หญิงสาวและความพังพ่าย / เรื่องสั้น : อินทร อรพัน

เรื่องสั้น

อินทร อรพัน

 

หญิงสาวและความพังพ่าย

 

1

แม่สอนคุณเสมอ เป็น ‘ลูกผู้หญิง’ ควรมีกิริยามารยาทงาม พูดจาไพเราะ รักนวลสงวนตัว การบ้านการเรือนอย่าได้ขาดตกบกพร่อง ฝีมือปลายจวักนั้นสำคัญ ผัวจะอยู่หรือจะไปอยู่ที่ตรงนี้ ดูอย่างพ่อคุณซิ ไปไหนต่อไหน ไม่ว่าใกล้หรือไกล ยังไงต้องกลับมากินข้าวที่บ้าน ทั้งหมดทั้งมวลแม่อบรมคุณในครัว ขณะคุณเป็นลูกมือแม่ คอยหยิบจับนู่นนี่นั่น และเรียนรู้การทำครัวจากแม่ ก่อนแม่สรุปบทเรียนสุดท้าย ‘ผู้หญิงควรเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้’ คุณยิ้ม ขณะนำแว่นมะระแช่น้ำเกลือเพื่อลดความขม เพลงพุ่มพวง ดวงจันทร์ ลอยมาจากระเบียงหน้าบ้าน แม่ร้องตาม “กระแซะ กระแซะ กระแซะ กระแซะ เข้ามาซิ หากว่าคุณรัก ปักดวงใจปอง แต่คุณมัวนั่งมองฉันก็ขอติ ใกล้เข้ามานิด ติดเข้ามาซิ ถ้าจะริรักสาวต้องก้าวไว้” เพลงถัดไป “จะทำยังไงดีเน้อ ให้เธอตอบรักฉันมา จะทำยังไงดีหนา จะให้เธอรู้ว่าฉันชอบ”

คุณยิ้มเมื่อเห็นแม่พึงใจไปกับเสียงเพลงของศิลปินในดวงใจ และรู้สึกว่ามีความย้อนแย้งบางอย่างเกิดขึ้นกับแม่

 

2

ปีถัดมาพ่อตายจาก แม่ขึ้นไปทำงานที่กรุงเทพฯ อ้างเหตุผลว่าทำเพื่อคุณ ฝากคุณไว้ให้ย่าดูแล ช่วงแรกแม่ยังส่งเสียเงินทองมาบ้าง แต่เมื่อเพลงพุ่มพวงออกฤทธิ์ แม่ก็แต่งงานใหม่ คุณซึ่งอยู่ในวัยมัธยมต้น เป็นโกรธเป็นแค้นแม่มาก เพราะคุณยังรักพ่อ แต่แม่กลับพยายามลืมรักเก่า และปลูกต้นรักใหม่ โดยไม่สนใจความรู้สึกคุณ

แล้วแม่ก็หายไปจากชีวิต นานทีปีหนจะส่งเสียเงินทองมาให้สักครั้ง เงินที่แม่ใช้ซื้อความสำนึกผิดของตัวเอง คุณต้องกู้เงินเรียน ดิ้นรนสารพัด ส่งเสียตัวเองเรียนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย

 

3

คุณยังจำคำอวยพรของแม่ในงานแต่งได้ขึ้นใจ “หนักนิดเบาหน่อย อภัยกันนะลูก” น้ำเสียงฝากฝังระคนห่วงใย แม่มุ่งหมายบอกคุณมากกว่าจะเป็นเขา แต่คำอวยพรนี้ใช้ได้กับเราทั้งคู่ ไม่ว่าหญิงหรือชาย มีนัยยะอย่างอื่นที่แม่พยายามบอก ซึ่งคุณตีความได้ว่า ‘การอดทน’ คุณยิ้มน้ำตาคลอเบ้า ขณะแม่รดน้ำสังข์ แขกเหรื่อหว่านโรยคำอวยพรลงในสายน้ำที่รินไหล

แต่ปัจจุบันนี้ คุณต้องกอบโกยคำอวยพรเหล่านั้นมากองที่โต๊ะอาหาร เพื่อประคับประคองชีวิตคู่ระหว่างคุณกับเขา

 

4

คุณพบตัวเองอยู่ภายใต้แสงสว่างจากไฟเพียงดวงเดียวในห้องครัว ภายในบ้านทึมสลัว สำทับด้วยเสียงหรีดเรไรยามย่ำค่ำชวนเศร้า ห้องครัว เป็นมุมชีวิตของคุณ แต่บ้านหลังนี้เป็นของเขา เมื่อเขาเลือกที่จะไม่อยู่ คุณจึงเลือกที่จะปิดไฟภายในบ้านทุกบริเวณที่เขาเคยใช้ชีวิต

คุณนั่งทบทวนความรู้สึกของตัวเอง ผุกร่อนมานานปีที่โต๊ะอาหาร แสงสว่างจากไฟเพียงดวงเดียว เรียกแมลงกลางคืนให้ระเริงเล่นรอบหลอดไฟอยู่เหนือศีรษะคุณ ความเงียบช่วยให้ได้ยินเสียงกรีดปีกของแมลงบางตัว เสียงชนหลอดไฟของแมลงบางตัว และเสียงซึ่งอยู่ในหัวของคุณ ความเงียบและความสลัวราง บางครั้งช่วยบรรเทาความเจ็บปวด แต่บางครั้งกลับนำพาความรู้สึกนึกคิดมาเฆี่ยนตีคุณซ้ำๆ

คุณรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ความสำคัญถูกแย่งชิง เวลาถูกปันส่วน ความรักและความใส่ใจถูกหารสอง เจ็บปวดหากต้องเดินจากมา ยุ่งยากไปหมด กลัวความอ่อนแอของตัวเอง กลัวที่ต้องตอบคำถามใครต่อใคร แต่ที่น่ากลัวที่สุด คือคุณจะไปไหนต่อ เมื่อไม่แน่ชัด ไม่มีจุดยืนที่เข้มแข็ง จึงต้องทนเจ็บ ก้มหน้ารับกรรม

ทั้งคุณและเขาเคยนำทุกความรู้สึกและปัญหาของแต่ละคนออกมากาง ส่วนไหนขัดแย้ง ส่วนไหนเห็นต่าง ส่วนไหนพออนุโลมกัน เขายืนกรานขอติดต่อกับเธอ คุณไม่ยินยอม เพราะต้องการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม หากปล่อยให้คาราคาซัง ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธออาจแนบแน่นและยากที่จะตัดขาด คุณกลัวเสียเขา เพราะคุณเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงด้วยกัน ไม่มีใครอยากเป็นตัวสำรอง เดี๋ยวเธอจะเรียกร้องเอาจากเขามากกว่าที่เป็นอยู่ เขาบอกรู้ตัวดีว่าทำอะไร (คุณเกลียดคำนี้) มันจะไม่เลยเถิดเหมือนครั้งก่อน เขาไม่อยากรู้สึกผิดกับเธอ อยากให้จบกันด้วยดี เพราะความผิดทั้งหมดเขาเป็นคนก่อ ที่ลากเธอเข้ามาสู่ความสัมพันธ์อันผิดศีลธรรม เขายืดอกรับผิดชอบที่ทำให้เธอคนนั้นเสื่อมเสียชื่อเสียง และไม่กล้าสู้หน้าเพื่อนร่วมอาชีพ ซ้ำยังถูกตราหน้าว่าเป็นมือที่สาม คุณถาม แล้วเขาจะรับผิดชอบความรู้สึกคุณอย่างไร? เขาชักสีหน้า และบอกว่าไม่สามารถรับผิดชอบความรู้สึกใครได้ทั้งนั้น เรานิ่งเงียบ ไม่แน่ชัดว่าเพราะ ตรึกตรองในเหตุผลของกันและกัน หรือนิ่งเงียบเพื่อหาถ้อยคำมางัดง้าง

สุดท้ายไร้ทางออก…

วันหนึ่งที่โต๊ะอาหาร ช่วงค่ำเช่นวันนี้ ไม่แน่ชัดว่าเป็นเสียงหรีดเรไรตัวเดิมหรือเปล่า คุณถามเขาว่าจะเอาอย่างไร ในเมื่อคำขอของคุณเขาไม่อาจตอบสนอง เขาตอบเพียงว่า “ไม่รู้ๆ” และเบือนหน้าหนี ไม่กล้าเผชิญหน้ากับปัญหาของตัวเอง คุณเสนอ ในเมื่อเขาเลิกกับเธอไม่ได้ คุณเองจะเป็นฝ่ายไป เขาบอกขาดคุณไม่ได้ เพราะอยู่ด้วยกันมายาวนาน กระทั่งกลายเป็นความผูกพัน เขาไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไป หากไม่มีคุณ

ค่ำนั้นเขาไม่แตะต้องแกงกะทิมะระของโปรดเขาแม้แต่คำเดียว คุณเสียดายและตักมันเข้าปาก มะระขมปี๋เพราะคุณลืมแช่น้ำเกลือ แต่คุณยังฝืนตักมันกินอยู่อย่างนั้น ปล่อยให้ฟันบดเคี้ยวอย่างละเอียดกลั่นกรองเอาความขมทุกอณูลงสู่ลิ้น พลันน้ำตาคุณไหล

 

5

“เป็นเมียแดงต้องอดทน”

ประโยคที่แดง ไบเล่พูดกับวัลภา คุณจำได้แม่น เพราะเป็นหนังเรื่องโปรดของคุณ

6

คุณตัดสินใจลาออกจากงานประจำ หากตัดสินใจเดินจากมา ต้องไร้ซึ่งพันธะ วางเงื่อนไขกับเขา หากยังคงติดต่อเธอ คุณจะย้ายไปอยู่กับแม่ ทั้งที่ใจจริง คุณอยากกลับไปบ้านย่ามากกว่า ย่าผู้ชุบเลี้ยงคุณมาตั้งแต่พ่อคุณตาย แต่ย่าตายแล้ว บ้านหลังนั้นถูกจัดสรรปันส่วนโดยบรรดาลุงป้า ซึ่งไม่มีชื่อพ่ออยู่ในกองมรดก เป็นอันว่า คุณไม่มีที่ทางในบ้านเกิดของตัวเอง

เขาทำตัวดีในช่วงแรก กลับบ้านตรงเวลา คุณเองเมื่อตันสินใจมาเป็นแม่บ้านเต็มตัว ก็จัดแจงดูแลงานบ้านสารพัด เอาอกเอาใจเขาทุกอย่าง หวังใช้ความดีมัดใจ เรารับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากัน วันหยุดท่องเที่ยวตามร้านกาแฟ และแลนด์มาร์กยอดฮิต คุณมีความสุข และกลับมาวาดภาพอีกครั้งหลังร้างราไปนาน คุณถ่ายทอดเนื้อหาและความรู้สึกเจ็บปวดผ่านสีและทีแปรงลงบนผืนผ้าใบ ค้นหาตัวตนผ่านงานศิลปะอีกครั้ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ สมัยเป็นนักศึกษาศิลปะ คุณเองก็พยายามค้นหาสไตล์ของตัวเอง โดยการทำงานหลากหลายรูปแบบ ศึกษาศิลปะลัทธิต่างๆ แต่กลับรู้สึกว่า ไม่มีรูปแบบใดเลยที่แสดงความเป็นตัวคุณ ขณะที่เพื่อนคนอื่นๆ เริ่มมีชื่อเสียง ผลงานเริ่มมีราคากันแล้ว แต่คุณยังจมปลักและมืดบอด

“นายรักฉันนายทำงาน” “หากเธอรักศิลปะ เดี๋ยวศิลปะก็รักเธอ” คำคมให้กำลังใจจากผู้กรุยทางมาก่อนหน้า แต่คุณไม่แน่ชัดเสียแล้วว่า แนวคิดดังกล่าวจะได้ผล คุณทำงานหนักไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเพื่อนคนอื่น เคี่ยวกรำตัวเอง หามรุ่งหามค่ำกับการค้นหาเทคนิค รูปแบบ และความเป็นไปได้อื่นๆ ของการสร้างสรรค์งานศิลปะ แต่ผลลัพธ์ที่ได้ กลับแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน

หลังสำเร็จการศึกษา คุณหมายมั่นเดินบนเส้นทางศิลปะ ใช้อุดมการณ์และศักดิ์ศรีชโลมใจแทนเงินตรา ใช้คำคมของผู้ประสบความสำเร็จเป็นแรงผลักดันไปสู่เป้าหมายที่เต็มไปด้วยขวากหนาม แต่เมื่อไม่เป็นดั่งฝัน คุณก็เริ่มหันมากล่าวโทษและฉีกทึ้งตัวเอง ว่าตัวเองยังไม่ดีพอ ขยันไม่พอ พยายามไม่พอ กระทั่งเกิดสภาวะหดหู่ โลกรอบตัวดูเหมือนไม่มีที่ว่างให้กับคนกระจอก หรือคนที่เหนื่อยล้าและอยากจะหยุดพัก

แล้ววันหนึ่งคุณก็ตระหนักรู้ขึ้นมาได้ว่า ความเป็นปัจเจกชนนั้น ช่างไปได้ดีกับคำขวัญให้กำลังใจ และการมองโลกในแง่ดี เราหลงเชื่อไปกับคำคมสู้ชีวิต จนลืมไปว่า สภาพสังคม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม ไม่ได้เอื้อประโยชน์อะไรให้แก่ประชาชนอย่างเราเลยสักอย่าง “ขยันวันนี้ ร่ำรวยในวันหน้า” เราทุ่มเทให้กับการทำงานอย่างหนักหน่วง ทั้งชาวนา ชาวสวน ชาวโรงงาน อาบเหงื่อต่างน้ำ แต่ราคาผลผลิตและค่าแรงขั้นต่ำ กลับต่ำเตี้ยเรี่ยดิน “ฝันให้ไกล ไปให้ถึง” มีคนหนุ่มสาวจำนวนมากเข้าเมืองหลวงหวังไล่ล่าความฝัน แต่หนุ่มสาวเหล่านั้นก็พังพ่ายให้กับระบบอุปถัมภ์ เด็กฝากเด็กท่าน การเอื้อประโยชน์ต่อพวกพ้อง เหล่านี้ล้วนเป็นด่านสกัดการเข้าถึงโอกาสของคนรุ่นใหม่ ซึ่งพวกเขาก็เอาแต่โทษตัวเองว่าไม่ดีพอ จนลืมไปว่าสิ่งที่เขากำลังต่อสู้อยู่นั้นไม่ใช่ตัวเอง แต่เป็นระบอบของบ้านนี้เมืองนี้ เมื่อคิดได้เช่นนั้น คุณจึงเลิกฝัน

เขารักษาสัญญาได้ไม่นานก็ออกลาย กลับไปคบหากับเธอคนนั้นอีกครั้ง กฎข้อห้ามระหว่างเราทลายลง ความสัมพันธ์ที่กำลังงอกเงยขึ้นมาเหี่ยวเฉา เขาฉวยโอกาสช่วงที่คุณทำงานศิลปะอยู่ที่บ้านพาเธอไปไหนมาไหน เขาเริ่มกลับบ้านไม่ตรงเวลา ปล่อยให้สำรับกับข้าวที่คุณเตรียมไว้เย็นชืด คุณต้องกินข้าวคลุกน้ำตา และรอฟังคำแก้ตัวของเขา เป็นเช่นนี้อยู่บ่อยครั้ง กระทั่งหัวใจของคุณไม่เหลือที่ว่างสำหรับบาดแผลอีกต่อไป

คุณพยายามหาทางออกให้กับตัวเอง เริ่มยอมรับว่าตัวเองไม่สำคัญ และเข้าใจว่ามนุษย์ไม่สามารถยึดครองสิ่งใดได้จริงๆ คุณหาความสุขเล็กๆ น้อยๆ จากการสร้างงานศิลปะ และบำบัดจิตใจด้วยการอ่านหนังสือส่งเสริมกำลังใจ ที่หาซื้อได้จากร้านสะดวกซื้อ คุณเริ่มแชร์บทความดีๆ หรือคำคมให้กำลังใจลงบนเฟซบุ๊ก ในโลกเสมือนจริงนี่เอง ที่คุณได้รับความห่วงใยมากมาย แต่ทว่าเมื่อต้องอยู่คนเดียว คุณกลับอยากได้ความสำคัญคืนมา การพยายามปล่อยใจให้ว่างตามคำแนะนำไม่ได้ผล นานเท่าใดแล้วที่เขาไม่เคยแชร์รูปคู่ระหว่างเขากับคุณ บางสเตตัสของเขาปิดกั้นการเข้าถึงของคุณ เขาส่งสัญญาณกลายๆ เขาไม่ต้องการบอกจากปากว่าเขาไม่ต้องการคุณแล้ว เขาใช้วิธีส่งสัญญาณกลายๆ สิ่งที่คุณทำได้คือการเตรียมใจ ทว่าเมื่อถึงที่สุดแล้ว คุณก็อดรนทนไม่ไหว โวยวายลั่นบ้าน

และจบลงด้วยการแยกทางกัน

 

7

คุณย้ายมาอยู่กับแม่ในบ้านพ่อเลี้ยง แม้มีจุดด่างพร้อยในความสัมพันธ์ระหว่างคุณและแม่ แต่ใช่ว่าคุณจะมีทางเลือกมากนัก จึงบากหน้ามาขอพึ่งพิง แม่มีท่าทีอึกอักหลังคุณแจ้งความประสงค์ จะขออาศัยอยู่ชั่วคราวทางโทรศัพท์ คุณเดาว่าเพราะเกรงใจพ่อเลี้ยง แต่หลังตรึกตรองอยู่ชั่วอึดใจ แม่ก็ตอบตกลง

สองสามวันถัดมา แม่พาคุณเข้าวัดทำบุญ ระหว่างนั้นแม่บอกคุณให้ค่อยๆ พูดจากัน ชีวิตคู่ก็เป็นแบบนี้ มีกระทบกระทั่งกันบ้าง เหมือนลิ้นกับฟัน ให้หาทางคืนดีกันเสีย คุณจ้องมองแม่ด้วยความเจ็บปวด หวังให้แม่รับรู้ถึงความรู้สึกของคุณ ก่อนกล่าวด้วยเสียงของคนกลั้นสะอื้นว่า สิ่งที่คุณได้รับนั้น มันไม่ใช่การกระทบกระทั่งระหว่างลิ้นกับฟัน แต่มันคือการประหัตประหารให้ตายไปข้าง

แม่หน้าสลดรับรู้ถึงความเจ็บปวด ความเงียบเข้าครอบงำ ครั้นเดินถึงบริเวณหน้าศาลาการเปรียญ แม่สั่งสำรับกับข้าวสำเร็จรูปสำหรับพระสงฆ์สองชุด คุณกวาดตาไปบนศาลาการเปรียญ พบตู้บริจาคแยกย่อยมากมาย ทั้งตู้สำหรับค่าน้ำค่าไฟ ตู้สำหรับทุนการศึกษาพระเณร ตู้สำหรับบริจาคโลงศพ คุณคิดในใจ ว่าวัดยังติดหล่มกับทุนนิยม ยังต้องกระเสือกกระสนเอาตัวรอด วัดเองก็มีทุกข์ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วัดจะคลายทุกข์ให้แก่เราได้อย่างไร วัดมอบให้เราได้มากที่สุดคือความสบายใจเท่านั้น

หลังจากสะเดาะเคราะห์เสร็จสิ้น คุณเดินมาที่โคนต้นโพธิ์ รอแม่ซื้อล็อตเตอรี่ คุณกวาดสายตามองขึ้นไปบนต้นโพธิ์ เห็นบรรดานกเอี้ยงจิกกินลูกโพธิ์สุกกันอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนละสายตามาที่ปีกไม้ ซึ่งถูกตอกติดกับลำต้น มีตัวอักษรเลือนรางปรากฏ เปรอะเปื้อนไปด้วยขี้นกและคราบลูกโพธิ์สุกที่หล่นใส่ แต่ยังพอปะติดปะต่อประโยคได้ ‘เขตปลอดอบายมุข’

แม่จัดเตรียมห้องหับและเก็บกวาดให้เป็นอย่างดี ทำให้คุณมองแม่ในมุมที่ต่างออกไป แม้ในใจยังโกรธเคืองแม่อยู่ ที่ทำให้คุณทุกข์ทรมาน ต้องทนฟังคำครหา ว่าผัวตายได้ไม่นาน แม่ก็วิ่งแจ้นหาผัวใหม่ จากขี้ปากลุงป้าและชาวบ้าน ซึ่งมลทินดังกล่าว ทำให้คุณไม่กล้ากลับไปเรียกร้องสิทธิ์ในที่ดิน ที่ควรเป็นของพ่อ แต่ขณะนี้แม่เป็นที่พึ่งเดียว คุณจึงวางความโกรธแค้นไว้ชั่วคราว

ด้านพ่อเลี้ยงเองก็ดีกับคุณ เป็นกันเอง พยายามให้คุณรู้สึกว่าบ้านหลังนี้เป็นครอบครัวของคุณ คุณรู้สึกอบอุ่น เพราะไม่นึกฝันว่าผลลัพธ์จะดีเกินคาด คุณจึงคิดที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ อีกครั้ง

แต่ไม่กี่วันถัดมา แม่เดินมาหาคุณด้วยสีหน้าเป็นกังวล พร้อมกับยื่นเงินให้จำนวนหนึ่ง คุณยิ้มแห้งแสดงสีหน้าสงสัย ก่อนถาม

“เรื่องอะไรกันคะแม่?” คุณยิ้ม “ให้หนูไว้ใช้เหรอคะ”

สีหน้าของแม่ยังไม่คลายวิตก ถอนใจ ก่อนคว้ามือคุณมาและยัดเงินใส่มือ

“หมายความว่าไงคะแม่” น้ำเสียงคุณเริ่มหงุดหงิด และไม่พอใจการกระทำของมารดาที่ไม่ชัดแจ้ง

“แกจะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว” แม่พูดอย่างหนักใจ

“ทำไมคะ?”

“คืออย่างนี้” แม่ถอนหายใจ “ลูกสาวของสามีแม่กำลังกลับจากต่างประเทศ พร้อมครอบครัว และคงมาอยู่นี่สักพัก” แม่พูดเพียงเท่านี้ คุณพยักหน้าเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด เดินเลี่ยงขึ้นบันได ขณะเท้าเหยียบบันไดขั้นแรก แม่ก็พูดไล่หลัง

“แกไม่โกรธแม่ใช่ไหม?” คุณเพียงแต่หันมามอง และเดินต่อไป

 

8

ขณะนั่งรถเมล์อย่างไร้จุดหมายจากย่านพระรามสอง คำแนะนำของแม่ก่อนออกจากบ้านก็ตามมาหลอกหลอน “กลับไปคืนดีกัน ชีวิตคู่มันก็อย่างนี้แหละ” เป็นคำปลอบโยนที่เจ็บปวดที่สุดเท่าที่คุณเคยได้ยินมา ราวกับถูกผลักเข้าหาห่ากระสุน พลันน้ำตาคลอหน่วย คุณเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ที่แม่อ่ำอึ้งเมื่อคุณแจ้งข่าวขออยู่อาศัยด้วยชั่วคราว และห้องหับซึ่งถูกจัดแจงตกแต่งทำความสะอาด อันที่จริงแล้วไม่ได้มีไว้สำหรับคุณ แต่สำหรับลูกสาวของสามีใหม่และครอบครัว คุณรู้สึกละอาย ที่หลงตนเองไปว่ายังมีความสำคัญต่อแม่ ละอายที่หลงระเริงไปว่าอย่างไรเสียความสัมพันธ์ระหว่างแม่กับลูกก็ตัดกันไม่ขาด ทว่าคุณคิดผิด…

สายลมโชยเข้ามาทางหน้าต่างรถเมล์ หอบกลิ่นควันและฝุ่นละอองมาปะทะใบหน้าคุณ คุณฉวยโอกาสนั้นปาดน้ำตา ไม่รู้ว่ามันรินไหลเพราะฝุ่นควัน หรือความเสียใจที่สุมอยู่ในอกกันแน่

รถจอดติดไฟแดง ด้านขวามือมีแท็กซี่จอดเทียบเคียง บริเวณกระจกหลังติดสติ๊กเกอร์ที่คุณเห็นแล้วต้องฝืนยิ้มอย่างกล้ำกลืน “หยาดเหงื่อทุกหยด อนาคตของลูก” รถเมล์วิ่งผ่านวงเวียนใหญ่ คุณยกมือไหว้อนุสาวรีย์พระเจ้าตากสิน เล่ากันว่าก่อนพระองค์จะถูกสำเร็จโทษ ด้วยข้อกล่าวหาว่าพระองค์มีสติวิปลาส พระองค์ได้สาปแช่งไว้ ห้ามมิให้ผู้ใดตั้งราชธานีบริเวณนี้ หากฝ่าฝืนขอให้มีแต่ความ ‘ฉิบหาย’ เล่ากันว่าที่จอมพล ป.พิบูลสงคราม เร่งรัดให้มีการสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินนั้น เกิดจากช่วงที่ท่านประสบเหตุเภทภัยทางการเมือง จากกรณี ‘กบฏแมนฮัตตัน’ ซึ่งท่านถูกกักตัวไว้บนเรือรบหลวงศรีอยุธยา ฝ่ายรัฐบาลยื่นคำขาดให้ฝ่ายกบฏยอมแพ้ โดยใช้กำลังกดดัน มีการทิ้งระเบิดจมเรือรบหลวงศรีอยุธยา และเป็นที่น่าอัศจรรย์ใจ จอมพล ป.รอดอย่างปาฏิหาริย์ เชื่อกันว่ามีทหารเรือพาท่านโดดน้ำหนีตาย ก่อนไปกบดานอยู่ในท้องพระโรงพระราชวังเดิม และที่นั่น จอมพล ป.ได้ก้มลงกราบถวายบังคมต่อพระบรมสาทิสลักษณ์ของพระเจ้ากรุงธนบุรี และตั้งจิตอธิษฐานขอให้ท่านปลอดภัย ครั้นสถานการณ์คลี่คลาย ท่านก็ได้กลับมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง และริเริ่มให้มีการสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากอีกหน หลังถูกชะลอไปนาน เล่ากันอีกว่าการสร้างอนุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นปฐมบรมกษัตริย์ผู้สร้างกรุงรัตนโกสินทร์ และสร้างสะพานพุทธเชื่อมฝั่งธนบุรีและฝั่งพระนครเข้าด้วยกัน หากมองในลักษณะ Bird’s eye view (มุมสายตานก) จะพบว่าการก่อสร้างสะพานและถนนโดยรอบ มีลักษณะคล้ายคันธนูแผลงศรไปทางฝั่งธนบุรี ซึ่งมี ‘อนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน’ ประดิษฐานอยู่ ทั้งหมดทั้งมวลก็มิใช่อะไร เป็นการแก้เคล็ดเพื่อถอนคำสาปแช่งของพระเจ้าตากสินเท่านั้น เรื่องราวเหล่านี้เป็นเพียงมุขปาฐะที่คุณรับรู้มาจากชั้นเรียนในวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์

รถเมล์สุดสายที่วัดโพธิ์ คุณตัดสินใจเดินเตร็ดเตร่ ชมวัดชมวังยามค่ำคืน คุณเดินผ่านมหาวิทยาลัยศิลปะชื่อดัง มีเสียงปราศรัยดังมาจากบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย คุณตัดสินใจเดินตามเสียงดังกล่าว ก่อนฉุกคิดขึ้นได้ว่ายังไม่มีที่ซุกหัวนอน จึงเข้าไปเช็กอินที่โรงแรมบริเวณนั้น

หลังจัดเก็บสัมภาระ คุณก็มุ่งตรงสู่เวทีปราศรัยขนาดย่อม มีผู้ชุมนุมไม่มากนัก สองฟากถนนเต็มไปด้วยร้านค้าหล่อเลี้ยงปากท้องผู้ชุมนุม ถ้อยคำปราศรัยบนเวทีหล่อเลี้ยงจิตใจผู้ชุมนุม มีการตั้งคำถามมากมายต่อรัฐบาล ทั้งเรื่องวัคซีน ถุงมือยาง การแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องปากท้องของประชาชน และการบังคับใช้กฎหมายอย่างไม่เป็นธรรม ถ้อยคำบนเวทีปราศรัยล้วนคมคายและทรงพลัง แต่คำถามมากมายกลับไม่ถูกชี้แจงจากฝ่ายรัฐบาล คุณกวาดสายตามองผู้ชุมนุม และพบว่าเป็นคนรุ่นใหม่ และเด็กวัยมัธยม มีการจัดกิจกรรมต่างๆ รอบเวทีปราศรัย ทั้งกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ และการด่าทออย่างตรงไปตรงมา มีคำประกาศจากเจ้าหน้าที่รัฐขอให้ยุติการชุมนุม บนเวทีปราศรัยเองก็ประกาศให้ยุติการชุมนุมเช่นกัน คุณเดินกลับโรงแรม พร้อมกับมวลชนที่ทยอยแยกย้ายกันกลับบ้าน

หลังถึงห้องพัก คุณอาบน้ำแต่งตัวอย่างสวยงาม หวังเรียกความสวยความสาวกลับคืน หลังถูกละเลยตั้งแต่มีสามี น้ำอบน้ำหอมถูกพร่างพรม หมายใจจะใช้สุราชะล้างความเศร้า คุณได้อิสระกลับคืน รู้สึกตัดขาดจากพันธะทั้งปวง ใจหนึ่งโดดเดียว ใจหนึ่งกลับเป็นสุข

คุณลงไปด้านล่างของโรงแรม จุดบุหรี่สูบขณะยืนอยู่ริมฟุตบาท ทอดอาลัยกวาดสายตามองค่ำคืนของเมืองหลวง ทุกชีวิตกลับมาดิ้นรนทำมาหากินกันตามปกติ ทันใดนั้นมีรถเก๋งคันหนึ่งจอดเทียบฟุตปาธตรงที่คุณยืนอยู่พอดี กระจกรถถูกเลื่อนลง มีคำถามลอยมา “เท่าไหร่?” คุณยิ้มให้กับเจ้าของคำถาม ใช่ใครอื่น หนุ่มนักสงสัย ผู้ยืนอยู่กลางเวทีปราศรัยและตั้งคำถามมากมายต่อผู้นำประเทศแต่กลับไม่เคยได้รับคำตอบ และคืนนี้ คุณหวังจะให้คำตอบแก่เขา

คำตอบที่เขาไม่อาจปฏิเสธ… •