Old Normal = Good Old Days กลับสู่วิถีชีวิตที่คุ้นเคย?/บทความพิเศษ จักรกฤษณ์ สิริริน

บทความพิเศษ

จักรกฤษณ์ สิริริน

 

Old Normal = Good Old Days กลับสู่วิถีชีวิตที่คุ้นเคย?

 

Iwish somebody would have told me babe

That some day, these will be the good old days

All the love you won’t forget

And all these reckless nights you won’t regret

Someday soon, your whole life’s gonna change

You’ll miss the magic of these good old days

I was thinking about the band

I was thinking about the fans

We were underground

Loaded merch in that 12-passenger van

In a small club in Minnesota

And the snow outside of 1st Ave

I just wanted my name in a star

Now look at where we at

Still growing up, still growing up

I’d be laying in my bed and dream about what I’d become

Couldn’t wait to get older, couldn’t wait to be someone

Now that I’m here, wishing I was still young

Those good old days

บทเพลง Good Old Days

ผลงานของ Macklemore & Ryan Lewis Ft. Kesha

ปลายปี 2019 ถึงกลางปี 2022 กว่า 3 ปี ที่คนไทยและชาวโลกถูกบังคับให้ต้องมี “ชีวิตวิถีใหม่” หรือ New Normal จาก COVID-19 เชื้อ Virus ที่น่ากลัวที่สุดในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษยชาติ?

อันที่จริง COVID-19 ไม่ได้น่ากลัวกว่าเชื้อโรคชนิดอื่นที่เคยปรากฏตัวขึ้นบนโลก นับตั้งแต่ “กาฬโรค” “อหิวาต์” “หวัดสเปน” “เอดส์” เพราะกว่าเราจะรับมือ “โรคอุบัติใหม่” ในแต่ละยุคแต่ละสมัย ก็สูญเสียชีวิตผู้คน และใช้เวลาไปไม่น้อย

ความน่ากลัวของ COVID-19 ก็เช่นเดียวกัน เพราะกว่าจะได้ Vaccine ก็กินเวลากว่า 1 ปีที่เราต้องทนทุกข์ทรมานกับความเสี่ยง และการระบาดของเชื้อโรค แม้ว่า Vaccine จะถูกนำออกมาใช้เร็วกว่าที่คาดการณ์คืออย่างน้อย 2-3 ปี

ขณะที่ยารักษา หรือยาต้าน COVID ที่ ณ ขณะนี้ยังไม่มีตัวยาที่เป็นพระเอกหนึ่งเดียวแบบออกฤทธิ์ชะงัด 100% ทว่า ก็เห็นแนวโน้มที่ดี และรวดเร็วมากขึ้นเรื่อยๆ ในการผลิตและนำยาออกมาใช้

การที่ COVID-19 มีความน่ากลัวก็มาจากสาเหตุไม่มี Vaccine ในช่วงแรก และยังไม่มียาต้าน COVID ในช่วงนี้

มาตรการ Lockdown จึงถูกนำมาใช้ในหลายประเทศ และหลายชาติได้สร้างความหวาดกลัว COVID จนเกินเลย

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใช้เงื่อนไข COVID ปะปนกับเงื่อนไขทางการเมืองที่ส่งผลกระทบไปถึงเงื่อนไขทางเศรษฐกิจ เอื้อประโยชน์ให้บางกลุ่มทุน

ทั้งที่ประเทศพัฒนาแล้วหลายชาติ ประชาชนกลับเข้าสู่วิถีชีวิตแบบปกติ หรือ Old Normal ตั้งนานแล้ว

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเลยก็คือ การแข่งขัน Premier League อังกฤษ ที่ผู้เข้าชมในสนามหลายหมื่นคนถอด Mask ดูบอลกันมาหลายเดือน จนเกือบจะจบฤดูกาลแข่งขัน 2021/2022 แล้ว

 

แต่บางประเทศยังเขียน Scenario ให้ประชาชนหวาดวิตกกันเกินจริง โดยชาติเหล่านั้นมี Vaccine คุณภาพแย่ มี Vaccine ไม่เพียงพอ เกิดสูตร Vaccine พิสดารที่มีเฉพาะในบางชาติ

และไม่สร้างช่องทางเข้าถึง Vaccine แบบเรียบง่ายให้กับประชาชน แต่สร้างเงื่อนไขให้ซับซ้อน และตั้งข้อแม้ต่างๆ ให้มันยากเข้าไว้ ยอดคนป่วยคนตายจึงสูง

เมื่อยอดคนป่วยคนตายสูงก็ยิ่งตรงกับ Scenario ที่เขียนให้น่ากลัวเกินจริง ประกอบกับชุดตรวจ ATK ที่ประชาชนสามารถตรวจได้เอง ซึ่งกว่าจะอนุมัติก็ล่าช้ามาก

หน้ากากอนามัย และ Alcohol ฆ่าเชื้อในช่วงแรกที่ COVID-19 ระบาดใหม่ๆ ในระลอกแรก ก็มีไม่เพียงพอ มีการกักตุนสินค้า มีการทุจริต

ประชาชนต้องใช้หน้ากากผ้าทดแทน และดูแลรักษาสุขภาพกันตามมีตามเกิด ชาวบ้านต้องดูแลกันเอง

เช่น การตั้งเต็นท์ หรือการตระเวนรับบริจาค และแจกจ่ายอาหาร น้ำดื่ม เครื่องยังชีพต่างๆ ซึ่งก็ถูกห้าม ถูกตั้งเงื่อนไข ในหลายจุด และนำมาสู่การเกิดขึ้นของ ตู้ปันสุข

แถมในช่วงการระบาดระลอกล่าสุด ยารักษา COVID ที่เป็นยาทดแทนก็มีไม่เพียงพอกับความต้องการ

ผนวกกับพื้นฐานการสาธารณสุขที่เหมือนจะดีกับบางกลุ่ม คือกลุ่มคนมีเงิน ขณะที่ชาวบ้านทั่วไปเข้าถึงบริการสาธารณสุขยากมาก แม้จะเป็นแค่สาธารณสุขพื้นฐาน

ดังนั้น ที่บางประเทศบอกว่าจะเป็น Hub สุขภาพนั้น เป็นเฉพาะ Hub ให้กับคนรวย คือตะวันออกกลาง จีน หรือบางประเทศจากยุโรป ไม่ใช่ Hub สุขภาพของชาวบ้าน

 

ณ เวลานี้ เชื่อว่าหลายคนเบื่อหน่าย Scenario ของ COVID ที่เขียนให้น่ากลัวเกินจริงเต็มที อยากกลับไปมีวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมหรือ Old Normal

เพราะหลายคนเชื่อจากประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมา ว่า Old Normal = Good Old Days

วิถีชีวิตแบบดั้งเดิม หรือ Old Normal ดีกว่าการเปลี่ยนวิถีการใช้ชีวิตแบบ New Normal หรือชีวิตวิถีใหม่

ยกตัวอย่างเรื่องอาหารการกิน หลายคนเบื่อหน่าย Scenario ที่เกินจริง เช่น ทำไมต้องปิดร้านอาหารก่อน 21.00 น. ตัวเลข 21.00 น. มีที่มาอย่างไร ผ่านการวิเคราะห์ หรือมีข้อมูลวิจัยอะไรสนับสนุน

และถ้าปิด 22.00 น. ผู้ติดเชื้อจะเพิ่มเท่าไร แล้วทำไมไม่ปิด 20.00 น.

หรือสั่งปิดเพราะกลัว Cluster คนดื่ม Alcohol เหตุใดไม่สั่งห้ามการขายสุรา

แล้วทำไมร้านอาหารริมถนน หรือ Street Food ต้องปิดไปด้วย เพราะบริเวณที่นั่งกินเป็นที่เปิดโล่งอากาศถ่ายเท

Good Old Days ของคนกลางคืน นักดนตรี พนักงานในร้าน หายไปเกือบ 3 ปี รายได้ไม่มี หลายคนขายทรัพย์สิน และหันไปประกอบอาชีพอื่น

อาชีพ Night Life เป็นแพะรับบาปมานานมากพอแล้ว

Old Normal คือการหาจุดลงตัวที่เหมาะสม หรือทางสายกลาง ระหว่างการจัดการด้านสุขภาพ กับการบริหารสภาวะเศรษฐกิจ

ซึ่งต้องใช้ข้อมูล ความรู้ หรือระบบสารสนเทศที่ดี และที่มีมากพอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้องนำการจัดการความรู้มาใช้ประกอบการตัดสินใจ

และกำหนดมาตรการต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตผู้คน เพราะการบังคับใช้กฎหมายต้องปฏิบัติต่อทุกฝ่ายบนมาตรฐานเดียวกัน และปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกัน

ที่ผ่านมา ดูเหมือนจะเข้มงวดกับคนอื่น แต่สองมาตรฐานกับพรรคพวกเดียวกัน กำเนิดบิดาแห่งการยกเว้น ผ่อนปรนจนคนทั่วไปเขาดูออก

 

การกลับสู่ Good Old Days จำเป็นต้องมีกระบวนการจัดการความรู้ ควบคู่กับการมีส่วนร่วม เพื่อนำไปใช้ในการกำหนดนโยบายที่เป็นกลาง ลดผลกระทบจากมิติของปัญหาต่างๆ

หากไม่มีข้อมูล ไม่มีความรู้ ไม่มีระบบสารสนเทศ ก็ควรเริ่มแสวงหาตั้งแต่วันนี้ยังไม่สาย

เพราะเด็กนักเรียนไม่ได้ไปโรงเรียน เด็กก็ไม่ได้เจอเพื่อน ไม่มีกิจกรรมทางสังคม เรียนที่บ้านไม่ Work เรียน Online ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ครูไม่มีความพร้อม โรงเรียนไม่มีความพร้อม

นิสิต นักศึกษาไม่ได้เรียนภาคปฏิบัติ ไม่ได้จับเครื่องมือ ไม่ได้เข้า LAB ไม่ได้ทำ Workshop แถมสถานประกอบการไม่รับให้เข้าฝึกงาน นักศึกษารุ่น COVID ขาดทักษะที่พึงมี

Work from Home ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ธุรกิจรอบสำนักงาน ร้านอาหารกลางวันที่ขายให้พนักงานเจ๊งหมด

ธุรกิจส่งออกพังพินาศ ไม่มีตู้ Container รอตู้ Container ยาวนาน ส่งออกไม่ได้

 

Good Old Days คือการกลับมาของเที่ยวทั่วไทย เที่ยวต่างประเทศ เดินป่า นอนชายหาด ดูพิพิธภัณฑ์ Event งานรื่นเริง เทศกาลเฉลิมฉลองของท้องถิ่นต่างๆ

งานบุญเข้าพรรษา วันพระใหญ่ จะได้กลับมาสู่ Old Normal ลอยกระทง สงกรานต์ Concert ดูหนัง ฟังเพลง ดูกีฬา

วิถีชีวิตปกติ Good Old Days ของประชาชนกลับมาเสียที!