สถานีคิดเลขที่ 12 โดย สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร/ผ่านศึก เผชิญศึก

สถานีคิดเลขที่ 12/สุวพงศ์ จั่นฝังเพ็ชร

————————-

ผ่านศึก เผชิญศึก

————————-

การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ชูมือประกาศ เป็น “ทหารผ่านศึก”

ถือเป็นการปลุกขวัญฝ่ายสนับสนุนตนเอง ว่า “ผ่านศึก”มาแล้ว

การเผชิญศึก(การเมือง)อีกสักรอบก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

แต่ที่มีปัญหาคือ มีคำถามตัวโตๆ ว่าจะผ่าน “ศึก”(การเมือง)นี้ได้ไหม

นี่คือสิ่งที่ต้องติดตาม

เพราะอย่างที่ทราบ ต้องเผชิญทั้ง ศัตรูภายใน และภายนอก

ศัตรูภายนอก อย่างพรรคฝ่ายค้านนั้นก็ถือว่าหนัก เขย่าสภาให้ล่มต่อเนื่อง

และตอนนี้ ก็เริ่มประโคมกลองรบด้วย ศึกซักฟอกแบบไม่ลงมติ ในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และไปเชือดกันจริงๆด้วยการอภิปรายไม่ไว้วางใจในห้วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งว่ากันว่าจะเป็นช่วงเดือดสุด

ซึ่งหาก ศัตรูภายใน กระโดดเข้ามาร่วมวงด้วยก็ยิ่งหนัก

โดยศัตรูภายในนี้สำคัญยิ่ง ด้วยมันสลับซับซ้อน ต้องตีความกันหลายชั้น

อย่างประโยค “ศัตรูของศัตรูคือมิตร”นั่นแหละ

นอกจากตีความว่าใครคือมิตร ใครคือศัตรูแล้ว

ยังถูกขยายความไปถึงท่าทีของ”คนกันเอง”ที่ตอนนี้ก้าวไปสู่การเป็นศัตรูกันอย่างเต็มตัว ว่าจะกระทำต่อกันรุนแรงเพียงใด

จะกระชวกกันให้”มิดด้าม” แล้วกระหน่ำซ้ำให้ “จมมิด”กันเลยหรือไม่ต้องติดตามอย่างที่ว่า

ซึ่งก็คงเป็นอย่างที่หลายฝ่ายประเมิน นั่นคือแรงแน่ ไม่มีคำว่า “มิตร” มีแต่คำว่า “มิด”แน่นอน

เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่”จ้วงมีด”อยู่ระหว่างประเมินท่าทีและเตรียมความพร้อมอยู่

อย่างการเปิดใจต่อเนื่องของพล.อ.ประยุทธ์ ให้นัยอะไรหลายอย่าง

ตั้งแต่ การผูกมัดไปยังพี่ป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่ากลุ่มที่แตกตัวไปตั้งพรรคเศรษฐกิจไทยยังเป็นพรรคสนับสนุนรัฐบาลอยู่

ดังนั้น ที่พล.อ.วิชญ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ที่ก้าวไปอีกก้าวด้วยการลาออกจากพรรคพลังประชารัฐ ไปดูแลพรรคใหม่ ในฐานะ ว่าที่ หัวหน้าพรรค ก็ย่อมมีพันธะ ที่จะดูแลไม่ให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และพรรคเศรษฐกิจไทย แปรพักตร์ไปเป็นอื่น

ซึ่งถ้าเป็นอื่น พล.อ.ประยุทธ์ ก็ดูเหมือนจะแทงกั๊ก ไว้กลายๆ

นั่นคือ ไม่ตอบรับ หรือไม่ปฏิเสธ กับการจะเข้าไปนำทัพ ในพรรคพลังประชารัฐ ด้วยการเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรค แทนพล.อ.ประวิตร อันเท่ากับเป็นการ หักพี่ใหญ่ตรงๆ

“หัก” ถ้าอีกฝ่ายยังแสดงท่าทีเป็นศัตรู ซึ่งเท่ากับไม่มีทางเลือกอื่น พล.อ.ประยุทธ์ ต้องโดดไปนำทัพเอง แต่จะมีแรงต้านหรือขัดขืนต่อการนี้มากแค่ไหน ยังไม่อาจประเมินได้

แต่ พล.อ.ประยุทธ์ สู่แน่ๆ

ทั้งนี้ ฝั่งฟากของร.อ.ธรรมนัส ก็รู้ดีถึงหมากเกมของฝ่ายพล.อ.ประยุทธ์ ที่ทั้งต้องปูทาง และตอกย้ำถึงความไม่ชอบธรรมของฝ่ายตนเอง ในฐานะตัวป่วน

จึงมีความจำเป็นและชอบธรรมที่พล.อ.ประยุทธ์ จะอ้างเป็นเหตุให้เข้าไปยึดพรรคพลังประชารัฐ แน่นอนย่อมกระทบโดยตรงต่อพล.อ.ประวิตร ที่มีพระคุณและคอยอุ้มชูร.อ.ธรรมนัสมาโดยตลอด

ดังนั้นจึงเห็นความเคลื่อนไหวของฝ่ายร.อ.ธรรมนัส ที่จะปิดจุดอ่อนดังกล่าว ด้วยการประกาศว่าที่ออกมาตั้งพรรคใหม่ ก็เพื่อดูแลประชาชน

และไม่เคยคิดต่อรองที่จะเอาตำแหน่งรัฐมนตรี อย่างที่มีบางคนไปแอบอ้าง จึงไม่ควรมาใส่ร้ายหรือโจมตีว่าฝ่ายตนมุ่งแต่จะหาประโยชน์ทางการเมือง

ถือเป็น “ศึกการข่าว”ที่ถล่มเข้าใส่กัน

ส่วนศึกจริงๆถึงขั้น “ปักมีด”กันจริงๆนั้นคงมีขึ้นหลังจากนี้

โดยเฉพาะเมื่อพรรคเศรษฐกิจไทยตั้งหลักเรียบร้อยและศัตรูภายนอกเริ่มโหมกระหน่ำเข้าตี ก็อาจฉวยจังหวะช่วยซ้ำ

ซึ่งต้องดูว่า ทหารที่เคยผ่านศึกมานั้น จะเผชิญศึกการเมืองนี้ได้ไหมและอย่างไร

——————–