อาจินต์รำลึก : แปดปีที่แก่งเสี้ยน (11) เมฆ หมอก สายฝน/บทความพิเศษ แน่งน้อย ปัญจพรรค์

กินข้าวที่ระเบียง-แมวอยู่บน-หมาอยู่ล่าง

บทความพิเศษ

แน่งน้อย ปัญจพรรค์

 

อาจินต์รำลึก

: แปดปีที่แก่งเสี้ยน (11)

เมฆ หมอก สายฝน

 

มกราคมเดือนแรกของปี 2556 มีแต่เรื่องราวของสุขภาพล้วนๆ

เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ที่อาจินต์ฉี่แล้วพูด กุก กุก กัก กุก … ไม่มีใครฟังรู้เรื่อง จนชี้ที่กล่องทิชชู่จึงรู้ว่าต้องการอะไร แล้วก็รีบพาเข้าโรงพยาบาลพระยาพหลฯ อย่างกะทันหัน พบหมอซึ่งก็เป็นแฟนหนังสือช่วยดูแล สั่ง SCAN ให้ยา พักอยู่โรงพยาบาลถึงวันที่ 11 ก็ออกจากโรงพยาบาล

ผลการตรวจพบว่ามีเส้นเลือดฝอยในสมองตีบเล็กน้อย เราก็พากลับบ้าน กะว่าพักผ่อนสักสองสามวัน นัดหมอที่ศิริราชที่รักษาประจำอยู่แล้วก็จะเข้าไปทันที

อาการดีเป็นปกติอยู่จนถึงวันที่ 14 อาจินต์ก็หมดแรงขา เดินหน่อยตัวก็งอโค้งลงๆ ค่อยๆ ช่วยกันประคองเข้าห้องน้ำ อาบน้ำเสร็จ ตอนนี้ลุกขึ้นจากเก้าอี้อาบน้ำแล้วก็เดินเองได้สบายฉิวๆ แต่ก็ไว้ใจไม่ได้แล้ว

วันที่ 15 หมอนิธิพัฒน์ผู้รักษาปอดมาตั้งแต่ปี 2541 แล้วกลายมาเป็นหมอประจำตัวให้คำปรึกษาในทุกเรื่อง วันนี้ก็นัดให้พาเข้าไปพบหมอชัชวาลที่คลินิกของหมอ

ได้ยามาอีกชุดหนึ่ง พักอยู่กรุงเทพฯ จนวันที่ 24 ผู้ทำผ่าตัดลำไส้เปิดช่องท้องเมื่อปีที่แล้วก็บอกว่า ไม่เอาลำไส้กลับเข้าที่แล้ว ต้องเปิดหน้าท้องขับถ่ายใส่ถุงไว้อย่างนั้น เนื่องจากปอดที่เป็นถุงลมแตกแล้วและยังมีอาการ Stroke ในสมองอีกแบบนี้ เสี่ยงต่อการผ่าตัดมาก อาจไม่ฟื้น อาจินต์ก็ดูไม่เดือดร้อนอะไร

รุ่งขึ้นอีกวัน หมองามแข ผู้ทำตาให้อาจินต์มาแล้วสี่หน ต้อหินสอง ต้อกระจกสองก็สรุปว่า ตาของอาจินต์ซึ่งมีกระจกตาบวมข้างหนึ่งนั้น ทำอะไรไม่ได้แล้ว ตาขวาจะค่อยๆ มัวลงเรื่อยๆ ดูแลตาซ้ายไว้ให้ดีก็แล้วกัน ถ้าจะทำผ่าตัดก็จะเสี่ยงมากและทำแล้วไม่แน่ใจว่าจะคุ้มค่าหรือเปล่า

ต่อไปไม่จำเป็นต้องนัดมาพบหมอแล้ว แต่ต้องให้ใครมาเอายาหยอดไว้เสมอ ถ้ามีอาการผิดปกติอื่นๆ ก็มาหาหมอได้เลย

ระยะนี้อาจินต์คิดถึงเพื่อนเก่าๆ มักวานให้ยศหาทางติดต่อคนนั้นทีคนนี้ที ติดต่อคุณถวัลย์ วัลยเสวี ได้ เขาเลยพาครอบครัวมาเยี่ยมพร้อมทั้งนำข้าวแช่ครบชุดที่ทั้งสวยทั้งอร่อยมาฝาก

กุมภาพันธ์-เมษายน 2556 พักอยู่กรุงเทพฯ นานพอสมควรก็กลับไปบ้านเชิงเขา เดือนกุมภาพันธ์เริ่มแล้งแล้ว มาคราวนี้ก็ต้องทำปลวกอีก เป็นความผิดมหันต์ที่เราปลูกบ้านไม้ตรงนี้ มันเป็นที่อยู่ของปลวกแท้ๆ

ปลูกเสร็จจึงรู้ เรียกช่างทำปลวกมาทำแล้วเขานัดจะมาดูทุก 3-4 เดือน แต่ระหว่างนี้มีปัญหาเขาก็มาทำให้เพิ่มเติม ทำมาตั้งแต่กลางปีที่แล้ว หลังจากสร้างบ้านและมาอยู่ได้ครึ่งปีก็ต้องทำแล้ว และตลอดช่วงปีกว่าๆ นี้ ต้องตามมาทำอีกสองสามครั้งเพิ่มเติมจากกำหนดปกติ หลังจากนั้นจึงหมดไป แต่ต้องทำทุกปีและมาดูแลเพิ่มเติมตามสัญญาเต็มปกติคือ ปีละ 3 หน ก็ไม่มีปัญหาอะไรมากกว่าที่มีมาแล้ว

แล้วก็มาถึงหน้าร้อน ความร้อนแล้งของเดือนมีนาคม-เมษายนที่กาญจนบุรีนี้เป็นที่ร่ำลือกันมาก

มันก็จริง แต่มันจะร้อนมากในช่วงสายๆ ใกล้เที่ยงไปจนถึงบ่ายสี่ห้าโมงเย็น แล้วลมจะเปลี่ยนทิศ พาเอาความเย็นชื้นสุขสบายเหมือนไม่เคยร้อนมาเลยตลอดทั้งวัน

ดินฟ้าอากาศมันเป็นเช่นนี้ ยากหรือไม่อาจคาดคะเน

นอกจากไฟป่า ก่อนจะร้อนแล้ง มีงานสำคัญคือต้องรีบทำทางไฟ ทางไฟคือแนวป้องกันไฟ ป้องกันไฟที่อาจไหม้ลุกลามเข้ามาในบริเวณบ้านเรา

นายจักรก็จะหาคนงานแถวนี้มาช่วยกันตัดตอกระถิน ตัดหญ้า กวาดเศษใบไม้บนเขาให้เว้นเป็นทางกว้างที่สุดที่จะกว้างได้ ถ้าไฟข้ามภูเขามาก็จะได้ไม่ลามมาถึงบ้าน

มันเป็นวิถีชีวิตที่น่าสงสัยว่า…แล้วเขามาอยู่ที่นี่กันทำไม ความจริง ลำพังไฟป่ามันก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ตอนนี้มีคนมาอยู่เพิ่มขึ้นแล้วชอบเผาหญ้าจนลุกลามโดยไม่รับผิดชอบ

งานหลักที่เป็นงานประจำอีกอย่างในหน้าแล้งคือรดน้ำต้นไม้ ถ้าจะปลูกต้นไม้เยอะก็จำเป็นต้องมีบ่อบาดาล ถ้าไม่เยอะก็อาจจะใช้น้ำจาก อบต.เอามาใส่แท็งก์ไว้รดน้ำได้พอสมควร ต้นไม้ที่เราปลูกไว้ตั้งแต่ปีที่แล้วยังไม่มากนัก ยังพออยู่ได้ แต่ที่เราจะปลูกต่อไปนั้น กะว่าต้นปีหน้าต้องขุดบ่อบาดาล

มีนาคมปีนี้ คนรดน้ำต้นไม้ของเราขอลาหยุดไปหลายวัน ฉันกับกบช่วยกันรดน้ำต้นไม้ครั้งละ 3 ชั่วโมง ใช้น้ำไป 2,000 ลิตร

อาจินต์ตื่นทำงานบนเตียง

เดือนเมษายน อาจินต์ได้กลับมาอยู่ในห้องแอร์ที่สุทธิสารเย็นฉ่ำสบายใจ

อาจินต์ยามร้อนแล้งที่แก่งเสี้ยนนั้น เห็นแล้วน่าสงสาร ทุกฤดูร้อนจึงต้องพาเข้ามากรุงเทพฯ ที่สุทธิสาร

ถ้านานๆ มาทีก็มีสมาชิกผู้คุ้นเคยเก่าแก่ของบ้านนี้มาคุยมาเยี่ยม อาจินต์ก็เพลิดเพลินกับคนเก่าแก่เหล่านี้

ปีนี้ยศกับภรรยา (โป๊ะ) ก็หา ipad มาสอน มาตั้งค่า ทำอะไรต่างๆ ให้ลุงได้เอาไปเล่นยามว่างที่แก่งเสี้ยน

บอกใครก็อาจจะไม่เชื่อว่า ฉันไม่มีหัวทางนี้เลย เกลียดคอมพิวเตอร์มาตั้งแต่สมัยเรียนคณะบัญชีจุฬาฯ ตอนนั้นมีแผนกสถิติ เป็นแผนกเล็กๆ อยู่ในคณะ ขนาดมันเต็มห้องห้องหนึ่งของตึก เวลาใช้ต้องมีการ์ดเสียบ เจาะรหัสเป็นรูๆ -อธิบายไม่ถูก

แต่คอมพิวเตอร์ตอนนี้มันอยู่ในทุกที่ แม้แต่โทรศัพท์เครื่องนิดเดียว อาจินต์ชอบเทคโนโลยี ตอนท้ายๆ ของการเขียนหนังสือก็ส่งงานด้วย e-mail และกลับเป็นคนที่พยายามให้ฉันใช้อีกด้วย บอกว่าเธอต้องใช้ e-mail

แม้แต่บัตรเครดิต เขาใช้กันไปถึงไหนแล้ว ฉันก็ไม่ใช้ ก็อาจินต์นี่แหละ เคี่ยวเข็ญว่าเธอไม่ใช้บัตรเครดิตไม่ได้ …ก็พี่ใช้สิ…ฉันไม่ต้องใช้ -เธอต้องใช้

กลับมาบ้านที่ภูเขาปลายเดือน พอถึงกบก็ขึ้นมาทำความสะอาด อาจินต์ก็นั่งใต้ชายคาข้างล่างรอ จัดหาน้ำท่าและอะไรจุกจิกให้อาจินต์สบายแล้ว ฉันก็ออกเดินถ่ายรูป ฉันถ่ายรูปสภาพแวดล้อมทั้งหมดตามฤดูกาลอื่นๆ มาจะครบแล้ว ขาดแต่ในหน้าแล้ง มีนาคม-เมษายน ยังไม่เคยมีรูปเลย เพราะเรามักอยู่กรุงเทพฯ ช่วงนี้

วันที่ 28 เมษายน ฟ้าสวยใส เมฆขาวเป็นก้อนๆ แต่งลายสีฟ้าเหนือภูเขาหลังบ้าน เดินมองไปรอบๆ อยู่ๆ ก็นึกอยากทำบุญบ้าน

พฤษภาคม “ทำบุญบ้านแก่งเสี้ยน ทำบุญครบรอบแต่งงานสามสิบหกปี…ทำบุญบ้านแก่งเสี้ยน ทำบุญ…วันที่ 7 พฤษภาคม” อาจินต์ท่อง ท่องซ้ำๆ เตือนตัวเองล่วงหน้าอยู่หลายวัน

7 พฤษภาคม ทุกอย่างก็เหมือนการทำบุญเล็กๆ ทั่วไปนั่นแหละ ไม่บอกใครเลย มีแต่ตะป๊อด กับวันทนา ขาประจำที่ขาดไม่ได้อยู่แล้ว

ฉลองเป็นคนนิมนต์พระ หาคนทำพิธีมาทำงาน พระเจิมหน้าประตูบ้านเสร็จ อาจินต์ขอให้เจิมหน้าผากด้วย อาจินต์ก็นั่งคุยนั่งยิ้มไปทั้งวันจนใกล้ค่ำ แขกกลับหมดแล้วฝนก็ตก ลมแรงสาดฝนเข้าบ้าน ระเบียงเปียกโชก ได้กลิ่นดินหอมสะอาดสดชื่นสมใจ

หลังฝน หมอกครึ้มกระจาย ช่วงแรกสีหมอกเหมือนสีฝุ่น แล้วก็ค่อยๆ เปลี่ยนสีไปเป็นปกติ

เป็นฝนแรกของปีที่แรงสมใจ

 

24 พฤษภาคม-12 มิถุนายน เข้ากรุงเทพฯ มีงานฉลองครบ 100 ปี ของคณะวิศวะ น้องๆ ผู้จัดงานของคณะได้เคยมาคุยที่แก่งเสี้ยน อยากรู้สภาพเก่าๆ ของคณะในยุคแรกๆ บอกด้วยว่าสำรวจดูแล้วในรุ่นพี่อาจินต์นั้นไม่มีคนที่จะยังพอให้ข้อมูลได้เหลืออยู่ อยากได้บรรยากาศ คุยกันอยู่นาน ฟังดูแล้วน้องๆ เขาไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย

ที่ได้จริงๆ มีอยู่อย่างเดียวคือเพลงประจำคณะรุ่นเก่าที่ตอนนี้ไม่มีใครรู้จักเลย แล้วอาจินต์ก็ร้องให้ฟัง เขาอัดคลิปไปด้วย ชอบใจกันมาก

วันงานก็หาคนรุ่นอาจินต์ไปร่วมงานแทบไม่ได้ มีสามหรือสี่คนรวมทั้งอาจินต์ หนึ่งในสามคนนี้คือท่านองคมนตรี กำธน สินธวานนท์ เขาดีใจกันมากกอดกันกลม

องคมนตรีพูดกับอาจินต์พูดกันด้วยสรรพนามเดิม กู-มึง อาจินต์ประท้วง บอกว่าเป็นองคมนตรีทำไมพูดหยาบ

องคมนตรีย้อนย้ำว่า -กูพูดกับมึง ไม่ได้พูดกับในหลวง!! ความจริงสองคนนี้ไม่เคยพบกันมานานก็จริง แต่ท่านองคมนตรีได้เคยติดต่อ ส่งบัตรอวยพร ฝากอะไรต่ออะไรเล็กๆ น้อยๆ มายังอาจินต์อยู่เสมอ

แล้วเราก็กลับบ้านบนภูเขา แก่งเสี้ยนต้อนรับเราด้วยเสียงนกต้อยตีวิดสองตัวที่กำลังว่ายฟ้าร่าเริง บินแข่งกันฉวัดเฉวียน สลับกันรุกสลับกันรับสนุกสนาน ภาพนั้นทาบอยู่กับฉากหลังไกลลิบเป็นเมฆรูปเกล็ดปลาหนาๆ ซ้อนกันกว้างไกลเต็มฟ้า ตามถ่ายรูปไม่ค่อยทัน

ถ่ายรูปแล้วจะเดินกลับจึงได้รู้ว่าตัวเองค่อยๆ เดินไล่ตามนกมาไกลมาก -กว่าจะเดินกลับมาพาอาจินต์ขึ้นบ้าน กบก็ทำความสะอาดเสร็จแล้ว

 

เกือบ 20 วันที่จากไป เปลี่ยนสีภูเขาที่เป็นดินหินมอมแมมระหว่างใบไม้แห้งกลายเป็นสีเขียวอ่อนสลับเขียวเข้มเต็มภูเขา ต้นหญ้าสารพัดชนิดเบียดเสียดกันเขียวปี๋จนดูเหมือนนัยน์ตาเราจะเป็นสีเขียวไปแล้ว

ดินแห้งแล้งก็ต้องรดน้ำถี่ๆ ตอนนี้ก็ต้องหาคนตัดหญ้า แต่ภารกิจเช่นนี้ท่ามกลางสิ่งที่เห็นรอบตัวและลมเย็นพัดพลิ้วเหมือนระลอกคลื่นมันทำให้ยินดีแลกกับภาระทุกอย่างที่นี่ ด้วยความสุขเป็นที่ยิ่ง

พาอาจินต์ขึ้นบ้านราวสี่โมง ชำระล้างร่างกายและกินข้าวเย็นแล้ว ฝนก็เทลงมาค่อนข้างแรง

เมื่อมาอยู่ที่นี่ตอนแรก พอฝนตกฉันก็รีบขับรถลงข้างล่างกลางฝน ลงไปถึงต้นทางขึ้นบ้านก็จะถ่ายรูปฝน บ้านกลางฝน ภูเขาในหมอกฝนอย่างมีความสุข อยู่บนนี้ เราจะเห็นแต่ต้นไม้ไม่เห็นภูเขา ข้างล่างเราจึงจะเห็นภูเขา

 

กรกฎาคม-สิงหาคม ฉันไม่เคยเห็นนกกะปูด เช้าวันที่ 2 กรกฎาคม นั่งอยู่กับอาจินต์ที่ระเบียงหน้าบ้าน นกกะปูดตัวโตปีกสีน้ำตาลแดงบินเร็วดูเหมือนไม่ขยับปีกเลย เหมือนร่อนมากกว่าบิน ร่อนรวดเดียวยาวจากถนนหน้าบ้านผ่านตาเราขึ้นไปเกาะยอดไม้บนเขาหลังบ้าน น่าดูมาก ถ่ายรูปไม่เคยทัน เคยถ่ายได้หนหนึ่งตอนเผลอเดินอยู่ที่ถนนข้างล่าง

บ่ายวันนี้เห็นเมฆแปลก เมฆขาวบางเป็นแผ่นใหญ่ เคลื่อนที่ช้าๆ จากหน้าบ้านทิศตะวันตก ค่อยๆ ขึ้นเขามา สวนกับหมู่เมฆก้อนสีขาวอมเทามากมายเหนือหลังคาหน้าบ้าน เมฆขาวบางอยู่สูงเหนือก้อนเมฆสีเทาที่เคลื่อนจากภูเขาลงไปทางตะวันตกหน้าบ้าน ลมบนกับลมล่างพัดสวนกันต่อหน้าต่อตา ไม่ชนกัน น่าดูพิลึก

เดือนนี้ ต้นไม้แตกกิ่งก้านมาก ยังไม่โตนัก แต่มีแววว่าจะโตมาก ในปีต่อๆ ไป พี่คนหนึ่งถามว่าปลูกต้นไม้เยอะอย่างนี้ต่อไปจะบังวิวหมดจะทำยังไง ฉันก็ไม่รู้จะทำยังไง พี่เขามีประสบการณ์เรื่องนี้มาก แต่ก็ปลูกไปแล้ว โชคดีที่ต่อมาเราได้สัมผัสว่า หน้าฝนมันจะบังวิวเราก็จริง แต่หน้าแล้งมันโล่งเตียน ใบร่วงเกือบหมด เห็นวิวมากมายเกินสายตาลงไปจนถึงถนนข้างนอกโน้น

นี่เป็นธรรมชาติที่เราได้เห็นสภาพทุกฤดูกาล ไม่ต้องตัดต้นไม้

 

สิงหาคม พบหมอชัชวาลที่คลินิกความจำ หมอสรุปว่าความสามารถในการทำกิจกรรมและการคิดในเรื่องซับซ้อนลดลง เหลือน้อยกว่าค่าเฉลี่ยของคนปกติในวัยเดียวกัน สงสัยว่าเส้นเลือดฝอยที่เห็นตีบนั้นอาจมีมากกว่าที่เห็นจาก CT SCAN เมื่อต้นปี ต้องทำ MRI เดือนหน้า

แต่โดยรวมที่เราเห็นอยู่นั้น การหลงลืมของอาจินต์ก็ไม่น่ากลัวนัก

การหลงลืมหลายครั้งเป็นไปอย่างน่ารักน่าขันเสียด้วย

อย่างเช่น ตื่นเช้าออกมาก็ถามว่าหัวค่ำแล้วใช่ไหม

แต่ที่ไม่ดีคือแบบนี้ต่างหาก…แบบที่ก้าวขาไม่ออกโดยเฉพาะข้างซ้าย ให้พยายามก้าวใหม่ก็ซอยเท้ายิกๆ แต่ไม่บ่อย

หมอนิธิพัฒน์บอกทำอะไรไม่ได้