E-DUANG : เอกภาพ พรรคร่วม”ฝ่ายค้าน” บทบาท ของ “ผู้นำฝ่ายค้าน”

ยิ่งสถานการณ์ทางการเมืองมีความแหลมคม ยิ่งทำให้จำเป็นต้องจัดขบวนแถวในการต่อสู้เข้มข้นมากเป็นลำดับ

พื้นฐานของทุกพรรคการเมืองคือแรกแยกมิตร แยกศัตรู

แยกมิตรเพื่อที่จะรวบรวมมาเป็นพลังในการหนุนเสริม แยกศัตรูเพื่อที่จะได้รู้ว่าใครคือเป้าหมายที่จะต้องโจมตี ทำลายและโค่นให้ล้มลงไป

แต่ละจังหวะก้าวเช่นนี้นักการเมืองระดับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นักการเมืองระดับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ย่อมตระหนักและรู้อยู่เป็นอย่างดี

แต่ละจังหวะก้าวเช่นนี้แม้แต่นักการเมือง”หน้าใหม่”อยย่าง นายพิธาลิ้มเจริญรัตน์ อย่าง นายชัยธวัช ตุลาธน ก็เก็บรับมาเป็นบท เรียนได้อย่างรวดเร็ว

อย่างน้อยประสบการณ์จากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 หนุนเนื่องเข้ามาอีกด้วยประสบการณ์จากรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ย่อมอุดมสมบูรณ์

 

ไม่จำเป็นต้องสอบถามผู้คร่ำหวอดในทางการเมืองอย่าง นายภูมิ ธรรม เวชยชัย หรือ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี ไม่จำเป็นต้องสอบถาม นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือ นายปิยบุตร แสงกนกกุล

หัวหน้าพรรคอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคอย่าง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ย่อมตระหนักและรู้อยู่เป็นอย่างดี

นั่นก็คือ การสร้าง”พันธมิตร”ภายใน”แนวร่วม”

ยิ่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว นอกเหนือจากดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ยังนั่งควบอยู่ในสถานะแห่ง”ผู้นำฝ่าย ค้าน”อยู่ด้วย

ยิ่งต้องตระหนักและสันทัดในการทำงานร่วมกับคนอื่น พรรค

การเมืองอื่น มิเช่นนั้นความเป็น”พรรคร่วมฝ่ายค้าน”ก็หมดราคา

 

การเรียนรู้ทางการเมืองที่ทรงคุณค่าอย่างที่สุดก็คือการเรียนรู้จากความเป็นจริงในการต่อสู้ทางการเมือง ผลก็คือ การจะนำพาการเมืองไปสู่เป้าหมายที่กำหนดเอาไว้

เมื่อยังไม่สามารถ”แลนด์สไลด์”ก็ต้องร่วมกับพรรคการเมืองอื่น

ในฐานะที่ยังยืนอยู่ในแนว”พรรคร่วมฝ่ายค้าน”เอกภาพและความมั่นคงภายใน”พรรคร่วมฝ่ายค้าน”จึงสำคัญและมีความหมาย

ทำอย่างไรเอกภาพระหว่าง”เพื่อไทย”กับ”ก้าวไกล”จึงเป็นจริง