จับตา กับดักทหารเสือฯ เกมลวงเข้า Killing Zone ‘บิ๊กตู่’ สู้ ดินเนอร์เหล่าทัพ เกมเขย่าเก้าอี้ ‘บิ๊กบี้’ สูตรสไลด์ ‘บิ๊กแก้ว’/รายงานพิเศษ

รายงานพิเศษ

 

จับตา กับดักทหารเสือฯ

เกมลวงเข้า Killing Zone

‘บิ๊กตู่’ สู้

ดินเนอร์เหล่าทัพ

เกมเขย่าเก้าอี้ ‘บิ๊กบี้’

สูตรสไลด์ ‘บิ๊กแก้ว’

 

สถานการณ์ทางการเมืองกำลังเดินมาถึงหัวเลี้ยวหัวต่อ ที่ยังไม่มีใครหยั่งรู้ว่า บิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะผ่านศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปลายพฤษภาคมนี้ได้หรือไม่ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีหรือไม่

ท่ามกลางความพยายามในการล้ม พล.อ.ประยุทธ์กลางสภา ที่มีการวางแผน และดีลกันไว้แล้ว

พล.อ.ประยุทธ์ดูจะมั่นใจว่าผ่านไปได้อย่างแน่นอน เพราะเจรจาพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคขนาดเล็กแล้ว

โดยมีข่าวสะพัดว่า รัฐบาลหลังเลือกตั้งครั้งหน้า พล.อ.ประยุทธ์จะยกเก้าอี้ มท.1 รมว.มหาดไทย ให้พรรคร่วมรัฐบาลเลยทีเดียว ทั้งๆ ที่ยังไม่มีสัญญาณว่า บิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ที่นั่งยาวมา 8 ปี จะยอมถอย หรือหากยอมคาย ก็ยังมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมเป็นรองนายกฯ ควบ มท.1 อีก แต่ก็ทำให้พรรคร่วมรัฐบาลเกิดความหวัง

แถมทั้งท่าทีของบิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พี่ใหญ่ ที่กลับมาหวานชื่นคืนดี ยืนยันจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ต่อ เพราะคะแนนนิยมยังไม่ตก ยังไปต่อได้

ที่ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ยิ่งมั่นใจในการไปต่อ จนถึงประชุมเอเปคในพฤศจิกายนนี้ และพยายามที่จะอยู่จนครบเทอมในต้นปี 2566

แต่ทว่า ทั้งหมดนี้กำลังถูกจับตามองว่า เป็นแผนลวง พล.อ.ประยุทธ์ให้ตายใจ และเดินเข้าสู่ “คิลลิ่งโซน” ในสภา โดยไม่ชิงยุบสภาก่อนศึกอภิปราย หรือไม่

สัญญาณหนึ่งที่จะเห็นได้ว่า แม้จะยืนยัน เสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นแคนดิเดตนายกฯ ของ พปชร. แต่ในขณะเดียวกัน พล.อ.ประวิตรก็ไม่มีทีท่าจะยอมถอยให้ พล.อ.ประยุทธ์ส่งคนเข้าไปคุมพรรคพลังประชารัฐ เพิ่อเตรียมรองรับการเป็นนายกรัฐมนตรีในสมัยที่ 3 แต่อย่างใด

และสยบข่าวลือที่ว่า ในที่สุดจะย้ายไปอยู่พรรคเศรษฐกิจไทย กับบิ๊กน้อย พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องรัก หัวหน้าพรรค และ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ลูกเลิฟ

ตรงกันข้าม พล.อ.ประวิตรก็ดึงบรรดานายทหารน้องรักเข้ามาช่วยงานพรรค ทั้งแบบเปิดเผย มีตำแหน่ง และช่วยเบื้องหลังแบบไม่เปิดหน้า

ทั้งการดึงบิ๊กอิ๊ด พล.อ. ธัญญา เกียรติสาร (ตท.21) อดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ที่ช่วยงานในสายอีสานมาตลอด และบิ๊กโย พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ (ตท.22) อดีตผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกลาโหม และอนุกรรมการฝ่ายหารายได้ มูลนิธืป่ารอยต่อฯ น้องรักในสายบูรพาพยัคฆ์ มาเป็นกรรมการบริหารพรรค และเปิดตัวในการประชุมใหญ่พรรคที่นครราชสีมา เมื่อ 3 เมษายน 2565 ที่ผ่านมา

ไม่แค่นั้น พล.อ.ประวิตรยังดึงนายทหารน้องรัก ทั้งสายบูรพาพยัคฆ์ และป่ารอยต่อฯ ทั้งบิ๊กตู่ พล.อ.กู้เกียรติ ศรีนาคา อดีต ผช.ผบ.ทบ. บิ๊กป้ำ พล.อ.นภนต์ สร้างสมวงษ์ อดีตรองปลัดกลาโหม เสธ.ชวน พล.อ.ธวัชชัย ชวนสมบูรณ์ อดีตเสธ.หน่วยบัญชาการทหารพัฒนา

โดยมีบิ๊กณัฐ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกลาโหม ลูกรัก และเลขาฯ ส่วนตัว เป็นหัวหน้าทีม แต่ พล.อ.ณัฐยังรับตำแหน่งทางการเมือง เล่นการเมืองไม่ได้ เพราะยังต้องเว้นวรรคทางการเมือง 2 ปี หลังพ้นจาก ส.ว. หลังเกษียณเมื่อกันยายน 2564 ที่ผ่านมา

ขณะที่คนของ พล.อ.ประยุทธ์ใน พปชร. ก็ถูกคุมกำเนิด จนที่สุด นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ที่ปรึกษานายกฯ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ส่งไปเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พปชร. ก็ได้รับสัญญาณให้ลาออกจาก พปชร. และคาดว่าจะไปเป็นหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคสำรองของ พล.อ.ประยุทธ์ ตามที่แรมโบ้ เสกสกล อัตถาวงศ์ เคยเปิดเผยไว้ก่อนหน้านี้

ท่ามกลางคำถามที่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่กำลังจะเดินเข้าสู่กับดัก เข้าสู่แดนสังหาร จะรอดไปได้หรือไม่

เพราะแม้จะมีภาพ พล.อ.ประยุทธ์กอดพี่ใหญ่ ยืนยันไม่มีใครทำให้ 3 ป.แตกแยกกันได้ หรือแม้จะมีคำพูดหวานๆ ของ พล.อ.ประวิตรที่ว่า คะแนนนิยมนายกฯ ยังไม่ตก ยังไปได้นั้น แต่ พล.อ.ประวิตรก็ยังไม่อาจหลุดพ้นจากกระแสข่าวลือเรื่องดีลระหว่าง พปชร.กับพรรคเพื่อไทย

ประกอบกับสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ พล.อ.วิชญ์ และ ร.อ.ธรรมนัส ที่ พล.อ.ประวิตรวางเกมให้แยกไปตั้งพรรคใหม่ พรรคเศรษฐกิจไทย ที่ก็แสดงออกชัดเจนว่าไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์

ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาล ทั้งพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นกำลังหลักของรัฐบาลนั้น ก็ไม่อาจไว้วางใจได้ เพราะนักการเมืองก็คือนักการเมือง ที่รอจังหวะ เวลา และโอกาส ที่จะผลักทหารที่มาจากการรัฐประหาร ออกไปจากการเมือง ออกไปจากอำนาจเสมอ

จึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ต้องหามิตรแท้ ที่ก็คือทหารด้วยกันเอง เพื่อมาคานกับฝ่ายการเมือง เพราะอย่างน้อย สายเลือดเตรียมทหาร สายเลือด จปร. ก็ยังทำให้อุ่นใจ

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์, พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

ส่งผลให้ในระยะหลังๆ มานี้ พล.อ.ประยุทธ์มักจะมีมื้อพิเศษกับ ผบ.เหล่าทัพ เป็นเสมือนดินเนอร์ประเพณี เดือนละครั้ง เหมือนกับที่ พล.อ.ประยุทธ์นัดดินเนอร์ทุกเดือนกับพรรคร่วมรัฐบาล

โดยเมื่อ 1 เมษายนที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ก็ร่วมวงดินเนอร์กับ ผบ.เหล่าทัพอีกครั้ง ริมเจ้าพระยา ในพื้นที่ของกองทัพเรือ

มีทั้งบิ๊กหน่อย พล.อ.วรเกียรติ รัตนานนท์ ปลัดกระทรวงกลาโหม บิ๊กแก้ว พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด บิ๊กบี้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก บิ๊กเฒ่า พล.ร.อ.สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ บิ๊กป้อง พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และบิ๊กปั๊ด พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

โดยมีบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ. รองราชเลขาธิการ ร่วมวงด้วยอีกครั้ง เพราะที่ผ่านมา พล.อ.อภิรัชต์แกนนำ ตท.20 จะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ ตท.12 และ ผบ.เหล่าทัพ ที่รุ่นเตรียมทหาร 20-21-22 ที่มีระยะห่างกันในห้วงที่ผ่านมา

งานนี้เป็นทั้งการแสดงความยินดีที่ พล.อ.วรเกียรติได้รับพระราชทานยศ พลเรือเอก และ พลอากาศเอก และอวยพรวันเกิดย้อนหลัง 21 มีนาคม ของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่งดอวยพร แต่ให้ส่งบัตรอวยพรไปแทนด้วย

พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้

ที่สำคัญ เป็นโอกาสที่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จะได้พูดคุย กระชับระยะห่าง จนทำให้เกิดกระแสข่าวลือต่างๆ ออกมาก่อนหน้านี้

อีกทั้งเป็นห้วงที่กำลังมีปัญหาใน ททบ.5 จนบิ๊กตี๋ พล.อ.รังษี กิติญาณทรัพย์ ต้องทำหนังสือลาออก แสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องการจับมือรัสเซียในการเสนอข่าวสงครามรัสเซียกับยูเครน ที่สวนทางนโยบายรัฐบาล และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็ได้เซ็นอนุมัติไปแล้ว โดยที่ พล.อ.ประยุทธ์ก็ต้องเข้ามาช่วยเคลียร์ปัญหา จนทำให้ทีมงานท็อปนิวส์กลับมาทำข่าวให้ ททบ.5 ตามเดิม

แต่ พล.อ.รังษีก็ไม่ได้กลับมาเป็น ผอ.ททบ.5 โดยพ้นหน้าที่ไปตามคำสั่ง 7 เมษายน 2565 แม้ พล.อ.ณรงค์พันธ์อยากจะให้เพื่อนรัก ตท.22 กลับมา แต่ทว่า ด้วยท่าทีและลักษณะนิสัยของ พล.อ.รังษีที่ไม่ยอมคน และมีบางคำพูดที่กระทบผู้ใหญ่ จึงไม่อาจกลับมาได้ อีกทั้ง พล.อ.รังษีต้องการแสดงสปิริต รับผิดชอบ และตัดตอนไม่ให้สะเทือนไปถึงเก้าอี้ ทบ.1 ของ พล.อ.ณรงค์พันธ์ด้วยนั่นเอง

เพราะในหมู่เพื่อน ตท.22 รู้ดีว่า ด้วยระยะห่างกับรัฐบาล และทางการเมือง ทำให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์อาจไม่ได้เป็น ผบ.ทบ. ที่มีภาพของการสนับสนุนนายกฯ แต่ยึดมั่นในการเป็นทหารอาชีพ และทหารพระราชา

ประกอบกับมีเกมชิงอำนาจระหว่างรุ่นเกิดขึ้นในกองทัพบก และกองทัพไทยด้วย จึงทำให้เก้าอี้ ผบ.ทบ.ไม่มั่นคง แม้จะมีอายุราชการถึงกันยายน 2566 แต่จะนั่งยาว 3 ปีจนเกษียณหรือไม่

เพราะทันทีที่เกิดปัญหาใน ททบ.5 ก็ส่งแรงสั่นสะเทือนถึงเก้าอี้ ผบ.ทบ.ทันที เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า พล.อ.ประยุทธ์รอวันที่บิ๊กต่อ พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรัก ตท.23 สายทหารเสือราชินี ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. แต่ต้องรอ พล.อ.ณรงค์พันธ์เกษียณกันยายน 2565 เสียก่อน

จึงทำให้เกิดกระแสข่าวลือทั้งในกองทัพไทยและกองทัพบก ถึงสูตรอำนาจกองทัพ ที่จะทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ที่กำลังต้องการแบ๊กอัพหนุนหลัง อาจต้องตัดสินใจ

ทั้งกระแสข่าวการขยับ พล.อ.เฉลิมพล ผบ.ทหารสูงสุด คอแดง ข้ามไปเป็นปลัดกลาโหม แทน พล.อ.วรเกียรติที่กำลังจะเกษียณกันยายนนี้ โดย พล.อ.เฉลิมพลนั่งเป็น ผบ.ทหารสูงสุด มา 2 ปีแล้ว ตามแผนเดิมคือนั่งจนเกษียณกันยายน 2566

แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์จะดัน พล.อ.เจริญชัย น้องรัก ขึ้น ผบ.ทบ.เลย จะไปเด้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ไปเป็นปลัดกลาโหม ก็ดูจะไม่เหมาะสมนัก เพราะเป็นรุ่นน้อง ตท.22 ส่วน พล.อ.เฉลิมพลเป็นรุ่นพี่ ตท.21

ดังนั้น จึงมีสูตรสไลด์ข้าง โดยอาจจะขยับ พล.อ.เฉลิมพลไปเป็นปลัดกลาโหม แล้วให้ พล.อ.ณรงค์พันธ์ข้ามไปเสียบยอดเป็น ผบ.ทหารสูงสุดในปีสุดท้ายก่อนเกษียณ เพื่อเปิดทางให้ พล.อ.เจริญชัย ตท.23 น้องรัก ขึ้น ผบ.ทบ. เป็นกำลังหลักของกองหนุนได้อย่างเต็มที่ นั่ง 2 ปี กำลังมั่นคงกว่าการได้เป็นแค่ปีเดียว

แถมทั้งเป็นจังหวะที่ พล.อ.เจริญชัยได้เป็นผู้นำทหารและตำรวจชั้นนายพล ในการเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณอีกด้วย

พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์

แม้ว่าสูตรโยกย้ายนี้จะยังเป็นแค่กระแสข่าวลือ แต่ก็เกิดคำถามว่า พล.อ.ณรงค์พันธ์มีความผิดถึงขั้นจะต้องถูกโยกย้ายหรือไม่ และ พล.อ.ประยุทธ์จะกล้าย้ายหรือไม่ เพราะในอดีต การย้าย ผบ.ทบ.ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด ไม่ใช่เรื่องง่าย หลายครั้งกลายเป็นสาเหตุหนึ่งของการรัฐประหาร

แต่ที่สำเร็จก็มีหลายครั้ง เช่น ในยุคอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เคยเด้งบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ลูกป๋า จาก ผบ.ทบ. ที่นั่งมานาน 4 ปีแล้ว ไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด โดยเป็นปฏิบัติการโยกย้ายที่นายทักษิณ ชินวัตร นำบัญชีรายชื่อโยกย้ายเฉพาะส่วนหัว ผบ.เหล่าทัพ ขึ้นทูลเกล้าฯ เอง เพื่อไม่ให้ผ่านมือป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษในเวลานั้น แม้ทำได้สำเร็จแต่ก็ทำให้เกิดรอยร้าวระหว่างนายทักษิณกับบ้านสี่เสาเทเวศร์เรื่อยมา

แล้วตั้งบิ๊กเกาะ พล.อ.สมทัต อัตตะนันท์ เสธ.ทบ.ในเวลานั้น จากสายวงศ์เทวัญลูกเขยจอมพลประภาส จารุเสถียร ขึ้น ผบ.ทบ. 1 ปี จากนั้น ก็ส่งข้ามไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด

ก่อนที่ต่อมาจะดันบิ๊กตุ้ย พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร ญาติผู้พี่ ขึ้น ผบ.ทบ. แต่ก็ให้นั่งแค่ปีเดียว แล้วเด้งไปเป็น ผบ.ทหารสูงสุด เพื่อเปิดทางให้บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ผช.ผบ.ทบ. ขึ้น ผบ.ทบ. จนกลายเป็นจุดกำเนิดของแผงอำนาจ 3 ป.ในเวลาต่อมา

จากนั้น ก็แต่งตั้งบิ๊กบัง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เป็น ผบ.ทบ. ก่อนที่จะเกิดการปฏิวัติ 19 กันยายน 2547 โดยมีนายทหารที่นายทักษิณสั่งย้าย ร่วมวางแผนรัฐประหารด้วย

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์

แต่ทว่า สถานการณ์ในปัจจุบัน คนเป็น ผบ.ทบ. และเป็น ผบ.ฉก.ทม.รอ.904 ด้วยนั้น การจะปฏิวัติรัฐประหารจึงไม่ง่ายเหมือนยุคก่อน อีกทั้งหน่วยปฏิวัติ ขุมกำลังปฏิวัติ ก็ถูกย้ายโอนไปเป็นหน่วยในพระองค์ และขึ้นตรงกับ ฉก.ทม.รอ.904 แล้ว

เพียงแต่ว่า การจะย้าย ผบ.ทบ.ที่เป็นคอแดง ก็ไม่ง่ายเช่นกัน อีกทั้ง พล.อ.ณรงค์พันธ์ก็มีแบ๊กอัพเช่นกัน

แต่ไม่มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้เคลียร์ใจกับ พล.อ.ณรงค์พันธ์ ในกรณี ททบ.5 หรือไม่ แต่ที่เห็นชัดเจนมากขึ้นคือ พล.อ.ณรงค์พันธ์มาร่วมงานและประชุมต่างๆ กับนายกฯ เองมากขึ้น จากเดิมที่มักจะส่ง 5 เสือ ทบ.มาแทน เพื่อกระชับระยะห่าง และสยบข่าวร้าว

และต้องไม่ลืมว่า มีบิ๊กหนุ่ม พล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ รองปลัดกลาโหม จ่อขึ้นปลัดกลาโหม ในโยกย้ายตุลาคมนี้อยู่ แม้จะเป็นรุ่นน้อง ตท.24 เกษียณ 2568 ที่เป็นช่องโหว่ ให้ดันรุ่นพี่มาแทรกได้ก็ตาม

แต่ทว่า พล.อ.สนิธชนกก็เป็นน้องรักของทั้ง พล.อ.ประวิตร และ พล.อ.ประยุทธ์ แถมภริยายังเป็นทีมงานตึกไทยคู่ฟ้าของนายกฯ จึงเรียกได้ว่า แข็งโป๊ก จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ พล.อ.ประยุทธ์จะตัดใจ จัดสูตรอำนาจแบบสไลด์

แต่กระนั้นก็ตาม ท้ายที่สุด ก็ไม่มีใครหยั่งรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ที่กำลังนับถอยหลัง จะตัดสินใจอย่างไรในเกมคุมอำนาจกองทัพ และแสดงอิทธิฤทธิ์ของการเป็น รมว.กลาโหม ยิ่งหากต้องการไปต่อบนถนนการเมือง ที่เต็มไปด้วยนักการเมืองเขี้ยวลากดินแล้ว การคุมอำนาจกองทัพแบบเบ็ดเสร็จ อาจเป็นทางเลิอกของ พล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นได้

หาก พล.อ.ประยุทธ์ผ่านศึกอภิปรายไปได้ จากนั้น ก็จะถึงคิวที่จะต้องผ่าตัดยึดอำนาจกองทัพให้กลับคืนมาอยู่ในมือ รมว.กลาโหม และนายกรัฐมนตรี เพื่อความมั่นคง

แต่หาก พล.อ.ประยุทธ์ต้องพ้นเก้าอี้เมื่อใด เมื่อนั้น อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้เช่นกัน