ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 11 - 17 สิงหาคม 2560 |
---|---|
คอลัมน์ | ไทยมองไทย |
ผู้เขียน | สมหมาย ปาริจฉัตต์ |
เผยแพร่ |
Show and Share ต่อไปเป็นคิวของครูรางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี จากประเทศกัมพูชา ครู Tauch Bandaul ครูระดับชั้นประถมศึกษาโรงเรียนวัดบ่อ จังหวัดเสียมเรียบ หัวข้อ “การจัดการห้องเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมาก”
เธอเริ่มด้วยการขอให้ผู้เข้าฟังนั่งสมาธิ เป็นเวลา 1 นาที เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับฟัง
ก่อนเข้ากิจกรรมด้วยคำถามว่า “คุณครูทุกท่านเคยสอนนักเรียนมากถึง 75 คนหรือไม่”
และ “ทำอย่างไรให้นักเรียนทั้ง 75 คนไม่สอบตก”
ครู Tauch แลกเปลี่ยนประสบการณ์ที่สามารถจัดการเรียนการสอนสำหรับห้องเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมากได้สำเร็จ
หลักการสำคัญคือ การเน้นนักเรียนเป็นศูนย์กลาง ผ่านการจัดกิจกรรมให้นักเรียนลงมือปฏิบัติ มีการเคลื่อนไหว และกล้าแสดงออก
เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมในทุกๆ กิจกรรม เช่น การกำหนดจุดประสงค์การเรียนรู้ การตั้งกติกาในชั้นเรียน ประกอบกับการเสริมแรงอย่างเหมาะสมจากครูผู้สอน
บริหารจัดการเวลาในการจัดกิจกรรมอย่างเหมาะสม
ใช้สื่อการสอนที่เป็นของจริงและสอดคล้องกับบริบทชุมชนที่นักเรียนอาศัยอยู่ และอุปกรณ์ที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย เพียงพอต่อจำนวนนักเรียน
เช่น รายวิชาวิทยาศาสตร์ให้นักเรียนนำตัวอย่างพืชชนิดต่างๆ ที่อยู่ในชุมชนมาศึกษาและลงพื้นที่สำรวจสิ่งมีชีวิตในบริเวณโรงเรียน
รายวิชาคอมพิวเตอร์ นักเรียนสืบค้นข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ 1 เครื่องต่อ 1 คน
รายวิชาดนตรี จัดทำสื่อจำลอง เช่น คีย์บอร์ดกระดาน เป็นต้น
บรรยากาศในชั้นเรียนครูเปิดโอกาสให้นักเรียนซักถามและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันภายในกลุ่ม
ครูเป็นแบบอย่างสร้างความมั่นใจว่านักเรียนทุกคนรวมถึงกลุ่มที่มีพัฒนาการช้าสามารถเข้าใจและเรียนรู้ได้อย่างทั่วถึง ตลอดจนการผ่อนคลายและดึงดูดความสนใจของนักเรียนไม่ให้เกิดความเบื่อหน่ายด้วยกิจกรรมนันทนาการภายในห้องเรียน
“ความท้าทายของการจัดการชั้นเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมาก แบ่งเป็น 2 ด้าน คือ ด้านครูผู้สอน ได้แก่
1. การจัดการชั้นเรียน ครูจำเป็นต้องใช้เทคนิคหลายอย่างในการจัดการห้องเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมาก
2. อุปสรรคจากสิ่งรบกวนในห้องเรียน เช่น การส่งเสียงดัง ห้องเรียนมีขนาดเล็กแต่จำนวนนักเรียนมากจึงทำให้ผลการเรียนต่ำลง และครูต้องใช้เสียงดังขึ้น
3. นักเรียนที่มีพื้นฐานหลากหลาย ทำให้ยากต่อการดูแลนักเรียนที่มีพัฒนาการช้าหรือต้องการความช่วยเหลือพิเศษ
และ 4. การใช้สื่อการสอนจำนวนมาก ทำให้ต้องใช้งบประมาณและเวลาที่มากขึ้นในการเตรียมสื่อ”
ความท้าทายด้านผู้เรียน ได้แก่
1. ขนาดชั้นเรียนที่ไม่สัมพันธ์กับจำนวนนักเรียน ส่งผลให้นักเรียนเกิดความเครียดในการเรียน ยากต่อการเคลื่อนไหว และเป็นอุปสรรคสำหรับนักเรียนที่มีความบกพร่องทางสายตาและการได้ยิน
และ 2. เสียงรบกวนจากเพื่อนร่วมชั้น ทำให้นักเรียนให้ความสนใจเรียนน้อย รวมถึงบรรยากาศอื่นๆ ทำให้ไม่อยากมาโรงเรียน
“วิธีที่ครู Tauch นำมาใช้ในการจัดการกับประเด็นความท้าทายข้างต้น” เธอเล่าตามลำดับ
การจัดการชั้นเรียนที่ดี ได้แก่
1. จัดบรรยากาศห้องเรียนให้น่าเรียน ส่งเสริมความสามัคคีในห้องเรียน ครูต้องปรับทัศนคติตนเองให้มีความอดทน และพยายามให้เต็มที่ มีการจัดมุมอ่านหนังสือภายในห้องเรียน
2. ทำความเข้าใจนักเรียนบนพื้นฐานที่หลากหลาย อาทิ นักเรียนที่มีความบกพร่องทางร่างกายและสติปัญญา เพื่อให้สามารถตอบสนองนักเรียนได้ตรงประเด็นความต้องการ
3. ส่งเสริมและคัดเลือกให้นักเรียนค้นพบตนเอง และรู้จักการแบ่งหน้าที่ในการดูแลห้องเรียน เช่น การเลือกหัวหน้าห้องและตัวแทนนักเรียนเพื่อช่วยครูดูแลเพื่อนๆ ทั้งในและนอกห้องเรียน
4. แบ่งกลุ่มในการดูแลสิ่งแวดล้อมและทำความสะอาดในแต่ละวัน มีการให้รางวัลเพื่อเป็นการกระตุ้นให้นักเรียนมีกำลังใจในการทำงานมากขึ้น
5. ส่งเสริมให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการสร้างกติกาในชั้นเรียนว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ
6. การสื่อสารที่ดีและต่อเนื่องกับผู้ปกครองของนักเรียน ซึ่งแบ่งเป็น 3 ช่องทาง ได้แก่ การติดต่อโดยตรงจากการเชิญเข้าพบที่โรงเรียน การติดต่อทางโทรศัพท์หรือการเขียนจดหมาย รวมถึงการใช้สื่อสังคมออนไลน์ เช่น Facebook เพื่อทำความเข้าใจกับนักเรียนในบริบทที่บ้านได้มากขึ้น อาทิ ลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของนักเรียนขณะอยู่ที่บ้าน รวมทั้งการแนะนำแนวทางในการเพิ่มผลการเรียนของนักเรียน
การนำเทคนิคที่เหมาะมาใช้ ได้แก่
1. สร้างคุณลักษณะที่ดีผ่านการจัดกิจวัตรประจำวันเพื่อให้นักเรียนเกิดความเคยชิน ทราบถึงภาระหน้าที่ของตนเอง รวมทั้งสิ่งที่ต้องเตรียม (อุปกรณ์ ความรู้) ในการเรียนแต่ละครั้ง
2. ประเมินผลผู้เรียนทั้งก่อนและหลัง โดยทำการทดสอบเพื่อแยกนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ว่านักเรียนแต่ละคนมีปัญหากับทักษะใดบ้าง เช่น ทักษะการฟัง พูด อ่าน เขียนภาษาเขมร และทักษะทางคณิตศาสตร์ (เรขาคณิต ระบบจำนวน และพีชคณิต) เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือกับนักเรียนได้อย่างเหมาะสมตลอดกระบวนการเรียนรู้ สำหรับนักเรียนที่ได้รับการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น แต่ยังไม่มีการพัฒนา จะมีระบบการเรียนเสริมในแต่ละวัน
3. จัดเตรียมสื่อ อุปกรณ์การเรียนการสอนในแต่ละวันให้พร้อมกับกิจกรรม เปิดโอกาสให้นักเรียนมีส่วนร่วมทั้งการนำสื่อมาจากบ้านซึ่งเป็นการสร้างความสนใจและความเข้าใจในการเรียนรู้ให้นักเรียนมากขึ้น
4. มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งของนักเรียนในทุกๆ เดือน เช่น นักเรียนที่มีความต้องการพิเศษ(หูตึง สายตาสั้น) ได้นั่งในตำแหน่งที่เหมาะสม อีกทั้งนักเรียนได้มีโอกาสทำความรู้จักและสนิทกับเพื่อนในห้องมากยิ่งขึ้น
5. การบริหารจัดการเวลาในการทำกิจกรรม ครูกำหนดเวลาให้ชัดเจนและเหมาะสม เช่น กิจกรรมนอกสถานที่ควรให้เวลาในการทำกิจกรรมมากขึ้น
6. การนำท่าทางภาษากาย มาใช้ช่วยแก้ปัญหากรณีห้องเรียนเกิดการส่งเสียงดัง ครูจะเลือกใช้วิธีการเงียบและปรบมือ 3 ครั้ง
7. ครูใช้การสังเกตนักเรียนที่ไม่เข้าใจในเนื้อหาขณะเรียน จากนั้นซักถามเพื่อความแน่ใจว่านักเรียนเข้าใจดีหรือไม่
ประสบการณ์ของครู Tauch แสดงให้เห็นว่า ห้องเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมากครูจำเป็นต้องใช้พลังแรงกาย สติปัญญาในการจัดการเรียนการสอนให้เต็มที่
ซึ่งผลลัพธ์จากการจัดการชั้นเรียนที่ดีจะทำให้นักเรียนประสบความสำเร็จ ทั้งนี้ ปัจจัยในการส่งเสริมการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ขึ้นอยู่กับครูเพียงคนเดียว ผู้ปกครองล้วนมีส่วนสำคัญเช่นกันในการสร้างกำลังใจและกระตุ้นให้นักเรียนมีส่วนร่วมในการเรียน
“ในฐานะที่ครูเป็นกุญแจสำคัญในการขับเคลื่อนห้องเรียน ครูจึงต้องรักนักเรียนให้เหมือนกับครอบครัวเดียวกัน รักอาชีพ และทำด้วยใจจริง”
เธอทิ้งท้ายได้อย่างน่าประทับใจ