นรสิงห์ไม่ช่วยอะไรดอก | คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง

คมกฤช อุ่ยเต็กเค่ง

มีข่าวเล็กๆ แต่เป็นที่สนใจของ “สายมู” ทางการเมืองว่า มีผู้สื่อข่าวสังเกตเห็นรูปหล่อของเทพ “นรสิงห์” ปรากฏอยู่บนระเบียงของตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล และยังเห็นว่า หลังโต๊ะทำงานของนายกรัฐมนตรีมีรูปปั้นของครุฑเติมเข้ามานอกเหนือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ด้วย

จึงเป็นที่โจษจันกันว่านายกฯ กำลังจะแก้เคราะห์ แก้คุณไสยอะไรอีกหรือไม่ หรือกำลังดวงตก?

รูปนรสิงห์ดังกล่าวทำด้วยโลหะ เท่าที่ผมสังเกตจากภาพถ่าย เป็นศิลปะไทยพระราชนิยมสมัยรัชกาลที่หก ขนาดไม่ใหญ่มากนัก เพราะไม่สูงไปกว่าระเบียงอาคาร และคงมีการสักการะเพราะมีพวงมาลัยแขวนอยู่

มีผู้ให้ข้อมูลว่า รูปนรสิงห์ดังกล่าวมีมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 แล้ว โดยมีศิลปินที่ไม่เปิดเผยนามเป็นผู้ทำขึ้นมามอบให้นายกฯ ทั้งนี้ มีคนตีความกันไปต่างๆ นานา ว่าคงจะมีขึ้นเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายและโรคระบาดต่างๆ บ้างก็ว่าคงมีนัยขอพรให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ต่ออีกสมัย

แต่ซินแสฝ่ายรัฐบาลเห็นว่า มีไว้เพื่อขจัดมาร เสริมบารมี ข่มขวัญศัตรูอะไรทำนองนี้

 

ทําเนียบรัฐบาลของไทยมีความขึ้นชื่อในเรื่องไสยศาสตร์ความเชื่อ ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ล้วนต้องมาบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมีอยู่สารพัด หรือปรับเปลี่ยนฮวงจุ้ย เช่น ย้ายศาลพระภูมิ เปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ สร้างนั่นนี่ โดยหวังใจว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นจะช่วยให้อยู่ในตำแหน่งนานๆ หรือจะเพื่อตัดไม้ข่มนามฝ่ายตรงข้าม

ที่จริง ไม่แปลกหรอกครับที่คนทำงานจะสร้างขวัญและกำลังใจให้ตัวเองตามความเชื่อที่มี ตราบใดที่ไม่ยัดเยียดความเชื่อนั้นให้คนอื่น หรือเอาเงินเอาทองของหลวงไปใช้ทำอย่างที่ตนเชื่ออยู่คนเดียวโดยไม่เกิดประโยชน์แก่ใคร

กระนั้น ในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐ หากการทำพิธีกรรมหรือสร้างอะไรในทางความเชื่อกลายเป็นสิ่งสำคัญแรกสุดก่อนที่จะแก้ที่ปัญหาจริงๆ อย่างเร่งด่วน เช่น พอน้ำท่วมหรือมีโรคระบาด แทนที่จะไปแก้ที่ตัวปัญหาเลย แต่กลับรีบจัดงานสวดมนต์หรือบวงสรวงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หรือในเวลานี้ที่ปัญหารุมเร้าแต่กลับเอานั่นนี่นู่นมาตั้งในอาคารรัฐสภาเพื่อแก้เคล็ด

อันนี้ไม่ไหว สมควรโดนด่า

 

ผมพยายามคิดว่า เหตุใดต้องเป็นนรสิงห์ และจริงๆ แล้วหากพูดกันตามระบบความเชื่อ นรสิงห์ดังกล่าวจะมีอิทธิคุณอะไร จะตรงตามที่ผู้เอาไปตั้งมุ่งหวังไว้ไหม

นรสิงห์ แปลว่า คนสิงห์ มีตัวเป็นคนแต่หัวเป็นสิงห์ ตามความเชื่อของพราหมณ์ นรสิงห์เป็นอวตารปางที่สี่ของพระวิษณุ ลงมาช่วยเด็กน้อยแทตย์ (อมนุษย์จำพวกหนึ่ง) ชื่อประหลาทะจากบิดาผู้ชั่วร้ายของตนเอง คือ หิรัณยกษิปุ ซึ่งสร้างความเดือดร้อนไปทั้งสามโลก

แก่นแกนสำคัญของตำนานนรสิงหาวตารคือ ตัวร้ายมักคิดว่าตนฉลาดล้ำ เช่นขอพรต่อพระเจ้าชนิดที่จะไม่มีใครทำอะไรได้ (ไม่ตายด้วยเทพ มนุษย์ และสัตว์ ไม่ตายด้วยอาวุธ บลาๆๆ เพราะขอพรให้เป็นอมตะไม่ได้) แต่พระเจ้าหรือฝ่ายดีย่อมจะชนะเสมอ ด้วยปัญญาและอุบายอันวิเศษ (พระเจ้าจึงต้องเป็นนรสิงห์ เพราะไม่ใช่ทั้งคน เทพและสัตว์ และใช้กงเล็บสังหารแทนอาวุธ)

นรสิงห์จึงได้รับการเคารพแพร่หลาย ด้วยพลังบู๊และความชาญฉลาด โดยเฉพาะในไวษณวะนิกาย (นิกายพระวิษณุ) จะเป็นรองก็แต่เพียงพระรามาวตารและพระกฤษณาวตาร และมักเคารพคู่กับพระแม่ลักษมี เรียกกันว่า ลักษมีนรสิงห์

การเคารพคู่กันนี้เกิดจากความเชื่อที่มาจากปุราณะว่า พระนรสิงห์เป็นอวตารที่ดุร้ายน่ากลัว ท่านท่วมท้นไปด้วยความพิโรธโกรธา บางปางจึงมีชื่อว่า โกรธานรสิงห์บ้าง มฤตโยรมฤตยูนรสิงห์ (มฤตยูของมฤตยู) บ้าง บางครั้งท่านเสด็จไปไหนก็พาความแรงร้อนไปด้วย พวกเทวดาจึงต้องขอให้พระลักษมีมาประทับใกล้ๆ ท่านจะได้เยือกเย็นลง

บางปางก็อยู่ในท่าทำโยคะ ส่วนมากเชื่อกันว่าท่านเป็นคุรุผู้สอนโยคะ แต่ผมเคยอธิบายไว้ในบทความเก่าๆ แล้วว่าคงเป็นการทำให้สงบลงมากกว่า คือให้ท่านทำสมาธิละความโกรธเสีย

ฝ่ายไศวะยิ่งวิจิตรพิสดารไปอีก กล่าวคือ มีตำนานว่าเมื่อนรสิงห์ฆ่าหิรัญยกษิปุแล้ว ก็คลุ้มคลั่งไม่สามารถดับความโกรธลงได้ พระศิวะจึงแปลงกายมาในรูป ศรภะ หรือศรเภศวร ครึ่งนกครึ่งสิงห์เพื่อมาสังหารนรสิงห์อีกทีหนึ่ง

ดังนั้น บางกลุ่มความเชื่อจึงไม่นิยมบูชาปางดุร้ายของพระนรสิงห์ในบ้านเรือน เพราะเกรงจะปรนนิบัติไม่ดีพอ และจะทนความ “ร้อน” ของท่านไม่ได้ จึงนิยมปางที่ท่านเย็นๆ หน่อย เช่น ลักษมีนรสิงห์ หรือโยคะนรสิงห์

 

ผมเข้าใจว่า การที่มีนรสิงห์ไปตั้งบูชาอยู่ทำเนียบรัฐบาล ก็คงไม่ใช่พยายามจะเอาเทพดุๆ ไปสู้เชื้อโรคหรือสู้กับใคร แต่คงเพราะประวัติศาสตร์ของสถานที่เองด้วย

ทำเนียบรัฐบาลเคยเป็นบ้านของเจ้าพระยารามราฆพ (หม่อมหลวงเฟื้อ พึ่งบุญ) ขุนนางคนสำคัญในสมัยรัชกาลที่หก ซึ่งทรงสร้างมอบให้เจ้าพระยา ว่ากันว่าเป็นบ้านที่ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยสมัยนั้นจนหม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย ดิศกุล เคยตรัสเรียกว่า “บ้านชนิดวัง”

บ้านนี้มีนามว่า “บ้านนรสิงห์” เพราะนรสิงห์เป็นตราของ “กรมมหรสพ” ซึ่งเจ้าพระยารามราฆพเคยบัญชาการอยู่ อีกทั้งตึกไทยคู่ฟ้าเดิมชื่อ “ตึกไกรสร” (ไกรสร แปลว่า สิงห์) อันเป็นนามเดิมของหม่อมไกรสร (กรมหลวงรักษรณเรศร ซึ่งถูกถอดยศและสำเร็จโทษ) ผู้เป็นบรรพชนของตระกูลพึ่งบุญ

บ้านหลังนี้จะเคยมีรูปปั้นนรสิงห์หรือไม่ ผมไม่มีข้อมูล แต่ตำนานนรสิงห์ไม่ได้เป็นตำนานพราหมณ์ซึ่งเป็นที่รู้จักกันนัก จนกระทั่งถึงสมัยรัชกาลที่หก แม้จะมีชื่อพันท้ายนรสิงห์อยู่ในพระราชพงศาวดารเก่า ก็มีเพียงชื่อคนเท่านั้น อีกทั้งเป็นที่รู้จักได้ก็เพราะละครในภายหลัง

 

ตํานานนรสิงห์แบบอินเดียเป็นที่รู้จัก ก็เพราะรัชกาลที่หกทรงพระราชนิพนธ์เรื่องนารายณ์สิบปางและบทละครเบิกโรงเรื่องนรสิงหาวตารเอาไว้ ดังนั้น ผมเห็นว่านรสิงห์ไม่ได้มีคติการบูชาหรือเป็นที่รู้จักแพร่หลายมาก่อนเลย และแม้แต่ในปัจจุบัน เว้นแต่คนที่สนใจไวษณวะนิกาย การบูชานรสิงห์ในกลุ่มคนไทยก็ไม่ได้มากเท่าเทพเจ้าแขกองค์อื่น

ในสมัยรัชกาลที่หกยังได้มีการออกแบบและสร้างหัวโขนนรสิงห์ ซึ่งดูคล้ายปรับมาจากศิลปะเขมรเอาไว้แสดงละคร และมีหน้าตาละม้ายรูปปั้นนรสิงห์ที่ทำเนียบรัฐบาล ผมจึงคิดว่าผู้สร้างรูปหล่อดังกล่าวคงทราบประวัติความเป็นมาต่างๆ ดี

หากว่ากันตามคติความเชื่อ การเอาเทวรูปไปตั้งกับพื้นระเบียงแล้วบูชาก็ดูแปลกๆ ตกลงจะเป็นตราสัญลักษณ์ก็ไม่ไช่ จะเป็นรูปเคารพก็ไม่เชิง เลยทำกันเก้ๆ กังๆ บูชาก็จะบูชาจะเอาไว้กันภัยก็จะกัน อีกทั้งอย่างที่ผมเล่าไว้ข้างต้น นรสิงห์ในบางขนบความเชื่อของฮินดูนั้น เป็นพระ “แรง” หากปฏิบัติไม่ถูกต้องก็อาจทำให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้อยู่ที่นั่นได้

หรือถ้าคิดเล่นๆ ขำๆ หากอีกฝ่ายเขาอยากจะสู้ในระบบความเชื่อเดียวกัน เขาก็ไปหาพระศรเภศวรมาแก้กันก็ไม่ยากเลย

 

กระนั้น ถึงไม่ต้องยกเอาคติความเชื่อขึ้นมาอ้าง แต่เทวตำนานธรรมเรื่องนรสิงห์นี้ โดยเนื้อหาสาระเป็นเครื่องเตือนใจแก่ผู้ประพฤติทุจริตและเบียดเบียนผู้อื่นอยู่แล้ว ว่าอย่าคิดว่าตนจะอยู่ค้ำฟ้า อย่าคิดว่าจะไม่มีอะไรทำอะไรตัวเองได้ ต่อให้มีอำนาจแค่ไหนก็จะต้องพ่ายแพ้แก่ความถูกต้องหรือความดีงามอยู่เสมอไป เพราะนี่เป็นกฎของจักรวาล

พระเป็นเจ้าบางองค์ของฮินดูอาจเผลอไปให้พรคนชั่วบ้าง แต่สุดท้ายก็พระวิษณุนี่แหละที่คอยมากำจัดปัดกวาดให้

ดังนั้น แทนที่นรสิงห์จะช่วยพวกตนจากศัตรูตามที่หวัง แต่ถ้าพิจารณาจากเทวตำนานก็อาจกลายเป็นว่านรสิงห์น่าจะลงโทษพวกเอ็งแทนนั่นแหละ

ใครทำอะไรไว้ ใครเบียดเบียนใคร ประพฤติชั่วต่อสังคมโดยรวมอย่างไร อันนี้แม้จะหลอกบางคนและตัวเองได้ แต่หลอกพระเป็นเจ้าไม่ได้

แทนที่จะเรียนรู้จากตำนาน “นรสิงห์” แล้วกลับตัวกลับใจเสีย

ดันไปบูชารูปนรสิงห์แทน

บอกตามตรง

ไม่ช่วยอะไรหรอกครับ