็วจนประมาณว่ามีคนเปลี่ยนมานับถือศาสนานี้ราวหนึ่งแสนคน
จนกระทั่งมีการประกาศห้ามนับถือศาสนานี้เป็นครั้งแรกใน ค.ศ.1565 เนื่องจากถือว่าเป็นภัยต่อความเป็นปึกแผ่นของชาติ ทว่า จำนวนชาวคริสต์ก็ยังเพิ่มเป็นราวสองแสนคนใน ค.ศ.1582
จากนั้นภายใต้การปกครองของโชกุนโตคุกาวะ ก็มีการปราบปรามขั้นรุนแรงและเด็ดขาดใน ค.ศ.1620
Silence เริ่มด้วยเสียงเล่าของบาทหลวงนิกายเจซูอิตชาวโปรตุเกส ชื่อเฟอร์เรรา (เลียม นีสัน) ที่เล่าถึงการปราบปรามและจองล้างชาวคริสต์เพื่อให้ถอดถอนความเชื่อและเลิกนับถือตามศรัทธาของตน
ด้วยมาตรการรุนแรงต่างๆ นานา เช่น จับห้อยหัว ราดน้ำแร่ร้อนๆ ฝังดิน โยนลงทะเล ฯลฯ
วิธีการหลักๆ ของการบังคับให้เพิกถอนความเชื่อที่ต้องกระทำให้เห็นแก่ตา คือ การเหยียบลงไปบนแผ่นสลักเป็นรูปพระเยซูและแม่พระ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของชาวคาทอลิก
และคนจำนวนมากที่ไม่ยอมเพิกถอนความเชื่อ หรือที่เรียกเป็นคำนามว่า apostasy หรือเป็นคำกริยาว่า apostalize ก็จะกลายเป็นนักบุญผู้พลีชีพ เนื่องจากยอมเสียชีพ แต่ไม่ยอมเสียศรัทธา
เสียงเล่าบอกว่าการทรมานกลับย่อมส่งผลให้ศรัทธายิ่งแรงกล้าขึ้นไปอีก
กลับไปที่โปรตุเกส คุณพ่อวาลิกนาโน (ซิอารัน ไฮนส์) ได้รับจดหมายแจ้งว่าบาทหลวงเฟอร์เรรายอมสละศรัทธาในคริสต์ศาสนาไปเสียแล้ว และใช้ชีวิตแบบชาวพุทธอยู่ในญี่ปุ่น
ข่าวนี้สร้างความกระทบกระเทือนใจต่อบาทหลวงสองคนเป็นที่ยิ่ง เนื่องจากคุณพ่อเฟอร์เรราเป็นต้นแบบแห่งแรงบันดาลใจของทั้งสอง
บาทหลวงสองคนนี้คือ โรดริเกส (แอนดรูว์ การ์ฟีลด์) และ การูปา (แอดัม ไดรเวอร์) ผู้เป็นศิษย์ของเฟอร์เรรา ทั้งสองต่างไม่เชื่อว่าข่าวที่ได้ยินมานั้นจะเป็นจริงไปได้อย่างไรในเมื่อครูของตนนั้นเป็นผู้เปี่ยมศรัทธาอย่างล้นเหลือ
และขออนุญาตเดินทางไปดูให้เห็นแก่ตาตัวเอง ทั้งๆ ที่ขณะนั้นประเทศญี่ปุ่นห้ามคนต่างชาติต่างศาสนาเข้าประเทศแล้ว
ทั้งสองเดินทางมาจีน และหาทางข้ามทะเลไปญี่ปุ่น โดยอาศัยคนญี่ปุ่นท่าทางเพี้ยนๆ ไม่ยอมพูดยอมจา ชื่อ คิจิชิโร (โยสุเกะ คุโบสุกะ) เป็นคนนำทางลอบเข้าไปทางเรือและขึ้นเกาะแถวหมู่บ้านเล็กๆ ชายฝั่ง
อาศัยอยู่อย่างหลบๆ ซ่อนๆ เป็นเวลานาน โดยมีชาวบ้านที่ยังถือตนเป็นชาวคริสต์ แต่แสดงให้คนนอกรู้ไม่ได้ เป็นคนคอยช่วยเหลือ ให้อาหารและที่หลบซ่อนจากทางการ แลกกับการมีที่พึงทางใจจากบาทหลวงที่รับฟังการสารภาพบาปของชาวบ้าน และเป็นตัวเชื่อมโยงระหว่างพวกเขากับพระเจ้า
บาทหลวงสองคนใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก ทว่า เต็มไปด้วยศรัทธาเต็มเปี่ยม ได้รับรู้ถึงการปราบปรามชาวคริสต์จาก “ผู้สอบสวน” ของบ้านเมือง ซึ่งตรวจตราดูแลให้ชาวญี่ปุ่นทุกคนหันกลับมานับถือพุทธศาสนาซึ่งเป็นศาสนาประจำชาติ
ด้วยการให้เหยียบ และ/หรือ ถ่มน้ำลายรดรูปสัญลักษณ์ของพระเยซูกับแม่พระ
ใครที่ไม่ทำตาม หรือทำไม่ได้ ก็ต้องถูกทารุณกรรมถึงแก่ชีวิต
และท่ามกลางศรัทธาอันแน่วแน่ของหลายคน คิจิชิโรทำใจให้กระทำการอันเป็นสัญลักษณ์นั้นหลายครั้งหลายหน เพื่อความอยู่รอดของตน
โรดริเกซต้องตั้งคำถามแก่ตัวเองว่า ทำไมพระเจ้าจึงเงียบเฉย ไม่แสดงสัญญาณใดๆ ต่อพวกเขาเลย และเขาต้องเจอเข้ากับการทดสอบความเข้มแข็งของศรัทธาอย่างรุนแรงหลายหน
ท้ายที่สุด เมื่อผู้สอบสวนส่งบุคคลที่เขาดั้นด้นมาตามหาตัวในญี่ปุ่นมาเกลี้ยกล่อมเขา นั่นคือ เฟอร์เรรา ซึ่งบัดนี้ถูกกลายเป็น “ผู้เสื่อมศรัทธา” มีภรรยาและใช้ชีวิตตามแบบชาวญี่ปุ่นไปแล้ว
ด้วยฝีมือกำกับฯ ของ มาร์ติน สกอร์เซซี่ หนังถ่ายทำสวยงามมาก หลายฉากมีองค์ประกอบที่งดงามสะดุดตาและชวนเพ่งพิศ นอกจากนั้น ยังสร้างตัวละครที่มีพัฒนาการอันซับซ้อนของศรัทธาปสาทะอันไร้ข้อพิสูจน์เชิงวิทยาศาสตร์ให้ประจักษ์แก่ตา
แต่ตัวละครสำคัญตัวหนึ่งซึ่งเริ่มด้วยการเป็นผู้เล่าเรื่องนี้ กลับน่าผิดหวังเล็กน้อยที่ให้เห็นพัฒนาการน้อยไปหน่อย หรือกระโดดข้ามไปโดยขาดความต่อเนื่อง
สิ่งหนึ่งที่เห็นชัดในหน้าประวัติศาสตร์ของประเทศญี่ปุ่นในเรื่องนี้ คือศาสนาและการเมืองเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ออก
ตัวละครตัวหนึ่งให้อุปมาอุปมัยไว้ว่า ญี่ปุ่นมีภรรยาสี่คน นั่นคือประเทศตะวันตกเข้ามาร่วมหัวจมท้ายกับญี่ปุ่นถึงสี่ชาติ ซึ่งน่าจะหมายถึง โปรตุเกส อังกฤษ ฮอลันดาและฝรั่งเศส
และเปรียบเทียบว่าญี่ปุ่นเป็นเหมือนหนองน้ำ ที่เอาพืชจากต่างแดนมาปลูกก็จะไม่โตไม่งอกงาม
เรื่องราวในประวัติศาสตร์ช่วงนี้แสดงให้เห็นถึงความพยายามเผยแผ่คริสต์ศาสนาเข้ามาในญี่ปุ่น และพบเข้ากับการต่อต้านและปราบปรามอย่างรุนแรงยิ่งกว่าที่อื่นใดในเอเชีย
ถึงจะไม่พูดถึงเนื้อหาเรื่องความเชื่อและศรัทธาอันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน แต่ชั้นเชิงการเล่าเรื่องอย่างมีศิลปะของผู้กำกับฯ ฝีมือดี ก็ชวนติดตามไม่น้อย