2503 สงครามลับ สงครามลาว (78)/บทความพิเศษ พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

บทความพิเศษ

พล.อ.บัญชร ชวาลศิลป์

 

2503 สงครามลับ

สงครามลาว (78)

 

20 ธันวาคม 2514

ฐานยิงคอบร้า และ พัน ทสพ.604

ข้าศึกยังคงยิงอาวุธหนักเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายเราขอกำลังทางอากาศมาช่วย สามารถลงรับผู้บาดเจ็บได้ บก.ฉก.วีพี สั่งการให้ทุกฐานถอนกำลังไปบ้านนาหรือถ้ำตำลึง

ข้าศึกเริ่มเคลื่อนกำลังเข้าประชิดฐานยิง ฐานยิงคอบร้าพร้อมกับพัน ทสพ.604 จึงถอนตัวมุ่งสู่ทิศเหนือ

ในขณะที่ข้าศึกกำลังระดมยิงอาวุธหนักเข้าสู่ฐาน ต่อมา ฮ.สามารถรับกำลังพลทั้งหมดไปยังล่องแจ้งเมื่อ 24 ธันวาคม

โดยเหตุที่ฐานยิงนี้อยู่ใต้สุดได้รับความกดดันจากข้าศึกน้อยกว่าฐานยิงอื่น และใช้เวลาเดินทางกลับถึงส่วนหลังเพียง 4 วันโดยไม่มีการสูญเสีย จึงได้รับมอบหมายให้สร้างฐานยิงขึ้นที่ศาลาพีดีเจ ล่องแจ้ง เพื่อยิงสนับสนุนให้กับพัน ทสพ.616 และ 618 ที่รักษาล่องแจ้ง และพัน ทสพ.617 ที่บริเวณภูล่องมาด

 

ฐานยิงสติงเรย์

และศูนย์ประสานการยิงสนับสนุนส่วนหน้า

11.00 น. ข้าศึกระดมยิงตลอดเวลาจนทำให้คลังกระสุน ป.155 ระเบิด และเกิดเพลิงไหม้ ป.155 ทั้ง 2 กระบอกของฐานยิงสติงเรย์เสียหายใช้การไม่ได้ ต่อมาได้รับคำสั่งให้ถอนตัวไปบ้านนาหรือท่าตำลึง จึงได้ประสานกับพัน ทสพ.610 กำหนดเวลาถอนตัวใน 20.00 น.

16.30 น. พัน ทสพ.610 กองร้อย 3 ได้ถอนตัวมารวมกับ บก.พัน ทสพ.610 กลุ่มถอนตัวนี้จึงประกอบด้วยพัน ทสพ.610 สองกองร้อย ฐานยิงสติงเรย์ และศูนย์ประสานการยิงสนับสนุนส่วนหน้า

พัน ทสพ.603 และ 607 ซึ่งแตกมาจากทางด้านตะวันออก รวมทั้งกำลังพลส่วนหนึ่งของฐานยิงมัสแตงจำนวน 65 นายได้เข้ามาสมทบขบวนถอนตัวนี้ และเริ่มถอนตัวเมื่อ 17.30 น.

การถอนตัวประสบกับการขัดขวางจากข้าศึกตลอดเวลา จนกระทั่งเดินทางถึงถ้าตำลึงจึงเคลื่อนย้ายด้วย ฮ.มายังล่องแจ้งในที่สุด

 

ฐานยิงแพนเธอร์

และพัน ทสพ.610 ร้อย 2

หลังจากข้าศึกได้รับความสำเร็จในการเข้าตียึดที่มั่นฝ่ายเราทางทิศตะวันออก ก็ปรับขบวนใหม่พุ่งเข้าหาที่ตั้งฝ่ายเราที่ยังเหลืออยู่ ฐานยิงแพนเธอร์ซึ่งจัดตั้งขึ้นใหม่ร่วมกับกำลังระวังป้องกันจากพัน ทสพ.610 ร้อย 2 เพื่อเพิ่มเติมอำนาจการยิงให้แก่พื้นที่ภูเก็ง

ฐานยิงแห่งนี้เพิ่งเปิดฉากการยิงได้เมื่อ 18 ธันวาคม ก็ถูกโจมตีจากข้าศึกทันที

แต่ก็สามารถยิงสนับสนุนกำลังฝ่ายเราที่ภูเก็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนกระทั่งข้าศึกส่งกำลังรถถังรุกเข้าประชิดฐานยิง

จึงต้องถอนตัวออกไปทางตะวันตก พร้อมด้วยกำลังพลของพัน ทสพ.ร้อย 2 และกำลังพลส่วนที่แตกหนีออกมาจากทางด้านตะวันออก

 

ฐานยิงคิงคอง พัน ทสพ.606 และ 608

หลังจากประสบความสำเร็จในพื้นที่การรบทางด้านตะวันออก ตะวันตก และด้านใต้แล้ว ข้าศึกก็รวมกำลังตีตลบขึ้นไปทางเหนือเพื่อปิดล้อมที่หมายสุดท้ายกลุ่มภูเก็ง อันเป็นที่ตั้งของฐานยิงคิงคอง ซึ่งมีพัน ทสพ.606 และ 608 เป็นกำลังคุ้มกัน

01.00 น. ข้าศึกสามารถบุกเข้าที่มั่น พัน ทสพ.606 ฝ่ายเราสูญเสียกำลังพลประมาณ 1 กองร้อยจากการต่อสู้ ฐานยิงคิงคองใช้ ป.และ ค.ยิงสังหารข้าศึกที่เข้าสู่ภายในฐานพัน ทสพ.606 ได้ประมาณ 50 คน จากนั้นข้าศึกก็เริ่มยิงเตรียมอีกครั้งก่อนการเข้าตีแตกหักต่อที่หมายขั้นสุดท้ายคือฐานยิงคิงคอง “โสด” (ร.อ.พิชัย ฉินนะโสต ยศสุดท้าย พลเอก) ผบ.ฐานยิง สั่งให้ทุกคนสู้ตาย ข้าศึกเคลื่อนเข้าประชิดฐานยิงคิงคองทุกด้าน

11.00 น. ได้รับคำสั่งจาก บก.ฉก.วีพี ให้ทำการถอนตัวโดยจะมีกำลังทางอากาศมาช่วยสกัดกั้น “โสด” ตอบว่า ถ้ามีกำลังทางอากาศมาช่วยก็จะสามารถรักษาที่มั่นได้ต่อไปอีก และได้ติดต่อกับพัน ทสพ.606 และ 608 ขอให้ร่วมกันต่อสู้ต่อไป แต่ต่อมาชั่วครู่ พัน ทสพ 606 ก็เสียที่มั่น แตกหนีมาสมทบอยู่กับฐานยิงคิงคองและพัน ทสพ.608

13.30 น. ได้รับคำสั่งให้ถอนตัวอีกครั้งก่อนที่จะสายเกินไป โดยให้ไปวางแนวตั้งรับอยู่ที่บริเวณเมืองพั้นและตะวันตกของทุ่งไหหิน

15.30 น. “โสด” ตัดสินใจสั่งถอนตัว พร้อมทั้งประสานกับพัน ทสพ.606 และ 608 กำหนดเวลาถอนตัวเมื่อสิ้นแสงตะวันรอน

16.00 น. ขบวนข้าศึกนำด้วยรถถังประมาณ 1 กองร้อยข้ามลำน้ำเข้าสู่ทิศตะวันตกของฐานยิงคิงคอง บริเวณสนามบิน พัน ทสพ.606 และ 608 ถอนตัวจากพื้นที่การรบลงไปทางใต้ แต่เข้าสู่พื้นที่สังหาร ถูกข้าศึกระดมยิงด้วยอาวุธทุกชนิดที่วางไว้ล่วงหน้าล้มตายลงกลาดเกลื่อน ในจำนวนนี้มีกำลังพลของฐานยิงคิงคองประมาณ 50 นาย หลบหนีตามทหารราบเหล่านี้ออกไปจึงถูกสังหารไปด้วยประมาณ 30 นาย ฐานยิงคอบร้าทางด้านใต้ซึ่งอยู่ในรัศมีการยิงได้พยายามยิงช่วยด้วย ป.105 จนสามารถทำลายรังปืนกลข้าศึกได้ 1 แห่ง

17.30 น. กำลังพลส่วนใหญ่ของฐานยิงคิงคองเตรียมถอนตัวโดยมี “โสด” พร้อมด้วยกำลังพลรวม 5 นาย เป็นหน่วยทิ้งไว้ปะทะเพื่อรั้งหน่วงข้าศึกด้วยการยิง ป.105 ค. 4.2 ปืนเล็กกล และปืนกลเบา รวมทั้งจุดระเบิดเคย์โมร์เป็นครั้งคราว ลวงข้าศึกว่ายังมิได้มีการถอนตัว เพื่อความปลอดภัยต่อการถอนตัวของกำลังส่วนใหญ่

“โสด” ทำหน้าที่ยิง ป.105 ด้วยตัวเอง สามารถสังหารข้าศึกซึ่งออกมากวาดล้างฝ่ายเรา ข้าศึกเสียชีวิตประมาณ 10 นาย ที่เหลือแตกหนีไป

“โสด” รายงานให้ “กิตติ” (พ.ต.อัมพร จูฑะพุทธิ) ทราบสถานการณ์และขอให้ชะลอการถอนตัวไว้ก่อน พร้อมทั้งยิง ป.105 เพียงคนเดียว ทำลายรถถังข้าศึกได้อีก 1 คัน

18.00 น. ข้าศึกจากทางทิศเหนือเข้าถึงแนวรั้วลวดหนาม กำลังพลฐานยิงคิงคองส่วนใหญ่ภายใต้การนำของ “กิตติ” เริ่มทำการถอนตัวและสามารถผ่านพื้นที่สังหารของข้าศึกไปได้โดยอาศัยความมืดเป็นฉากกำบัง

19.00 น. “โสด” และกำลังส่วนทิ้งไว้ปะทะรวม 5 นายยังคงอยู่ในฐานยิงเพื่อคุ้มกันการถอนตัวของกำลังส่วนใหญ่ด้วยการใช้ ค.ยิงโต้ตอบข้าศึก

19.30 น. กับระเบิดที่ฝ่ายเราวางดักไว้ในศูนย์อำนวยการยิงระเบิดขึ้น แสดงว่าข้าศึกเข้าถึงฐานยิงแล้ว “โสด” จึงนำกำลัง 5 นายที่เหลืออยู่ออกมาซุ่มอยู่นอกฐานยิงด้านทิศตะวันตก

22.30 น. “โสด” เริ่มถอนตัวเป็นชุดสุดท้ายจากฐานยิงคิงคอง

กำลังพลฐานยิงคิงคองแยกเดินทางหลบหนีเป็นสองส่วน กำลังส่วนใหญ่นำโดย “กิตติ” เดินทางออกมาก่อนเมื่อเวลา 18.00 น. กำลังส่วนที่เหลือ 5 นายมี “โสด” เป็นหัวหน้าออกเดินทางจากฐานยิงเมื่อเวลา 22.30 น.

21 ธันวาคม 2514

02.00 น. “กิตติ” นำกำลังพลส่วนใหญ่ถึงภูแท่น แล้วพักแรม เช้าวันรุ่งขึ้นจึงเดินทางต่อตลอดวันและตัดสินใจออกจากชายทุ่งไหหิน ระหว่างทางจำเป็นต้องทิ้งผู้ได้รับบาดเจ็บจนไม่สามารถเดินทางต่อได้ไว้ 2 คน ส่วน “โสด” และกำลังพลรวม 5 นายเดินทางจากภูเก็งติดตามมาถึงภูแท่นตอนเช้าวันรุ่งขึ้น แต่ไม่พบกำลังพลส่วนใหญ่ซึ่งออกเดินทางไปก่อนแล้ว

23 ธันวาคม 2514

02.00 น. กำลังส่วนใหญ่ซึ่ง “กิตติ” นำขบวนเดินทางถึงชายทุ่งไหหินบริเวณบ้านคองแล้วพักแรมจนใกล้สว่างจึงออกเดินทางต่อไป ระหว่างทางพบขบวนลำเลียงของข้าศึก 12 คนจึงตัดสินใจซุ่มโจมตีแย่งเสบียงอาหาร ยึดได้เสบียงอาหารจำนวนหนึ่งกับจัดการทำลายเครื่องเวชภัณฑ์และเอกสารต่างๆ ของข้าศึก จากนั้นจึงเดินทางขึ้นไปพักแรมบนยอดเขา กำลังส่วนสุดท้าย 5 นายจากฐานยิงคิงคอง ซึ่งนำขบวนโดย “โสด” ยังคงเดินทางต่อไปทางทิศใต้

24 ธันวาคม 2514

กำลังส่วนใหญ่เดินทางตลอดวันโดยไม่พบแหล่งน้ำเลยและอยู่ในเส้นทางเดียวกับข้าศึก จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ แม้กระนั้นก็ยังเกือบปะทะกับข้าศึกประมาณ 50 นายที่ใกล้แหล่งน้ำแห่งแรก แต่ปล่อยให้ข้าศึกผ่านไปก่อนจึงลงไปใช้แหล่งน้ำ จากนั้นก็เดินทางขึ้นไปพักแรมบนยอดเขาห่างจากบ้านนา ประมาณ 7 ก.ม.ทางทิศตะวันออก กำลังส่วนสุดท้าย 5 นาย ที่นำโดย “โสด” พบกำลังพลของฐานยิงคิงคองที่แตกหนีมาก่อน 22 นายที่บริเวณลำน้ำงึมจึงรวมตัวกันแล้วปรับขบวนใหม่ สามารถติดต่อให้ บ.มาทิ้งเสบียงให้

25 ธันวาคม 2514

“กิตติ” นำกำลังส่วนใหญ่เดินทางต่อไปตามสันเขาตลอดวัน เข้าที่พักแรมก่อนถึงบ้านนา

15.00 น. กำลังส่วนที่นำโดย “โสด” สามารถติดต่อเครื่องบินที่ออกค้นหาได้และทิ้งวิทยุ HT-2 มาให้จึงสามารถติดต่อเรียกมารับกำลังส่วนนี้ได้ทั้ง 27 นายกลับที่ตั้งส่วนหลัง

26 ธันวาคม 2514

10.00 น. กำลังส่วนใหญ่ที่นำโดย “กิตติ” เดินทางถึงบ้านนาซึ่งไม่มีฝ่ายเรายึดครองอยู่

“โสด” ซึ่งนำกำลังส่วนน้อยถึงส่วนหลังได้แล้วอย่างปลอดภัย ขึ้น ฮ. จากส่วนหลังย้อนกลับมาค้นหาจนพบกำลังส่วนใหญ่ที่บ้านนา ทั้งหมดจึงสามารถกลับถึงส่วนหลังได้โดยปลอดภัย

ในการถอนตัวจากฐานยิงคิงคองครั้งนี้ กำลังพลของฐานยิงคิงคอง เสียชีวิต 7 นาย และสูญหาย 32 นาย