เครื่องเคียงข้างจอ วัชระ แวววุฒินันท์/เพื่อน…ที่ระลึก

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

เพื่อน…ที่ระลึก

เป็นชื่อภาพยนตร์ไทยครับ ของค่าย gdh เจ้าของหนังดังหลายเรื่อง อาทิ “รถไฟฟ้ามาหานะเธอ” “กวนมึนโฮ” “พี่มากพระโขนง” ซึ่งตอนนั้นยังอยู่ในชื่อค่ายเดิมคือ gth

สำหรับ “เพื่อน…ที่ระลึก” เป็นผลงานลำดับที่ 4 ในชื่อค่ายใหม่ ต่อจาก “แฟนเดย์” “พรจากฟ้า” และ “ฉลาดเกมโกง” ตามลำดับ

ผมได้รับเชิญจาก คุณเก้ง-จิระ มะลิกุล ให้ไปชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในรอบพรีวิวเมื่อวันที่ 5 ที่ผ่านมา และบอกเขาว่าจะเขียนถึงนะ

วันนั้นที่ไป ผมได้ชวนน้องที่บริษัทไปด้วยคนหนึ่ง พอไปถึงหน้างานเขาถึงสารภาพว่า “ตอนที่พี่ชวนผม แล้วบอกว่ามาดูหนังใหม่ของ gdh กันไหม พอเห็นชื่อ gdh ผมก็ตอบรับทันที แต่ตอนนี้เพิ่งรู้ว่ามันเป็นหนังผี”

ซักถามจึงได้รู้ว่า ไอ้น้องคนนี้มันดูหนังทุกประเภท ยกเว้นหนังผี เพราะรำคาญกับอาการตกใจของตัวเอง …แต่ก็อยากจะบอกว่าสายไปแล้วละ ไหนๆ ก็มาถึงป่าช้า เอ๊ย ถึงหน้าโรงแล้ว

และเมื่อได้เข้าไปชม ไอ้น้องคนนี้ก็เลยต้องรำคาญตัวเองตลอดเรื่องเลย เพราะหนังเรื่องนี้ได้วางเนื้อเรื่องให้ชวนติดตามและชวนลุ้นไปตลอดเรื่องจริงๆ

ได้คุยกับเก้งภายหลังจึงได้รู้ว่า “เพื่อน…ที่ระลึก” นี้เป็นหนังทดลอง คือ อยากทดลองทำหนังผี แต่ไม่เห็นผีสักหน่อยซิ…ว่าผลจะออกมาเป็นไง

นี่ขนาดไม่เห็นผีแบบผี้…ผีสักแว่บนะ ไอ้น้องคนที่เล่ายังนั่งสะดุ้งแบบคงเส้นคงวาดีเหลือเกิน

“เพื่อน…ที่ระลึก” จับเอาวิกฤต “ต้มยำกุ้ง” ที่เกิดขึ้นจริงในเมืองไทยในปี 2540 ซึ่งพาให้สังคมและเศรษฐกิจเปลี่ยนแบบพลิกหน้ามือเป็นหลังมือทีเดียว ภาพสถาบันการเงินล้ม พ่อค้ากลายเป็นยาจก มนุษย์เงินเดือนถูกให้ออกจากงาน ปรากฏให้เห็นเนืองๆ ยามนั้น

หนังเรื่องนี้ก็จับประเด็นนี้ใส่ให้กับ 2 ครอบครัวซึ่งเป็นที่มาของเรื่อง เมื่อ 2 ครอบครัวนักลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ หวังจะได้รับความสำเร็จเช่นงานอื่นๆ ที่ผ่านมากับโครงการคอนโดมิเนียมสุดหรูบนถนนสาทร

ตึกที่ว่านี้สร้างยังไม่ทันเสร็จ ก็ถูกต้มยำกุ้งหม้อใหญ่สาดเข้าให้จนต้องยุติการทำธุรกิจลง

ผลกระทบส่งมาถึงรุ่นลูก คือ “อิ๊บ” และ “บุ๋ม” ที่เป็นเพื่อนสนิท เพราะพ่อเป็นหุ้นส่วนกัน จากชีวิตสดใสตามประสาวัยรุ่นอายุ 14 ใกล้ 15 ก็มีอันเปลี่ยนไปเมื่อครอบครัวต้องล้มละลาย

แต่ละคนรับผลกระทบมากเกินกว่าที่คนอายุ 14-15 จะรับได้ โดยเฉพาะผลกระทบที่มาจากครอบครัวคนใกล้ๆ ตัวนี่เอง และเห็นว่าการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้เป็นสิ่งที่ทรมานและทุกข์สาหัสยิ่งนัก

ความคิดชั่วแล่นตามประสาเด็กอ่อนโลก จึงนัดกันมาที่ตึกร้างที่ยังสร้างไม่เสร็จแห่งนี้ เพื่อที่จะฆ่าตัวตายด้วยปืนของพ่อที่อิ๊บขโมยมา

ช่วงแรกของหนัง ได้มีการใช้ภาพจากการสร้างขึ้นตามท้องเรื่องผสมผสานกับภาพของข่าวจากเหตุการณ์จริงได้อย่างกลมกลืน ชักนำให้คนมีอารมณ์คล้อยตามกับความรู้สึกสูญเสียนั้น ถ้าเป็นคนอายุเลย 35 ปีขึ้นไปจะนึกออกว่าภาวะในช่วงนั้นเป็นอย่างไร ไม่แน่ใจว่าจากในหนังคนรุ่นหลังๆ จะเข้าถึงความรู้สึกนี้ได้มากน้อยแค่ไหน

ถึงอย่างนั้น จังหวะที่อิ๊บลั่นไกปืนดับชีวิตตัวเองลง ก็วางจังหวะได้ช็อกความรู้สึกดี จนสามารถดึงอารมณ์ร่วมถึงความวิปโยคจนต้องปลิดชีพตัวเองลงเพื่อหนีให้ไกลจากความจริงตรงหน้าได้

เมื่อคนดูยังช็อก ตัวละครอย่าง “บุ๋ม” ที่ตกใจกับเสียงปืนที่แผดดังพร้อมร่างของเพื่อนก็พับกองไปกับเลือดที่นองตรงหน้า จึงทำอะไรไม่ถูก คิดอะไรไม่ทัน นอกจาก “วิ่งหนี” มันออกมา

และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความอาฆาตแค้นของวิญญาณเพื่อนรักที่กลับมาทวงสัญญาคืน ที่เคยบอกว่าเราสองคนจะตายไปด้วยกัน

หนังตัดมาอีกที ก็จะเห็นบุ๋มตอนโตแล้ว รับบทโดย “บี-น้ำทิพย์ จงรัชตวิบูลย์” เป็นบุ๋มซึ่งเป็นนักธุรกิจสาวใหญ่ มีลูกสาวคนเดียววัย 14 ปีกว่าๆ และด้วยเส้นทางของการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามรอยพ่อของเธอ ทำให้เธอประสบปัญหาในการดำเนินงาน จนต้องหันมาหาทางออกเดียวที่มีอยู่ คือ “สานต่อตึกร้าง” นี้ เพื่อเอาเงินมาชดเชยหนี้สินที่เป็นปัญหาฟ้องร้องอยู่

และนั่นคือการได้ย้อนกลับมาสู่พื้นที่ที่ตนเคยวิ่งหนีมาอีกครั้ง และครั้งนี้วิญญาณของอิ๊บได้ยื่นมือมาทวงสัญญานั้น โดยมุ่งไปยังสิ่งที่บุ๋มรักที่สุดในชีวิตนั่นคือ “เบลล์ ลูกสาวคนเดียว”

เรื่องทั้งเรื่องเล่นกันอยู่ 2 คนแม่ลูก คือแม่บุ๋มกับลูกเบลล์ ต้องยกนิ้วให้กับฝีมือการแสดงของบี-น้ำทิพย์ ที่แบกรับเรื่องทั้งเรื่องเอาไว้ หากเธอเอาไม่อยู่จะทำให้เรื่องไม่ชวนติดตามเลย จนอาจถึงรำคาญได้

แต่ “บี” รับมือกับบทที่หนักหน่วงที่ซ่อนความลับอันเจ็บปวดมาตลอด มันเป็นแผลที่ไม่หายไปไหน และเมื่อมันถูกขุดคุ้ยขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจก็ทำให้เธอเจ็บปวดและจนตรอกทีเดียว

การต้องผจญกับความผิดที่ฝังใจยังไม่พอ ยังต้องผจญกับการรุกรานของผีที่ชวนขนลุกขนพองแบบที่ไม่ต้องเห็น “ตัว” กันเลย

สมใจอยากคุณเก้งเขาล่ะ

ฉากที่บุ๋มลุกขึ้นสารภาพความผิดในวันนั้นกับแม่ของอิ๊บที่แสดงโดย “เดือนเต็ม สาลิตุล” ด้วยน้ำตานองหน้า และทรุดกายลงกราบแทบเท้าแม่เพื่อน เพื่อทั้งอยากระบายตะกอนที่หมักหมมอยู่ภายในใจออกมา และเพื่อจะหาทางช่วยลูกสาวไม่ให้ตกเป็นเหยื่อความแค้นของเพื่อนสาว เป็นฉากที่บีแสดงได้อยู่หมัดดีจัง

และเมื่อถึงคราวจนตรอกจริงๆ แม่ที่กำลังจะสูญเสียลูกไปก็จำต้องลุกขึ้นสู้…สู้กับผี บีก็ลุกขึ้นมาท้าทายและเข้าโรมรันกับผีได้อย่างน่าเอาใจช่วย

เรื่องนี้เช่นกัน ที่เก้งเล่าให้ฟังว่า หนังผีเรื่องอื่นๆ คนจะหนีผีเป็นส่วนใหญ่ เลยอยากทำแบบคนลุกขึ้นมาสู้กับผีดูบ้าง

และแม่บุ๋ม ก็ปกป้องลูกเบลล์ด้วยสัญชาตญาณของความเป็น “แม่” โดยแท้

ลูกเบลล์ แสดงโดยนักแสดงหน้าใหม่ “ลิลลี่-อภิชญา ทองคำ” อดีตผู้ประกวดรายการ The Face Thailand ซีซั่น 2 และได้อยู่ทีมของบี-น้ำทิพย์เองด้วย จึงมีความสนิทสนมกันเป็นทุนเดิม

ลิลลี่มีบุคลิกชวนมองเป็นของตัวเอง ซึ่งเป็นจุดเด่นของเธอตั้งแต่ประกวด The Face แล้ว ด้วยวัยสดใสแต่เมื่อต้องมารับบทบาทการแสดงที่หนักหน่วงอย่างบทเบลล์ เหยื่อความผิดในอดีตของแม่ ลิลลี่ก็สามารถทำได้ดี เป็นธรรมชาติ และเห็นพลังของความรักของลูกที่อยู่ในการแสดงนั้น

เมื่อต้องอยู่ในบทน่ากลัว เบลล์ก็ทำให้สะพรึงได้ไม่น้อยเลย

หนังเรื่องนี้กำกับฯ โดย โสภณ ศักดาพิศิษฏ์ ที่เคยฝากผลงานหนังผีเรื่อง “ลัดดาแลนด์” มาแล้ว รู้สึกผู้กำกับฯ คนนี้จะชื่นชอบแนวทางของหนังเขย่าขวัญเป็นพิเศษ เพราะเคยเป็นหนึ่งในทีมของผู้กำกับหนังเขย่าขวัญชั้นดี “ชัตเตอร์…กดติดวิญญาณ” มาก่อน

ซึ่งในเรื่องนี้โสภณก็ทำได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีในการสื่อสารทั้งสมัยเก่า อย่าง “แพ็คลิ้งค์” และสมัยใหม่อย่าง “โทรศัพท์มือถือ” เข้ามาเป็นเครื่องมือในการเดินเรื่อง และเป็นอาวุธในการทำให้คนดูลุ้นและต้อง “ตกใจ” อยู่เนืองๆ

โดยเฉพาะเมื่อตั้งใจว่าจะทำหนังผีแบบไม่เห็นผีจังๆ การวางจังหวะเรื่อง การถ่ายภาพและตัดต่อ รวมทั้งพระเอกอย่างเสียงเอฟเฟ็กต์และดนตรี จึงเป็นส่วนสำคัญที่ต้องลงรายละเอียดอย่างมาก เพื่อเล่นกับอารมณ์ของผู้ชมให้อยู่หมัด

ในเรื่องนี้มีเพลงเอกที่เป็นคีย์เวิร์ดของเรื่องด้วยคือเพลง “เดียวดายกลางสายลม” ร้องโดย จุ๋ม-นรีกระจ่าง ขอบอกว่าถูกใจผมอย่างมาก เพราะเป็นบทเพลงที่ผมชื่นชอบมากเพลงหนึ่ง ทั้งด้วยท่วงทำนอง คำร้อง การเรียบเรียง และเสียงร้องของนรีกระจ่างเอง ทำให้ติดใจเพลงมานานแล้ว

บางครั้งยังเปิดฟังก่อนนอนเพื่อกล่อมให้นอนหลับฝันดีอยู่บ่อยๆ

แต่หลังจากดูหนังเรื่องนี้มา ได้มาลองเปิดฟังก่อนนอนอย่างเคยอีกครั้ง แฮะๆ…นอนไม่หลับครับท่าน มันพาลจะจิตหลอนจนต้องสะดุ้งตุ้งแช่ตามอย่างไอ้น้องคนนั้นไปด้วยน่ะสิ

ถ้าคุณชอบหนังแนวเขย่าขวัญ ก็สมควรไปชมหนังเรื่องนี้กันครับ

และถึงแม้คุณจะไม่ชอบแนวนี้ ก็ยังอยากให้ไปชม ชมไปปิดตาไปบ้างก็คงไม่เป็นไร ไปดูการแสดง ดูเนื้อเรื่อง และองค์ประกอบอื่นๆ ของหนังก็ได้นะครับ รับรองคุณมีเพื่อนเต็มโรงเลย

เพราะปฏิกิริยาหนึ่งของคนดูคือ พอตกใจ ก็จะกลบเกลื่อนด้วยการหัวเราะ ทั้งหัวเราะที่ขำที่ตัวเองตกใจ กับหัวเราะเพื่อปลอบโยนตัวเอง

หนังเรื่องนี้ จึงได้ยินเสียงหัวเราะกันเป็นระยะตลอดเรื่อง ทั้งที่ไม่ใช่หนังตลกสักหน่อย

แปลกแต่จริง