ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 29 เมษายน - 5 พฤษภาคม 2565 |
---|---|
ผู้เขียน | พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์ |
เผยแพร่ |
บทความพิเศษ
พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์
2503 สงครามลับ
สงครามลาว (78)
20 ธันวาคม 2514
ฐานยิงคอบร้า และ พัน ทสพ.604
ข้าศึกยังคงยิงอาวุธหนักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายเราขอกำลังทางอากาศมาช่วย สามารถลงรับผู้บาดเจ็บได้ บก.ฉก.วีพี สั่งการให้ทุกฐานถอนกำลังไปบ้านนาหรือถ้ำตำลึง
ข้าศึกเริ่มเคลื่อนกำลังเข้าประชิดฐานยิง ฐานยิงคอบร้าพร้อมกับพัน ทสพ.604 จึงถอนตัวมุ่งสู่ทิศเหนือ
ในขณะที่ข้าศึกกำลังระดมยิงอาวุธหนักเข้าสู่ฐาน ต่อมา ฮ.สามารถรับกำลังพลทั้งหมดไปยังล่องแจ้งเมื่อ 24 ธันวาคม
โดยเหตุที่ฐานยิงนี้อยู่ใต้สุดได้รับความกดดันจากข้าศึกน้อยกว่าฐานยิงอื่น และใช้เวลาเดินทางกลับถึงส่วนหลังเพียง 4 วันโดยไม่มีการสูญเสีย จึงได้รับมอบหมายให้สร้างฐานยิงขึ้นที่ศาลาพีดีเจ ล่องแจ้ง เพื่อยิงสนับสนุนให้กับพัน ทสพ.616 และ 618 ที่รักษาล่องแจ้ง และพัน ทสพ.617 ที่บริเวณภูล่องมาด
ฐานยิงสติงเรย์
และศูนย์ประสานการยิงสนับสนุนส่วนหน้า
11.00 น. ข้าศึกระดมยิงตลอดเวลาจนทำให้คลังกระสุน ป.155 ระเบิด และเกิดเพลิงไหม้ ป.155 ทั้ง 2 กระบอกของฐานยิงสติงเรย์เสียหายใช้การไม่ได้ ต่อมาได้รับคำสั่งให้ถอนตัวไปบ้านนาหรือท่าตำลึง จึงได้ประสานกับพัน ทสพ.610 กำหนดเวลาถอนตัวใน 20.00 น.
16.30 น. พัน ทสพ.610 กองร้อย 3 ได้ถอนตัวมารวมกับ บก.พัน ทสพ.610 กลุ่มถอนตัวนี้จึงประกอบด้วยพัน ทสพ.610 สองกองร้อย ฐานยิงสติงเรย์ และศูนย์ประสานการยิงสนับสนุนส่วนหน้า
พัน ทสพ.603 และ 607 ซึ่งแตกมาจากทางด้านตะวันออก รวมทั้งกำลังพลส่วนหนึ่งของฐานยิงมัสแตงจำนวน 65 นายได้เข้ามาสมทบขบวนถอนตัวนี้ และเริ่มถอนตัวเมื่อ 17.30 น.
การถอนตัวประสบกับการขัดขวางจากข้าศึกตลอดเวลา จนกระทั่งเดินทางถึงถ้าตำลึงจึงเคลื่อนย้ายด้วย ฮ.มายังล่องแจ้งในที่สุด
ฐานยิงแพนเธอร์
และพัน ทสพ.610 ร้อย 2
หลังจากข้าศึกได้รับความสำเร็จในการเข้าตียึดที่มั่นฝ่ายเราทางทิศตะวันออก ก็ปรับขบวนใหม่พุ่งเข้าหาที่ตั้งฝ่ายเราที่ยังเหลืออยู่ ฐานยิงแพนเธอร์ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ร่วมกับกำลังระวังป้องกันจากพัน ทสพ.610 ร้อย 2 เพื่อเพิ่มเติมอำนาจการยิงให้แก่พื้นที่ภูเก็ง
ฐานยิงแห่งนี้เพิ่งเปิดฉากการยิงได้เมื่อ 18 ธันวาคม ก็ถูกโจมตีจากข้าศึกทันที
แต่ก็สามารถยิงสนับสนุนกำลังฝ่ายเราที่ภูเก็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งข้าศึกส่งกำลังรถถังรุกเข้าประชิดฐานยิง
จึงต้องถอนตัวออกไปทางตะวันตก พร้อมด้วยกำลังพลของพัน ทสพ.ร้อย 2 และกำลังพลส่วนที่แตกหนีออกมาจากทางด้านตะวันออก
ฐานยิงคิงคอง พัน ทสพ.606 และ 608
หลังจากประสบความสำเร็จในพื้นที่การรบทางด้านตะวันออก ตะวันตก และด้านใต้แล้ว ข้าศึกก็รวมกำลังตีตลบขึ้นไปทางเหนือเพื่อปิดล้อมที่หมายสุดท้ายกลุ่มภูเก็ง อันเป็นที่ตั้งของฐานยิงคิงคอง ซึ่งมีพัน ทสพ.606 และ 608 เป็นกำลังคุ้มกัน
01.00 น. ข้าศึกสามารถบุกเข้าที่มั่น พัน ทสพ.606 ฝ่ายเราสูญเสียกำลังพลประมาณ 1 กองร้อยจากการต่อสู้ ฐานยิงคิงคองใช้ ป.และ ค.ยิงสังหารข้าศึกที่เข้าสู่ภายในฐานพัน ทสพ.606 ได้ประมาณ 50 คน จากนั้นข้าศึกก็เริ่มยิงเตรียมอีกครั้งก่อนการเข้าตีแตกหักต่อที่หมายขั้นสุดท้ายคือฐานยิงคิงคอง “โสด” (ร.อ.พิชัย ฉินนะโสต ยศสุดท้าย พลเอก) ผบ.ฐานยิง สั่งให้ทุกคนสู้ตาย ข้าศึกเคลื่อนเข้าประชิดฐานยิงคิงคองทุกด้าน
11.00 น. ได้รับคำสั่งจาก บก.ฉก.วีพี ให้ทำการถอนตัวโดยจะมีกำลังทางอากาศมาช่วยสกัดกั้น “โสด” ตอบว่า ถ้ามีกำลังทางอากาศมาช่วยก็จะสามารถรักษาที่มั่นได้ต่อไปอีก และได้ติดต่อกับพัน ทสพ.606 และ 608 ขอให้ร่วมกันต่อสู้ต่อไป แต่ต่อมาชั่วครู่ พัน ทสพ 606 ก็เสียที่มั่น แตกหนีมาสมทบอยู่กับฐานยิงคิงคองและพัน ทสพ.608
13.30 น. ได้รับคำสั่งให้ถอนตัวอีกครั้งก่อนที่จะสายเกินไป โดยให้ไปวางแนวตั้งรับอยู่ที่บริเวณเมืองพั้นและตะวันตกของทุ่งไหหิน
15.30 น. “โสด” ตัดสินใจสั่งถอนตัว พร้อมทั้งประสานกับพัน ทสพ.606 และ 608 กำหนดเวลาถอนตัวเมื่อสิ้นแสงตะวันรอน
16.00 น. ขบวนข้าศึกนำด้วยรถถังประมาณ 1 กองร้อยข้ามลำน้ำเข้าสู่ทิศตะวันตกของฐานยิงคิงคอง บริเวณสนามบิน พัน ทสพ.606 และ 608 ถอนตัวจากพื้นที่การรบลงไปทางใต้ แต่เข้าสู่พื้นที่สังหาร ถูกข้าศึกระดมยิงด้วยอาวุธทุกชนิดที่วางไว้ล่วงหน้าล้มตายลงกลาดเกลื่อน ในจำนวนนี้มีกำลังพลของฐานยิงคิงคองประมาณ 50 นาย หลบหนีตามทหารราบเหล่านี้ออกไปจึงถูกสังหารไปด้วยประมาณ 30 นาย ฐานยิงคอบร้าทางด้านใต้ซึ่งอยู่ในรัศมีการยิงได้พยายามยิงช่วยด้วย ป.105 จนสามารถทำลายรังปืนกลข้าศึกได้ 1 แห่ง
17.30 น. กำลังพลส่วนใหญ่ของฐานยิงคิงคองเตรียมถอนตัวโดยมี “โสด” พร้อมด้วยกำลังพลรวม 5 นาย เป็นหน่วยทิ้งไว้ปะทะเพื่อรั้งหน่วงข้าศึกด้วยการยิง ป.105 ค. 4.2 ปืนเล็กกล และปืนกลเบา รวมทั้งจุดระเบิดเคย์โมร์เป็นครั้งคราว ลวงข้าศึกว่ายังมิได้มีการถอนตัว เพื่อความปลอดภัยต่อการถอนตัวของกำลังส่วนใหญ่
“โสด” ทำหน้าที่ยิง ป.105 ด้วยตัวเอง สามารถสังหารข้าศึกซึ่งออกมากวาดล้างฝ่ายเรา ข้าศึกเสียชีวิตประมาณ 10 นาย ที่เหลือแตกหนีไป
“โสด” รายงานให้ “กิตติ” (พ.ต.อัมพร จูฑะพุทธิ) ทราบสถานการณ์และขอให้ชะลอการถอนตัวไว้ก่อน พร้อมทั้งยิง ป.105 เพียงคนเดียว ทำลายรถถังข้าศึกได้อีก 1 คัน
18.00 น. ข้าศึกจากทางทิศเหนือเข้าถึงแนวรั้วลวดหนาม กำลังพลฐานยิงคิงคองส่วนใหญ่ภายใต้การนำของ “กิตติ” เริ่มทำการถอนตัวและสามารถผ่านพื้นที่สังหารของข้าศึกไปได้โดยอาศัยความมืดเป็นฉากกำบัง
19.00 น. “โสด” และกำลังส่วนทิ้งไว้ปะทะรวม 5 นายยังคงอยู่ในฐานยิงเพื่อคุ้มกันการถอนตัวของกำลังส่วนใหญ่ด้วยการใช้ ค.ยิงโต้ตอบข้าศึก
19.30 น. กับระเบิดที่ฝ่ายเราวางดักไว้ในศูนย์อำนวยการยิงระเบิดขึ้น แสดงว่าข้าศึกเข้าถึงฐานยิงแล้ว “โสด” จึงนำกำลัง 5 นายที่เหลืออยู่ออกมาซุ่มอยู่นอกฐานยิงด้านทิศตะวันตก
22.30 น. “โสด” เริ่มถอนตัวเป็นชุดสุดท้ายจากฐานยิงคิงคอง
กำลังพลฐานยิงคิงคองแยกเดินทางหลบหนีเป็นสองส่วน กำลังส่วนใหญ่นำโดย “กิตติ” เดินทางออกมาก่อนเมื่อเวลา 18.00 น. กำลังส่วนที่เหลือ 5 นายมี “โสด” เป็นหัวหน้าออกเดินทางจากฐานยิงเมื่อเวลา 22.30 น.
21 ธันวาคม 2514
02.00 น. “กิตติ” นำกำลังพลส่วนใหญ่ถึงภูแท่น แล้วพักแรม เช้าวันรุ่งขึ้นจึงเดินทางต่อตลอดวันและตัดสินใจออกจากชายทุ่งไหหิน ระหว่างทางจำเป็นต้องทิ้งผู้ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเดินทางต่อได้ไว้ 2 คน ส่วน “โสด” และกำลังพลรวม 5 นายเดินทางจากภูเก็งติดตามมาถึงภูแท่นตอนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ไม่พบกำลังพลส่วนใหญ่ซึ่งออกเดินทางไปก่อนแล้ว
23 ธันวาคม 2514
02.00 น. กำลังส่วนใหญ่ซึ่ง “กิตติ” นำขบวนเดินทางถึงชายทุ่งไหหินบริเวณบ้านคองแล้วพักแรมจนใกล้สว่างจึงออกเดินทางต่อไป ระหว่างทางพบขบวนลำเลียงของข้าศึก 12 คนจึงตัดสินใจซุ่มโจมตีแย่งเสบียงอาหาร ยึดได้เสบียงอาหารจำนวนหนึ่งกับจัดการทำลายเครื่องเวชภัณฑ์และเอกสารต่างๆ ของข้าศึก จากนั้นจึงเดินทางขึ้นไปพักแรมบนยอดเขา กำลังส่วนสุดท้าย 5 นายจากฐานยิงคิงคอง ซึ่งนำขบวนโดย “โสด” ยังคงเดินทางต่อไปทางทิศใต้
24 ธันวาคม 2514
กำลังส่วนใหญ่เดินทางตลอดวันโดยไม่พบแหล่งน้ำเลยและอยู่ในเส้นทางเดียวกับข้าศึก จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้กระนั้นก็ยังเกือบปะทะกับข้าศึกประมาณ 50 นายที่ใกล้แหล่งน้ำแห่งแรก แต่ปล่อยให้ข้าศึกผ่านไปก่อนจึงลงไปใช้แหล่งน้ำ จากนั้นก็เดินทางขึ้นไปพักแรมบนยอดเขาห่างจากบ้านนา ประมาณ 7 ก.ม.ทางทิศตะวันออก กำลังส่วนสุดท้าย 5 นาย ที่นำโดย “โสด” พบกำลังพลของฐานยิงคิงคองที่แตกหนีมาก่อน 22 นายที่บริเวณลำน้ำงึมจึงรวมตัวกันแล้วปรับขบวนใหม่ สามารถติดต่อให้ บ.มาทิ้งเสบียงให้
25 ธันวาคม 2514
“กิตติ” นำกำลังส่วนใหญ่เดินทางต่อไปตามสันเขาตลอดวัน เข้าที่พักแรมก่อนถึงบ้านนา
15.00 น. กำลังส่วนที่นำโดย “โสด” สามารถติดต่อเครื่องบินที่ออกค้นหาได้และทิ้งวิทยุ HT-2 มาให้จึงสามารถติดต่อเรียกมารับกำลังส่วนนี้ได้ทั้ง 27 นายกลับที่ตั้งส่วนหลัง
26 ธันวาคม 2514
10.00 น. กำลังส่วนใหญ่ที่นำโดย “กิตติ” เดินทางถึงบ้านนาซึ่งไม่มีฝ่ายเรายึดครองอยู่
“โสด” ซึ่งนำกำลังส่วนน้อยถึงส่วนหลังได้แล้วอย่างปลอดภัย ขึ้น ฮ. จากส่วนหลังย้อนกลับมาค้นหาจนพบกำลังส่วนใหญ่ที่บ้านนา ทั้งหมดจึงสามารถกลับถึงส่วนหลังได้โดยปลอดภัย
ในการถอนตัวจากฐานยิงคิงคองครั้งนี้ กำลังพลของฐานยิงคิงคอง เสียชีวิต 7 นาย และสูญหาย 32 นาย