จัตวา กลิ่นสุนทร : คิดถึง ศาสตราจารย์ พลตรี หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช (18)

เดินตามหลังอาจารย์คึกฤทธิ์ ไปตามถนนในกรุงลอนดอน เป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ.2523 แทบไม่มีความรู้อะไรเลย กับ “ลอนดอน” (London)

อดีต “นายกรัฐมนตรี” ซึ่งเป็นนักเรียนเก่าอ๊อกซ์ฟอร์ด (Oxford University) ของประเทศอังกฤษ จึงเมตตาบอกกล่าวเล่าขานอะไรต่อมิอะไรให้ฟังเป็นวิทยาทานทั้งสิ้น

สามชีวิตอาจารย์กับลูกศิษย์ ซึ่งพักอยู่อพาร์ตเม้นต์เก่าๆ ที่นำมาทำเป็นโรงแรมที่พักตามแบบฉบับของคนอังกฤษ ในละแวกเซนต์ เจมส์ (St.Jame”s) ออกเดินเที่ยวไปได้ไม่ไกลจากที่พักเพราะอาจารย์คึกฤทธิ์อายุ 69 ปี ท่านเดินไม่ค่อยไหว

และจุดมุ่งหมายจริงๆ คือจะไปเมืองแคนเทอร์เบอรี่ (Canterbury) เยี่ยมเยือนบุตรสาว ซึ่งมาซื้อบ้านพักอยู่ยังเมืองแห่งนี้เพื่อให้ลูก ซึ่งเป็นหลานของท่านได้เรียนหนังสือ

การค้นคว้าหาข้อมูลเมื่อเกือบ 40 ปีก่อนนั้นไม่เหมือนในยุคสมัยปัจจุบัน เพราะฉะนั้น การเก็บบันทึกส่วนใหญ่จึงมาจากความจำของคนหนุ่มที่ได้เปลี่ยนสภาพเป็นผู้อาวุโสสูงวัยของวันนี้ พร้อมๆ กับตัวละครจำนวนมากได้ล้มหายตายจากไปตามกาลเวลา

จำได้ว่า ท่านแผน วรรณเมธี เป็นเอกอัครราชทูตประจำประเทศอังกฤษ แต่ถ้าผิดพลาดต้องขออภัยเป็นอย่างสูง และต้องโทษเรื่องของเวลา จะว่าไปยังจดจำได้ขนาดนี้ก็อดชื่นชมตัวเองไม่ได้

ท่านทูตมาให้การต้อนรับ และอำนวยความสะดวกระหว่างที่อาจารย์คึกฤทธิ์พักอยู่ในลอนดอน

 

อาจารย์เดินทางไปที่ไหนโดยส่วนตัวก็เป็นที่สนใจอยู่แล้ว โดยเฉพาะคนไทยในประเทศอังกฤษ ซึ่งสามัคคีสมาคม ได้มาเรียนเชิญท่านไปปาฐกถาเกี่ยวกับเหตุการณ์บ้านเมืองของเรา ที่ขณะนั้นกำลังวุ่นวายกับเรื่องของผู้อพยพจากเวียดนาม ลาว กัมพูชา เรื่องของมหาอำนาจที่ใช้แผ่นดินไทยเป็นกันชนเพื่อสกัดกั้นการไหลบ่าของลัทธิคอมมิวนิสต์ ขณะเดียวกัน สหรัฐอเมริกา จีน รัสเซีย ต่างก็เล่นเกมอำนาจกันอยู่ โดยใช้แผ่นดินของประเทศเล็กๆ แถบนี้เป็นสนาม

ในฐานะปราชญ์รอบรู้ทุกเรื่อง ทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปวัฒนธรรม ประเพณี การเมือง และยังเป็นอดีต “นายกรัฐมนตรี” ที่ “สร้างประวัติศาสตร์” ด้วยการเดินทางไปเปิดสัมพันธไมตรีกับสาธารณรัฐประชาชนจีน และโดยเป็นผู้นำของไทยคนแรกและคนสุดท้ายที่ได้ไปสัมผัสมือกับท่านประธาน เหมา เจ๋อ ตุง บุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของจีน กระทั่งเกิดการเปลี่ยนแปลงของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย และประเทศเพื่อนบ้านซึ่งตั้งท่าจะยกพลบุกเข้าประเทศไทยอยู่แล้ว

สามัคคีสมาคมจึงต้องเชิญท่านไปพูดจาเล่าเรื่องให้นักเรียนไทยในประเทศอังกฤษได้ฟังเพื่อประเทืองสติปัญญากันบ้าง

อาจารย์เองก็ไม่ขัดข้อง เรื่องที่ท่านพูดส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการเมือง เรื่องของสงครามตามแนวชายแดนฝั่งตะวันออกของประเทศไทย ว่าใครสนับสนุนใครโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และสาธารณรัฐประชาชนจีน

มีคำถามหนึ่งจากอาจารย์หญิงท่านหนึ่ง จากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ (เสียชีวิต) ซึ่งเป็นทั้งนักพูด นักเขียน ซึ่งขณะนั้นอยู่ที่ลอนดอน พอดีลุกขึ้นถามอาจารย์คึกฤทธิ์ ว่า “ได้ข่าวจีนส่งอาวุธเข้าไปในกัมพูชาผ่านประเทศไทย ใช่หรือไม่?”

ในที่ประชุมเงียบสนิท ต่างลุ้นคำตอบ จะว่าไปสำหรับคนที่สนใจการเมืองย่อมรู้ดีว่าเป็นไปอย่างไร?

ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาจารย์แกจะถามขึ้นมาทำไม

แต่คำตอบที่ได้รับจากอาจารย์คึกฤทธิ์กลับเปลี่ยนความตึงเครียดของผู้ฟังเป็นเสียงหัวเราะเมื่อท่านตอบว่า–

“แล้วคุณจะให้เขาส่งเข้าไปทางไหน ให้มันหล่นลงมาเองจากบนฟ้าหรือ?”

 

ท่านบุญชู โรจนเสถียร (เสียชีวิต) อดีตคนใหญ่โตในวงการเมืองไทย เป็นผู้ที่ความสามารถสูงในเรื่องเศรษฐกิจ และร่วมก่อตั้งพรรค “กิจสังคม” ได้แวะไปดินเนอร์กับอาจารย์คึกฤทธิ์ ในภัตตาคารแห่งหนึ่งในกรุงลอนดอน จำไม่ได้จริงๆ ว่าเป็นที่ไหน รู้แต่ว่าอาหารมื้อนั้นเป็นสไตล์ของอังกฤษนั่นแหละ

ที่เดินทางไปถึงหน้าร้านสังเกตเห็นว่ามีนกไก่ฟ้า (Grouse) แขวนอยู่เป็นจำนวนมาก และเมื่อเดินเข้าไปในร้านก็มีที่นั่งสำหรับรอเพื่อให้ผู้ร่วมรับประทานอาหารมากันให้พร้อมก่อนจะขึ้นโต๊ะอาหาร

ระหว่างนั้นก็มีการดื่มเพื่อเรียกน้ำย่อยนิดหน่อย ใครถนัดจะดื่มเบียร์สดของอังกฤษก็สุดแท้แต่

สำหรับผู้ติดตามไม่เข็ดของหนักๆ เรียก วอดก้า (Vodka) ผสมน้ำส้มมาแก้หนาวนิดหน่อย ซึ่งก็พอได้ผล

เมื่อขึ้นโต๊ะอาหารมีเสิร์ฟไวน์แดง (Red Wine) เพราะทราบว่าอาหารจานหลักมื้อเมื่อ 30 กว่าปีก่อน อาจารย์คึกฤทธิ์เป็นคนสั่งนกไก่ฟ้า (Grouse)

เมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เริ่มลงมือเฉือนมีดลงไปก็ได้กลิ่นเหมือนของเน่าสวนเข้าจมูกทันที ผู้ติดตามทำท่าชะงักนิดหน่อย แต่ก็สำรวมรักษามารยาทไม่แสดงอาการอะไร

ซึ่งดูเหมือนว่าอาการเหล่านี้ไม่พ้นสายตาอาจารย์ ท่านอธิบายว่า ฝรั่งเขาจะกินกันอย่างนี้แหละ เหมือนกับที่แถบถิ่นอีสานบ้านเราชอบกินปลาร้าปลาแดกอะไรทำนองนั้น

เห็นไหมว่ามีนกไก่ฟ้าแขวนไว้จำนวนมากหน้าร้านนั่นแหละเขาเพิ่งนำมาจากหัวเมือง หลังจากที่ล่ามาได้แล้วก็นำขึ้นเฮลิคอปเตอร์มาแขวนไว้ให้เริ่มพอมีกลิ่นตุๆ สักเล็กน้อย เขาเรียกว่า เกมส์ (Games) กินไปก็ทำให้เกิดความรู้สึกเหมือนได้สัมผัสกลิ่นป่า ยิ่งเจอลูกปืนในตัวไก่ฟ้าด้วยยิ่งเด็ดนักมื้อนั้น

รวมทั้งนึกเห็นภาพ (น้องหมา) ที่ถูกฝึกไว้อย่างดีแล้ววิ่งไปช่วยคาบนกไก่ฟ้าที่เคราะห์ร้ายถูกยิงตกลงมาให้เจ้านาย ก่อนส่งต่อเข้ามาสู่ร้านอาหารในเมืองหลวง

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้ดินเนอร์ในประเทศอังกฤษ แอบสอบถามราคานกไก่ฟ้าว่าราคาตัวละเท่าไร? สำหรับค่าเงินปอนด์ปีนั้น จำได้ว่า 50 บาทเท่ากับ 1 ปอนด์ ปรากฏว่านกราคาตัวละ 10 ปอนด์ก็ราคา 500 บาท

สำหรับผู้ติดตามต้องบอกว่าแพง 10 ปอนด์ซื้อเสื้อเชิ้ตอังกฤษสวยงามเลิศหรูแบบตัวเป็นสีฟ้ามีแค่ปกเป็นสีขาวซึ่งเป็นที่นิยม และนำสมัยเมื่อ 30 กว่าปีได้ 1 ตัว

 

ยามที่อาจารย์คึกฤทธิ์พักผ่อน ผู้ติดตามได้มีโอกาสออกมาเดินเที่ยวกันเอง เป้าหมายก็ไม่พ้น London China town ละแวกโซโห (Soho) แถวๆ ถนนรีเจนต์ (Regent St.) วงเวียนพิกคาเดลลี (Piccadilly Circus) แต่ไม่เคยขึ้นรถเมล์ 2 ชั้นไปไกลๆ และลงไปโดยสารรถไฟใต้ดินเนื่องจากไม่ได้ศึกษาเส้นทาง ซึ่งก็ไม่จำเป็นเพราะไม่ได้มาพักอาศัยอยู่นานๆ หรือเป็นลูกผู้มีอันจะกินได้มีโอกาสเดินทางมาศึกษาเล่าเรียนต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ประเทศอังกฤษ

อีกสถานที่หนึ่งเป็นถนน หรือแหล่งเดินซื้อหาสินค้า (Shopping) ซึ่งมีความยาวถึง 1 ไมล์ คือ ถนนอ๊อกซ์ฟอร์ด (Oxford Street) อันมีห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงของประเทศนี้ และ ฯลฯ จำนวนมากมายตั้งอยู่ และต่อมาอีกหลายสิบปีเมื่อเติบโตขึ้นมีโอกาสได้เดินทางไปยังลอนดอนอีกจำนวนหลายครั้ง รวมทั้งร่วมไปกับทัวร์เศรษฐี ก็ยังต้องไปหาซื้อเสื้อเชิ้ต เสื้อนอกซึ่งอาจารย์คึกฤทธิ์บอกว่าเท่ที่สุด ทันสมัยมาก ย่อมเป็นของประเทศอังกฤษ ซึ่งมันได้กลายเป็นของจำเป็นของลูกศิษย์ที่เชื่อฟัง และทำตัวให้ชีวิตอยู่ยากมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการกิน การแต่งเนื้อแต่งตัว

หลังจากปี พ.ศ.2523 อีกกว่า 10 ปี ร่วมเดินทางไปกับคณะทัวร์หลายประเทศ รวมทั้งประเทศอังกฤษโดยเฉพาะลอนดอน

ครั้งนั้นมีหุ้นส่วนชีวิตเดินทางไปด้วย ได้แสดงความสามารถพาเธอเที่ยวในลอนดอนได้โดยไม่หลง

ซึ่งจะว่าไปก็มิได้เก่งกาจอะไร หากแต่ว่าในประเทศยุโรปส่วนใหญ่จะอนุรักษ์บ้านเมืองของเขา เพราะฉะนั้น อีกนานปีแค่ไหนหากได้กลับไปเยือนประเทศเหล่านี้ก็คงไม่หลง

เว้นเสียแต่ว่าบริเวณนอกเมืองออกไปในเขตพื้นที่ซึ่งเขาอนุญาตให้ก่อสร้างได้เท่านั้น ที่มีการเปลี่ยนแปลง

 

อาจารย์คึกฤทธิ์พร้อมผู้ติดตามออกเดินทางด้วยรถเช่าไปยังเมืองแคนเทอร์เบอรี่ (Canterbury) เพื่อเยี่ยมเยียนลูกหลานดังที่กล่าว

บ้านที่ลูกสาวของท่านซื้อไว้อยู่ในชนบท เงียบสงบเป็นเมืองน่าอยู่ บริเวณบ้านเต็มไปด้วยต้นแอปเปิ้ลจำนวนมาก แต่เท่าที่สังเกตน่าจะเป็นพันธุ์พื้นเมืองลูกเล็กๆ เขาจึงเก็บเอามาทำไวน์ดื่มกันเองซึ่งก็ค่อนข้างแรง ทำเอาเมาได้สนิทดีเมื่อลองเข้าไป

เมืองนี้ค่อนข้างหนาว เราได้ไปพักโรงแรมในชนบท เวลากลางคืนออกอารมณ์น่ากลัว ตื่นเช้าขึ้นมาได้ยินเสียงเกือกม้าจำนวนมากแอบโผล่หน้าต่างดูซึ่งความจริงก็ไม่ถึงกับเช้าตรู่ เพียงแต่ยังไม่มีแสงอาทิตย์ก็เห็นคนขี่ม้าออกกำลังกายหรือฝึกม้าไปด้วย

มีความรู้สึกว่าชนบทของประเทศนี้สดใสบริสุทธิ์น่าอยู่เป็นอย่างยิ่ง ไม่ได้เป็นเพียงเมืองบ้านนอก แต่เมืองนี้ยังเป็นเมืองมหาวิทยาลัยเก่าแก่ เป็นเมืองแห่งผู้จาริกแสวงบุญ เมืองมรดกโลก และ ฯลฯ อยู่ในมณฑลเคนต์ (Kent) อยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของลอนดอน ใช้เวลาเดินทางไม่เกิน 2 ชั่วโมง

เสร็จภารกิจจากประเทศอังกฤษ อาจารย์คึกฤทธิ์มีธุระอีกอย่างหนึ่งคือเยี่ยมเยียนญาติสนิทซึ่งอาศัยอยู่ในกรุงโคเปนเฮเกน ประเทศเดนมาร์ก ก่อนบินตรงกลับประเทศไทย

เป็นครั้งแรกได้เดินทางไปยุโรป และสแกนดิเนเวีย โดยได้ไปเห็นหลายเมืองใน 3 ประเทศ ทั้งสวิตเซอร์แลนด์ อังกฤษ และปิดท้ายที่เดนมาร์ก ธรรมดาซะที่ไหน ได้เดินทางติดตามปราชญ์ของแผ่นดิน (อดีต) “นายกรัฐมนตรี-ศิลปินแห่งชาติ” และ “บุคคลสำคัญของโลก”

ทั้งหมดใช้เวลา 1 เดือนเต็ม