ศึกเลือกตั้งซ่อม/ลึกแต่ไม่ลับ จรัญ พงษ์จีน

จรัญ พงษ์จีน

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

ศึกเลือกตั้งซ่อม

 

หากรวบรวมสถานการณ์ “เลือกตั้งซ่อม” ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันที่เลือกตั้งใหญ่มาตั้งแต่วันที่ 24 มีนาคม 2562 เริ่มนับหนึ่งจากที่เป็นเรื่องเป็นราว ลากลายแทง “ขอนแก่น เขต 7”

จากกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้ “นายนวัธ เตาะเจริญสุข” ลูกพรรคเพื่อไทยหมดสภาพความเป็น ส.ส. ซึ่ง กกต.กำหนดให้เลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2562 ผลปรากฏว่า “นายสมศักดิ์ คุณเงิน” ผู้สมัครพลังประชารัฐ หยิบชิ้นปลามันเอาชนะ “นายธนิก มาสีพิทักษ์” จากเพื่อไทย ไปแบบสบายๆ หายห่วง

ครั้งต่อมา “กำแพงเพชร เขต 2” เลือกตั้งซ่อมเมื่อวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 แทน “พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์” จากพรรคพลังประชารัฐ จากมูลเหตุศาลจังหวัดพัทยา มีคำพิพากษาในฐานะแกนนำ นปช.เก่า บุกรุกโรงแรมขัดขวางการประชุมอาเซียนซัมมิต

ผลการเลือกตั้งซ่อม “นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์” ลูกชายของ “พ.ต.ท.ไวพจน์” เบียดแทรกเข้าป้ายด้วยคะแนนท่วมท้นล้นเหลือ ชนะ “กัมพล ปัญกุล” จากค่ายเพื่อไทย

ครั้งที่ 3 “สมุทรปราการ เขต 5” แทนตำแหน่งที่ว่าง เนื่องจาก “นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก” ส.ส.เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ ถูกศาลฎีกาพิพากษา มีคำสั่งให้เลือกตั้งใหม่ ฐานนำพวงหรีดและเงินใส่ซองไปช่วยทำบุญงานศพ

ปรากฏว่า “นายกรุงศรีวิไล” ลงสมัครในนามสังกัดเดิม พปชร.สามารถย้ำชัย เอาชนะ “สลิลทิพย์ สุขวัฒน์” จากเพื่อไทย โดยคะแนนทิ้งห่างกันแบบไม่เห็นฝุ่น

ต่อด้วย “นครศรีธรรมราช เขต 3” จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ “นายเทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ พ้นจากความเป็น ส.ส.

ซึ่ง กกต.กำหนดให้ทำศึกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564 ชิงพื้นที่กันสะเทือนเลื่อนลั่น ระหว่าง “ค่ายแชมป์เก่า” ส่ง “พงศ์สินธุ์ เสนพงศ์” น้องเลิฟ “เทพไท” ขณะที่ค่ายพลังประชารัฐ ดัน “อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ” ลงสู้ศึก

ผลเสาไฟฟ้ายี่ห้อประชาธิปัตย์ล้มครืนไม่มีทรง เมื่อผลการนับคะแนน “อาญาสิทธิ์” จาก พปชร.เบียดชนะ “พงศ์สินธุ์” ไปหลายช่วงตัว

สรุป “ศึกเลือกตั้งซ่อม” ไม่ว่ากี่ครั้งต่อกี่ครั้ง “พลังประชารัฐ” นับตั้งแต่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เข้าวิน-ชนะมาตลอด ทั้ง “ขอนแก่น-กำแพงเพชร-สมุทรปราการ-นครศรีธรรมราช”

“บิ๊กป้อม” ที่ผันตัวเองจากนับรบ เท้าเพิ่งแตะเวทีการเมือง จึงมิต่างอะไรกับซูเปอร์ฮีโร่ หากสะท้อนผ่านกับสถิติอันยอดเยี่ยมจากผลของการเลือกตั้งซ่อม

แต่ตามกฎข้อบังคับ “สถิติมีไว้เพื่อทำลาย” เก่งแค่ไหนก็มีวันพลาด ฉลาดแค่ไหนก็มีวันแพ้ ศึกเลือกตั้งซ่อมพื้นที่สงขลา เขตเลือกตั้งที่ 6 แทน “นายถาวร เสนเนียม” กับจังหวัดชุมพร เขตเลือกตั้งที่ 1 แทน “ชุมพล จุลใส” 2 อดีตแกนนำ กปปส.ค่ายประชาธิปัตย์

เจ้าของเก้าอี้สามารถป้องกันแชมป์ รักษาที่นั่งเอาไว้ได้ทั้ง 2 เขต โดยสงขลา “น.ส.สุภาพร กำเนิดผล” ชนะ “นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์” ผู้สมัครจากพลังประชารัฐ ด้วยคะแนน 45,576 กับ 40,531 คะแนน

ขณะที่ชุมพร “นายอิสรพงษ์ มากอำไพ” จากประชาธิปัตย์ เบียดชนะคู่แข่ง “ชวลิต อาจหาญ” จาก พปชร. ม้วนเดียวจบ 48,981 คะแนน ต่อ 32,229 คะแนน

“คนปักษ์ใต้” เขาจัดให้ ทั้งที่มีข่าวว่า “พปชร.” ทุ่มทุนสร้างเพื่อศึกเลือกตั้งซ่อมสงขลา-ชุมพร มากมายมหาศาลกว่านครศรีธรรมราช โดยประเมินตนไว้สูงว่า หากชนะ 2 สนามนี้ได้

โอกาสในศึกเลือกตั้งรอบใหม่ “พปชร.” จะโรเตชั่น เข้ามายึดหัวหาดสนามภาคใต้ แทนที่ประชาธิปัตย์ได้แบบหวานคอแร้ง มากกว่า 12 ที่นั่ง เท่าที่มีอยู่ตอนนี้แน่นอน

มีข่าวว่า พี่เขาจัดหนัก “บางพรรค” ระดมกระสุน-ดินดำ ลงไปปูพรหมจังหวัดแรก 150 ล้าน จังหวัดที่สอง 70 ล้าน

ผลแพ้-ชนะจากศึกเลือกตั้งซ่อมสงขลาเขต 6 “ประชาธิปัตย์” กลายเป็นฝ่ายทำลายสถิติลงอย่างราบคาบ “คุณนายน้ำหอม-สุภาพร กำเนิดผล” เป็นผู้หญิงคนแรกของจังหวัดสงขลา ที่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.

เป็นสามี-ภริยาคู่แรกที่ได้รับเลือกนั่งเก้าอี้ผู้แทนฯ เพราะ “คุณน้ำหอม” เป็นหมอนข้างของ “นายกชาย-เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรค แม่ทัพปักษ์ใต้คนใหม่ของประชาธิปัตย์

 

จากสนามปักษ์ใต้ ข้ามห้วยตามไปดูศึกเลือกตั้งซ่อม “กทม.เขต 9” หลักสี่-จตุจักร (ยกเว้นแขวงจตุจักร-แขวงจอมทอง) แทน “นายสิระ เจนจาคะ” พปชร.ที่โดดแจ๊กพ็อต ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ส.ส.สิ้นสุดลง โดยจะวัดดวง ชิงที่นั่งกันในวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคมนี้

สถานการณ์ตีกรรเชียงเข้าโค้งสุดท้าย ก่อนอื่นเลยแชมป์เก่าตลอดกาลของพื้นที่ดังกล่าว คือประชาธิปัตย์ แต่ศึกเลือกตั้งใหญ่เมื่อเดือนมีนาคม 2562 แพ้ป่าราบ เกาะมาที่ 4 คาบนี้เลยขอบาย ไม่ส่งผู้สมัครลงทวงบัลลังก์กลับคืน เลยชิงดำกันสี่ซ้าห้าพรรค

เริ่มจากแชมป์ครั้งที่แล้วคือ พปชร. ส่ง “มาดามหลี-สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” ภรรยา “สิระ” ลงรักษาเก้าอี้

คู่แข่งกระดูกชิ้นโตยังเป็น “สุรชาติ เทียนทอง” ค่ายเพื่อไทย เลือกตั้งใหญ่เข้าป้ายมาเป็นที่ 2

ตามด้วย “อนาคตใหม่” หรือ “ก้าวไกล” ครั้งนี้ปรับทัพส่ง “กรุณพล เทียนสุวรรณ” หรือ “เพชร กรุณพล” ดารานักแสดงชื่อดังมาแต่งองค์ทรงเครื่องลงชิงชัย

อีกคน “อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี” อดีต ส.ส.เก่าของเขตนี้ สังกัดประชาธิปัตย์ แต่ครั้งนี้ลงสมัครในนามพรรคกล้า ในฐานะเลขาธิการพรรค

ขณะที่พรรคไทยภักดีของ “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” ส่ง “พันธุ์เทพ ฉัตรนะรัชต์” ลงชิมลาง

ศึกเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 วงพนันขันต่อกันปั่นป่วน วางอัตรากันหลายราคา

เต็งแชมป์ แฮนดิแคพสูงที่สุดต้องยกเครดิตให้ “สุรชาติ” ค่ายเพื่อไทย เพราะแม้จะแพ้เลือกตั้งจากครั้งที่แล้ว แต่เจ้าตัวยังขะมักเขม้นลงพื้นที่ ทำการบ้าน หมายแก้มือมาตลอด ขณะที่คู่ปรับคือ “สิระ เจนจาคะ” ไม่ได้ลงเอย ส่งภริยา ที่หาเสียงอยู่อีกเขตมาสู้แทน จึงมีความได้เปรียบเสียเปรียบ แตกต่างกัน

โต๊ะพนันศึกเลือกตั้ง กทม.เขต 9 เล่นกันหลากหลายรูปแบบ

นอกจากผู้ชนะแล้ว ยังมีการแยกขั้ว แบ่งข้าง ฝั่งหนึ่ง 2 พรรค ที่ได้รับเลือกลำดับที่ 1 กับ 2 สัดส่วนได้ 65 เปอร์เซ็นต์จากผู้ใช้สิทธิ์

อีก 2 พรรคเมื่อมัดเข่งรวมกันได้ 35 เปอร์เซ็นต์

แยกย่อยซอยยิก พรรคที่ชนะเลือกตั้งจะได้ 35 เปอร์เซ็นต์ พรรคอันดับ 2 ได้ 30 เปอร์เซ็นต์

ฐานคะแนนห่างกันเกิน-ไม่เกิน 5,000 เสียง

ผู้สมัครจากพรรคการเมืองใหญ่ เข้าป้ายในลำดับที่ 3 หรือ 4 คะแนนที่ได้รับเลือกจากคนในพื้นที่ เกินหรือไม่เกิน 25,000 แต้ม

ผลจะออกมาอย่างไร ไผเป็นไผ ไม่รู้…รู้แต่ว่า “บิ๊กป้อม” ทุบโต๊ะ สั่งสู้ยิบตา หวังกู้ชื่อกลับคืน