ทดสอบ ‘นิสสัน เทอร์ร่า’ MY2022 รถเพื่อครอบครัว-เน้นความสบาย / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

ทดสอบ ‘นิสสัน เทอร์ร่า’ MY2022

รถเพื่อครอบครัว-เน้นความสบาย

 

เป็นประจำทุกปีที่ผมและครอบครัวจะเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ช่วงที่น้องสาวคนหนึ่งซึ่งทำงานอยู่สหรัฐอเมริกากลับมาเยี่ยมบ้านที่ไทย ในปีนี้ก็เช่นกันแม้จะไม่ได้เที่ยวครบๆ ทั้งบ้านมา 2 ปี เพราะติดปัญหาโควิด-19 ระบาดหนักทั่วโลก

ทริปนี้ถือโอกาสทดสอบรถยนต์รุ่นที่น่าสนใจคือ “นิสสัน เทอร์ร่า” ที่ปรับโฉมเมื่อปีที่แล้ว แต่มาในโมเดลเยียร์ 2022

ถือเป็นรถไมเนอร์เชนจ์ที่เปลี่ยนไปเยอะมาก ใส่ลูกเล่นออปชั่นต่างๆ หลากหลาย และปรับปรุงระบบต่างๆ ให้ขับง่าย สบายขึ้น

จนแทบจะเรียกว่าปรับโฉมออกมาเจาะตลาดครอบครัวได้เลย

 

ตัวถังใหญ่โตโอฬาร คันสีดำเงาวับตัดกันดีกับขอบโครเมียมที่ประดับไว้ตามจุดต่างๆ

รุ่นที่ได้มาทดสอบเป็นตัวท็อป VL ขับเคลื่อน 4 ล้อ

ดีไซน์ตามแนวคิด “Unbreakable Design” สะท้อนถึงความแข็งแกร่ง กระจังหน้าขนาดใหญ่ขึ้น เส้นโครเมียมแนวนอนด้านในกระจังช่วยเสริมบุคลิกที่หรูหรา รับกับเส้นสายที่ต่อเนื่องจากฝากระโปรง

ไฟหน้า Quad LED 4 ดวง ดีไซน์ใหม่ให้ความสว่างมากขึ้นถึง 34% ตัวโคมไฟถูกดีไซน์ให้เพรียวบาง ดูปราดเปรียว

ไฟ Daytime Running Light ดีไซน์เด่น ไฟตัดหมอก LED ประสิทธิภาพสูงล้อมรอบด้วยแถบโครเมียมขนาดใหญ่ ให้แสงสีขาวที่เป็นธรรมชาติ ลดความร้อนแม้เปิดเป็นเวลานาน

แผ่นกันกระแทกด้านล่างที่เป็นสีเงิน ตามสไตล์เอสยูวี

ด้านท้ายแบบใหม่ไม่เหลือเค้าเดิม ตั้งแต่สปอยเลอร์บนหลังคาจนถึงชายกันชนด้านล่าง

ฝาท้ายเติมวัสดุโครเมียมและชิ้นส่วนสีเงินมากขึ้น เมื่อตัดกับสีดำยิ่งเพิ่มความโดดเด่น

ไฟท้ายลดความสูงเพิ่มความกว้าง แบบ LED Light Guide เส้นคู่ ไฟเบรกแบบ LED

ฝาประตูท้ายเปิด-ปิดระบบไฟฟ้า พร้อมเซ็นเซอร์ด้านใต้กันชนหลัง เพียงแค่ยื่นเท้าเข้าหาบริเวณกึ่งกลางของกันชนประตูเปิดเอง พร้อมระบบป้องกันการหนีบ

ล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว สีทูโทนแบบปัดเงา

ภาพรวมภายนอกดูดีและให้ความสปอร์ตมากขึ้น

อย่างที่บอกว่าปรับโฉมเพื่อเจาะตลาดรถครอบครัว ทำให้ภายในเพิ่มลูกเล่นและความบันเทิงเข้ามาเต็มพิกัด

ห้องโดยสารของตัวท็อปและรองท็อป มีให้เลือกทั้งโทนสีดำ-แดง และสีดำ-เบจ

คอนโซลหน้าดีไซน์ใหม่ตกแต่งด้วยวัสดุหนังสังเคราะห์แบบนุ่ม รวมทั้งแผงข้างประตู

พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นหุ้มหนังรูปทรง D-shape ติดตั้งระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ

เรือนไมล์มาพร้อมจอแสดงผลขนาด 7 นิ้ว ใหญ่กว่าของเดิม ดูชัดตาดีโดยไม่ต้องเพ่ง

ขยับมาตรงกลางเป็นจอ Display Audio แบบสัมผัสขนาด 9 นิ้ว ใหญ่เบิ้มปุ่มควบคุมต่างๆ ขยับมาอยู่ด้านใต้จอพร้อมไฟเรืองแสงสีขาว

เชื่อมต่อ Apple CarPlay แบบไร้สาย พร้อมระบบชาร์จไฟแบบไร้สาย (Wireless Charger) ไม่ต้องต่อสายระโยงระยางให้วุ่นวาย เทคโนโลยี Nissan Connect ที่เชื่อมต่อสมาร์ตโฟนกับ Apple CarPlay และ Android Auto

มีระบบนำทาง (Navigation System) และระบบสั่งงานด้วยเสียงอัจฉริยะ (Voice Recognition)

ระบบเสียงรอบทิศทางจาก Bose Premium Audio System ลำโพง 8 ตำแหน่ง พร้อมแอมปลิฟายเออร์

ระบบปรับอากาศด้านหน้าแบบอัตโนมัติแยกการควบคุมอุณหภูมิ มีช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารทั้ง 3 แถว

คอนโซลกลางดีไซน์ใหม่พร้อมเบรกมือไฟฟ้า และปุ่มปรับระบบขับเคลื่อน

ติดตั้งจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ 11 นิ้ว บนเพดานสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง เชื่อมต่อยูทูบ หรือเน็ตฟลิกซ์ ทำให้ผู้โดยสารโดยเฉพาะเด็กๆ เดินทางได้เพลิน

ที่นั่งแถว 2 เป็นที่นั่งแบบเธียเตอร์จะสูงกว่าเบาะหน้าเล็กน้อย ทำให้ไม่อึดอัดเวลามองไปด้านหน้า สามารถเลื่อนหน้า-ถอยหลังได้เพื่อเพิ่มพื้นที่ให้แถว 3 จากที่ลองนั่งดูแถว 3 สบายประมาณหนึ่งแต่ขาจะชันหน่อย แต่ถ้าเป็นเด็กนี่สบายมาก

ขุมพลังเครื่องยนต์ YS23DDTT ขนาด 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตัน-เมตร

เกียร์ใหม่แบบอัตโนมัติ 7 สปีด พร้อมแมนวลโหมด ระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ และ 4 ล้อ

กดปุ่มสตาร์ตเสียงเครื่องยนต์หากอยู่ด้านนอกกระหึ่มพอสมควร แต่ถ้าอยู่ห้องโดยสารค่อนข้างเงียบเนื่องจากเพิ่มฉนวนลดเสียงรบกวน ติดตั้งกระจกตอนหน้าและประตูคู่หน้าแบบ Acoustic Glass ซึ่งเป็นครั้งแรกของเซ็กเมนต์

และอีกอย่างที่เป็นครั้งแรกเช่นกันคือ “Intelligent Rear View Mirror” หรือกล้องส่งภาพด้านหลังมาที่กระจกมองหลัง ความคมชัดเฉียบขาดมาก โดยสามารถปรับเป็นกระจกมองหลังธรรมดา หรือขอดูภาพจากกล้องด้านหลังก็ได้

ข้อดีเวลามีผู้โดยสารนั่งเต็มความจุ หรือบรรทุกของแล้วดูกระจกมองหลังไม่ถนัด ก็ปรับเป็นภาพจากกล้องแทน รวมถึงเวลาฝนตกหนักๆ ทัศนวิสัยด้านหลังไม่ดี กล้องตัวนี้ช่วยได้เยอะ แถมมุมมองที่กว้างกว่ากระจกมองหลังทั่วไปด้วย

อัตราเร่งช่วงออกตัวไม่ได้หวือหวามากนัก แต่จะลื่นขึ้นเมื่อเข้าสู่ความเร็วกลางและปลาย

การเร่งแซงหากคิกดาวน์ต้องรอรอบนิดๆ แต่หากปรับลดที่คันเกียร์ด้วยระบบแมนวลจะดีกว่าหน่อย

ฟิลลิ่งพวงมาลัยดีขึ้นกว่ารุ่นเดิม ความหน่วง ความหนักน้อยลง แต่ถ้าความเร็วช้าหรือการเข้าจอดค่อนข้างตึงมืออยู่หน่อยๆ ช่วงทำความเร็วหนักแน่นพอประมาณ

ช่วงล่างด้านหน้าจะเป็นแบบอิสระปีกนกคู่ พร้อมคอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบ 5 ลิงก์ คอยล์สปริงและเหล็กกันโคลง รับมือได้ทุกสภาพถนน และให้ความนุ่มนวลพอประมาณ

การเข้าโค้งหรือเปลี่ยนเลนแรงๆ มีอาการโคลงนิดๆ มาจากความสูงของรถ แต่ถ้าขับด้วยความเร็วทั่วไปถือว่าสอบผ่านสบาย

ระบบเบรกไว้ใจได้เป็นแบบดิสก์มีช่องระบายความร้อนทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD แบบ Shift-on-the-fly มีระบบล็อกเฟืองท้ายด้วยไฟฟ้า

ระบบ Off-Road Monitor ผ่านกล้องอัจฉริยะมองภาพรอบทิศทาง (IAVM) เพิ่มมุมมองรอบตัวรถขณะขับขี่ ทำงานร่วมกับ Parking Sonar ที่ติดตั้งเซ็นเซอร์ที่กันชนหน้า 4 จุด และกันชนหลัง 4 จุด

ตัวช่วยอื่นๆ มาครบ อาทิ ระบบควบคุมความเร็วขณะลงทางชัน, เตือนวัตถุเคลื่อนไหวรอบคัน, เตือนรถในมุมอับสายตา, ตรวจจับวัตถุด้านหลังขณะถอย ฯลฯ

เรียกว่าออปชั่นพิเศษที่คู่แข่งมี นิสสัน เทอร์ร่ามีเหมือนกันแถมมากกว่าด้วย

“นิสสัน เทอร์ร่า” MY2022 ปรับโฉมออกมาแล้วถือว่าคุ้มค่าทีเดียวทั้งรูปโฉม ความสะดวกสบายและการขับขี่

มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ราคาเริ่มต้น 1,199,000-1,499,000 บาท •