‘แร็พเตอร์-เอเวอเรสต์’ ใหม่ คู่หูจอมลุย-ออปชั่นจัดหนัก / ยานยนต์ สุดสัปดาห์ : สันติ จิรพรพนิต

สันติ จิรพรพนิต

ยานยนต์ สุดสัปดาห์

สันติ จิรพรพนิต

[email protected]

 

‘แร็พเตอร์-เอเวอเรสต์’ ใหม่

คู่หูจอมลุย-ออปชั่นจัดหนัก

 

อวดโฉม “แร็พเตอร์” ปิกอัพตัวแต่งเจเนอเรชั่นใหม่ ออกมาได้ไม่กี่เพลา “ฟอร์ด” ยั่วน้ำลายสาวกอีกครั้งด้วย “เอเวอเรสต์” รถปิกอัพดัดแปลง หรือพีพีวี รุ่นใหม่ล่าสุด ที่จะทำตลาดแทนรุ่นเดิมที่อายุอานามพอสมควรแล้ว

บอกเลยว่าเห็นหน้าตาแล้วดูบึกบึนกว่ารุ่นเดิม โดยเฉพาะด้านหน้าได้อารมณ์รถอเมริกันจ๋า

น่าทึ่งกว่านั้นคือการอัดออปชั่นเข้ามาแน่นคัน หลายอย่างเป็นครั้งแรกของกลุ่มพีพีวีในเมืองไทยด้วย

แม้ยังไม่เปิดขายอย่างเป็นทางการแต่เชื่อว่าอาจได้เห็นหน้าตากันในงาน “มอเตอร์โชว์” ช่วงปลายเดือนมีนาคมนี้

เรียกว่า “ฟอร์ด” ส่งออกยั่วน้ำลาย ให้ลูกค้าที่กำลังตัดสินใจเลือกรถปิกอัพตัวแต่ง และพีพีวี ต้องชั่งใจพอสมควร

 

เริ่มกันที่ “เอเวอเรสต์” เพิ่งอวดโฉมเมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กระจังหน้าขนาดใหญ่ดีไซน์ใหม่ มีเส้นคาดพาดขวาง ขณะที่ไฟหน้ารูปตัว C แบบเมทริกซ์ แอลอีดี ปรับระดับแสงไฟตามความเร็วอัตโนมัติ ปรับแสงตามการเลี้ยวทั้งขณะจอดนิ่งและเคลื่อนที่

ด้านหลังวางไฟเป็นแนวนอนดูตัวรถกว้างใหญ่มากขึ้น

ภายนอกแม้ดูบึกบึนแต่ภายในให้อารมณ์หรูหราไม่ต่างจากรถเอสยูวี เน้นโทนสีดำ พวงมาลัย 3 ก้านพร้อมระบบมัลติฟังก์ชั่น แผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 8 หรือ 12.4 นิ้ว (แล้วแต่รุ่นย่อย) ขยับมาตรงกลางเป็นหน้าจอสัมผัสความคมชัดสูงขนาด 10.1 หรือ 12 นิ้ว (แล้วแต่รุ่นย่อย) วางแนวตั้งคล้ายไอแพด เชื่อมต่อการสื่อสาร SYNC 4A รองรับการสั่งงานด้วยเสียง เชื่อมต่อกับแอพพลิเคชั่นฟอร์ดพาส (FordPass) ใช้สมาร์ตโฟนสตาร์ตรถจากระยะไกล การตรวจเช็กสถานะต่างๆ รวมไปถึงการล็อก และปลดล็อก

ทั้งส่งภาพจากกล้อง 360 องศา มีหน้าจอแยกส่วนเพื่อให้จอดรถได้สะดวกในพื้นที่แคบ หรือช่วยเป็น “ตา” มองเห็นปุสรรคต่างๆ กรณีบุกป่าฝ่าดง

คอนโซลกลางพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง และที่วางแก้วน้ำแบบพับเก็บได้สำหรับเบาะคู่หน้า มีระบบรองรับระบบการชาร์จแบบไร้สาย

เกียร์อัตโนมัติแบบ Electronic Shifter หุ้มด้วยหนังขนาดกระชับมือ พร้อมเบรกไฟฟ้า

 

ที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 10 ทิศทาง สามารถปรับอุณภูหมิและระบายอากาศได้

เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง รองรับการจดจำการตั้งค่าส่วนตัวของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร

และเบาะนั่งแถว 2 ยังสามารถปรับอุณหภูมิได้ (แล้วแต่รุ่นย่อย)

เบาะนั่งแถวที่ 2 ปรับเลื่อนได้ และพับได้แบบแบ่ง 60:40 ส่วนเบาะนั่งแถวที่ 3 แบ่งที่นั่งในอัตราส่วน 50:50 และพับได้แบบไฟฟ้าสำหรับบางรุ่น

ขุมพลังมี 3 บล็อก ทั้งดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ, ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบ และเบนซิน 2.3 ลิตร EcoBoost

จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด หรือเกียร์อัตโนมัติแบบซีเล็กชิฟต์ 10 สปีด

การขับขี่ 4 ล้อ 2 รูปแบบ พร้อมเทคโนโลยีขั้นสูงแบบฟูลไทม์ มีขับเคลื่อนแบบ 2 ล้อให้เลือกด้วย

ความปลอดภัยและออปชั่นเด่นสุดๆ อาทิ ถุงลมนิรภัย 9 ตำแหน่ง ม่านถุงลมนิรภัยคู่ด้านข้างครอบคลุมถึงที่นั่ง 3 แถว

ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ 2.0 ix ช่วยบังคับพวงมาลัย ปรับเกียร์ เร่งความเร็วและเบรกในการจอดรถแบบขนานหรือเข้าช่องจอด

ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติใหม่ พร้อมฟังก์ชั่น Stop and Go ทำงานควบคู่กับระบบเบรกอัตโนมัติ

ระบบช่วยหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ ใช้เรดาร์และกล้องตรวจจับรถที่ขับด้วยความเร็วต่ำหรือหยุดนิ่งด้านหน้า

ระบบช่วยหยุดรถอัตโนมัติขณะถอยหลัง ฯลฯ

 

ขณะที่ “ฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์” กระบะตัวแต่งที่สร้างกระแสได้ไม่น้อย พัฒนาโดยทีมฟอร์ด เพอร์ฟอร์แมนซ์ จัดเป็นกระบะตระกูลเรนเจอร์ ที่อัดแน่นด้วยสมรรถนะขั้นสูงสุดเท่าที่ฟอร์ดเคยพัฒนา

ด้านหน้าคมเข้มไม่ต่างจากเอเวอเรสต์ใหม่ ตัวอักษร F-O-R-D ขนาดใหญ่บนกระจังหน้า

ไฟหน้าใหม่รูปตัว C แบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวัน (Day-time running lights) แบบแอลอีดี ไฟเลี้ยวแบบไดนามิก ไฟสูงแบบตัดแสงและการปรับระดับแสงแบบอัตโนมัติเพื่อให้แสงสว่างที่ปลอดภัยต่อผู้ขับขี่ รวมถึงผู้สัญจรที่ขับสวนทาง

ด้านหลังใช้ไฟท้ายแบบแอลอีดีกลมกลืนกับไฟหน้า กันชนหลังสีเทาเข้มมีบันไดเหยียบเพื่อขึ้นกระบะท้าย

ล้ออัลลอยใหม่ขนาด 17 นิ้ว มาพร้อมยางออลเทอร์เรน BFGoodrich KO2

ห้องโดยสารออกแบบใหม่ทั้งหมดโดยใช้เบาะที่นั่งแบบสปอร์ต ทั้งหน้าและหลัง ตกแต่งด้วยสีส้ม “โค้ด ออเรนจ์” บนแผงหน้าปัด

เสริมความหรูหราอีกขั้นด้วยพวงมาลัยหนังเกรดพรีเมียม พร้อมแถบบอกตำแหน่งองศาพวงมาลัย และแป้นแพดเดิลชิฟต์เคลือบแมกนีเซียม

แผงหน้าปัดความชัดเจนสูงขนาด 12.4 นิ้ว และหน้าจอแบบสัมผัสตรงกลางขนาด 12 นิ้ว แสดงผลการเชื่อมต่อและระบบความบันเทิงผ่านระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC 4A รองรับการเชื่อมต่อสมาร์ตโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการ iOS และ Android ระบบเสียง Bang & Olufsen 8 ตำแหน่ง

 

เครื่องยนต์เบนซิน 3.0 ลิตร EcoBoost V6 เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุดถึง 397 แรงม้าที่ 5,650 รอบต่อนาที แรงบิด 583 นิวตัน-เมตร ที่ 3,500 รอบต่อนาที

อีกบล็อกเป็นดีเซลเทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร ยังคงมีอยู่ในฟอร์ด เรนเจอร์ แร็พเตอร์ เจเนอเรชั่นใหม่ ที่จะวางจำหน่ายในปี พ.ศ.2566

ทำงานคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ระบบท่อไอเสียควบคุมไฟฟ้าพร้อมโหมดปรับเสียงให้เลือกถึง 4 โหมด เพียงกดปุ่มบนพวงมาลัย

ระบบการขับเคลื่อน 4 ล้ออัจฉริยะแบบตลอดเวลา โดยใช้ระบบเกียร์ไฟฟ้าใหม่ที่ปรับได้ 2 ระดับ และยังมาพร้อมระบบควบคุมเฟืองท้ายคู่หน้าและหลัง แบบ locking differentials เป็นครั้งแรก

ระบบกันสะเทือน FOX แบบไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ขนาด 2.5 นิ้ว ควบคุมด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยช่วยลดการสะเทือนตามการเคลื่อนไหวของรถ

ระบบช่วงล่างแบบ ไลฟ์ วาล์ว Internal Bypass ปรับแต่งให้สบายบนทางเรียบ และประสิทธิภาพการขับขี่ออฟโรดทั้งแบบความเร็วสูงและความเร็วต่ำได้

ติดตั้งแผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถที่มีขนาดใหญ่เกือบ 2 เท่าของขนาดปกติที่ใช้กับฟอร์ด เรนเจอร์ ทำขึ้นจากเหล็กที่มีความแข็งแรงหนา 2.3 มิลลิเมตร

มีให้เลือก 7 โหมดขับขี่ แบ่งเป็นทางเรียบ 3 โหมด คือ “ปกติ-สปอร์ต-ทางลื่น”

โหมดการขับขี่ออฟโรด 4 โหมด “หิน-ทราย-โคลน-บาฮา”

ส่วนสนนราคาทั้ง 2 รุ่น ต้องลุ้นกันว่าจะเปิดและจบที่เท่าไหร่ สำหรับ “เอเวอเรสต์” คาดว่าไม่น่าจะหนีจากเจ้าตลาดเท่าใดนัก •