เตือนภัยจีพีเอสมรณะ นำทางขับรถลงแม่น้ำ ช็อกซ้ำ-ถนนไร้ที่กั้น จี้การทางเร่งล้อมคอก/อาชญากรรมข่าวสด

อาชญากรรมข่าวสด

 

เตือนภัยจีพีเอสมรณะ

นำทางขับรถลงแม่น้ำ

ช็อกซ้ำ-ถนนไร้ที่กั้น

จี้การทางเร่งล้อมคอก

 

เป็นโศกนาฏกรรมที่ไม่ควรเกิดขึ้นเลยจริงๆ

สำหรับเหตุการณ์ที่หนุ่มวัย 27 ปี ที่ไม่ชินเส้นทาง ขับรถตามจีพีเอสแล้วเกิดตกแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ เสียชีวิตอย่างน่าสลด

ท่ามกลางความเศร้าเสียใจของครอบครัวที่ต้องสูญเสียคนรักไปอย่างไม่มีวันกลับ

ซึ่งตอนเกิดเหตุครั้งแรกยังไม่มีใครทราบเรื่อง แต่เมื่อตรวจสอบจากมือถือกลับพบว่าส่งสัญญาณจากกลางแม่น้ำเจ้าพระยา

จนกลายเป็นประเด็นคำถามว่าเหตุใดจีพีเอสถึงนำเส้นทางให้ไปในจุดดังกล่าวได้

แต่เมื่อมาตรวจสอบที่เกิดเหตุแล้วก็ต้องตกตะลึง เมื่อทางที่หนุ่มวัย 27 ขับรถลงไปนั้นถูกเปิดเป็นช่องทางเดินรถอย่างชัดเจน ไม่แปลกที่คนไม่รู้เส้นทางจะขับพลาดตกลงไปในแม่น้ำ

จึงเป็นเรื่องที่ต้องเรียกร้องต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งแก้ไข ไม่ใช่เฉพาะแค่จุดเกิดเหตุ แต่หมายถึงพื้นที่จุดเสี่ยงทั้งหมด

ให้คุณภาพชีวิตของประชาชนดีขึ้นกว่านี้ ไม่ใช่ใช้ชีวิตเหมือนเสี่ยงตายทุกวัน

ไม่ทราบจะร้องขอมากเกินไปหรือไม่!??

สลดหนุ่มขับรถตกเจ้าพระยา

เหตุสลดครั้งนี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงกลางดึกของคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน เมื่อเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุ คนขับรถตกแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงจุดกลับรถใต้สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ ทางหลวงหมายเลข 122 ต.กลางแดด อ.เมือง จ.นครสวรรค์

จึงระดมเจ้าหน้าที่กู้ภัย ทีมนักประดาน้ำหน่วยกู้ภัยนครสวรรค์ นำอุปกรณ์ดำน้ำ และเรือติดเครื่องยนต์เข้าร่วมค้นหา ตั้งแต่กลางดึกวันที่ 5 พฤศจิกายน จนกระทั่งถึงช่วงสายวันที่ 7 พฤศจิกายน แต่ก็ยังไม่พบชายเคราะห์ร้าย ขณะที่น้ำในแม่น้ำยังคงเชี่ยวกราก สีขุ่น และระดับน้ำขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่การสอบสวนทราบว่าผู้ขับรถที่ประสบอุบัติเหตุ คือ นายธีรภัทร์ ธีระพงศ์ไพบูลย์ อายุ 27 ปี ลูกชายเจ้าของร้านขายอุปกรณ์การเกษตรรายใหญ่ใน จ.สุพรรณบุรี ที่ขับรถยนต์ฟอร์ด เอเวอเรสต์ สีแดง ทะเบียน 5 กส 6702 กรุงเทพมหานคร

โดยนางพินิจ ธีระพงศ์ไพบูลย์ มารดาผู้สูญหาย ที่เดินทางมาจาก จ.สุพรรณบุรี เพื่อตามหาบุตรชาย เปิดเผยว่า เมื่อช่วงสายวันที่ 5 พฤศจิกายน นายธีรภัทร์ ขับรถออกจากบ้านใน จ.สุพรรณบุรี มาหาแฟนสาวชื่อ น.ส.แพรว มีบ้านอยู่ใน อ.มโนรมณ์ จ.ชัยนาท

จากนั้นชักชวนกันไปร่วมงานวันเกิดเพื่อน น.ส.แพรว ในตัวเมืองนครสวรรค์ กระทั่งค่ำบุตรชายได้ขับรถมุ่งหน้ากลับ จ.สุพรรณบุรี เพียงลำพัง และมาประสบอุบัติเหตุขับรถพุ่งลงแม่น้ำ

ทั้งนี้ ช่วงเกิดเหตุเวลาประมาณ 23.00 น. นางพินิจเล่าว่าได้โทรศัพท์หาลูกชายเพื่อสอบถามว่าอยู่ที่ไหน ทำไมยังไม่กลับบ้าน ก็ได้คุยกับลูกเป็นครั้งสุดท้าย บอกว่าขับรถตกน้ำ ขอวางโทรศัพท์ก่อน จะได้โทร.หาเพื่อนให้มาช่วย จึงวางสายไป จากนั้นก็ไม่สามารถติดต่อได้อีก

จากนั้นจึงบอกให้ทุกคนในครอบครัวช่วยกันตามหา เพราะรู้เพียงว่ามาหาแฟนสาวที่ จ.ชัยนาท จนกระทั่งเช็กพิกัดจีพีเอสจากโทรศัพท์มือถือลูกชาย พบสัญญาณอยู่กลางแม่น้ำเจ้าพระยา ใต้สะพานข้ามแม่น้ำ เส้นทางเลี่ยงเมืองนครสวรรค์ จึงเดินทางมาติดตาม

ขณะที่แฟนสาวเล่าเหตุการณ์ว่า วันเกิดเหตุทั้งคู่ใช้รถคนละคัน โดยนายธีรภัทร์ขับมาจาก จ.สุพรรณบุรี แต่มาถึงบ้านของแฟนสาวที่ชัยนาทช้ากว่าที่นัดหมาย ทำให้แฟนสาวออกมาก่อน เพราะต้องไปซื้อเค้กวันเกิด ก่อนนัดเจอกันที่งานเลี้ยงใน จ.นครสรรค์

เมื่องานเลิก ทั้งคู่ขับรถตามกันมา โดยแฟนสาวจะกลับบ้านที่ จ.ชัยนาท นายธีรภัทร์กลับสุพรรณบุรี แต่มาถึงจุดเกิดเหตุเกิดพลัดหลงกัน นายธีรภัทร์ขับรถวนอยู่จุดดังกล่างหลายรอบ จากนั้นแฟนสาวโทรศัพท์หาถามว่าจะให้ย้อนกลับไปรับไหม แต่นายธีรภัทร์บอกว่าไม่เป็นไร เดี๋ยวจะเปิดจีพีเอสตามไป ทำให้แฟนสาวไปจอดรออยู่ที่ปั๊มน้ำมัน และไม่กล้าโทรศัพท์ติดต่ออีก เพราะเกรงจะรบกวนการดูแผนที่จากมือถือ

จนสุดท้ายเกิดเหตุสลดขึ้น!!

เตือนระวังวิ่งตามจีพีเอส

หลังจากการค้นหากว่า 3 วัน ในที่สุดก็พบร่างของนายธีรภัทร์ โดยพบร่างลอยมาติดกอหญ้า ใกล้ตลิ่งริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่หมู่ 8 อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ห่างจากจุดเกิดเหตุ 15 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่จึงติดต่อนางพินิจ แม่ผู้ตายมาตรวจสอบ ซึ่งก็ยืนยันว่าเป็นศพลูกชายตัวเองจริง และนำกลับไปทำพิธีศพที่ จ.สุพรรณบุรี ด้วยความโศกเศร้า เนื่องจากเป็นลูกชายคนเดียว และเป็นคนดูแลเอาใจใส่ครอบครัวเป็นอย่างดีตลอดมา

ทั้งนี้ นางพินิจระบุว่า ไม่ได้ติดใจสาเหตุการตาย โดยเท่าที่มีข้อมูลอยู่ ค่อนข้างที่จะเชื่อว่าบุตรชายคงหลงทางจนขับรถไปเกิดอุบัติเหตุจริง

ที่ติดใจตอนนี้ก็น่าจะเป็นเรื่องในจุดที่เกิดอุบัติเหตุมากกว่า เนื่องจากช่วงที่ยังมีการค้นหาศพของบุตรชาย ตนนั่งรถไปดูยังหลายๆ จุด พบว่าถนนหลายแห่งของนครสวรรค์มีสภาพที่ดี และถนนในจุดที่ติดกับแม่น้ำหลายจุด ก็มีแนวกั้นริมทางเอาไว้

แต่ทำไมตรงจุดที่บุตรชายขับรถไปประสบอุบัติเหตุ ถึงเปิดช่องทางเอาไว้แบบนี้ จึงอยากให้การทางฯ รีบมาแก้ไข ปรับปรุง เพราะอาจจะมีเหตุสลดเกิดขึ้นอีก และเหตุการณ์ครั้งนี้หากมีอะไรมาปิดกั้นไว้ ก็อาจจะไม่ทำให้บุตรชายของตนต้องมาจบชีวิต หรือเต็มที่ก็ชนทางปิดกั้น ไม่พุ่งตกลงไปในแม่น้ำ

ในส่วนของระบบนำทางจีพีเอสนั้นก็น่าจะเป็นข้อสงสัยในส่วนของการนำพาบุตรชายไปประสบอุบัติเหตุ ที่ผ่านมาลูกชายเป็นคนที่ชอบใช้จีพีเอสนำทางอยู่แล้ว ประกอบกับตรงจุดนี้เป็นถนนติดแม่น้ำและไม่มีช่องทางกั้น แถมยังเป็นช่วงเวลากลางคืนด้วย จึงอาจทำให้บุตรชายมองไม่เห็นว่าเป็นแม่น้ำ

เชื่อว่าบุตรชายน่าจะเห็นเป็นช่องทางที่ไปได้ จึงขับรถจนพุ่งตกแม่น้ำลงไปดังกล่าว ซึ่งขอฝากเตือนไปถึงผู้นิยมชอบใช้จีพีเอสเป็นประจำ ให้ระมัดระวังด้วย แม้จะเป็นระบบนำทางที่ช่วยให้สะดวกสบายมากขึ้น แต่ก็อย่าไปเชื่อใจมากนัก นางพินิจ ระบุ

ขณะที่ชาวบ้านในพื้นที่ระบุว่า จุดถนนทางลอดใต้สะพานแห่งนี้ถือว่าอันตรายมาก เพราะเปิดช่องทางริมแม่น้ำเอาไว้นานแล้วด้วย ที่ผ่านมามีอุบัติเหตุเกิดขึ้นหลายครั้ง คนในพื้นที่เองก็ยังเคย โดยเฉพาะช่วงกลางคืน หากมองไกลๆ จะเห็นเป็นทางที่น่าจะไปได้ ยิ่งตรงช่วงโค้งไม่มีแสงสว่างที่เพียงพอให้มองเห็น ทำให้หลายคนเข้าใจผิด อยากให้หน่วยงานที่รับผิดชอบมาดำเนินการแก้ไขด้วยการปิดทาง พร้อมกับเพิ่มแสงไฟส่องสว่างให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นมากขึ้น

ไม่ให้เกิดเหตุสลดซ้ำอีก

ทล.ยันต้องเปิดทางลงแม่น้ำ

ด้านนายรุ่งโรจน์ สถิตย์ รอง ผอ.สำนักงานทางหลวงที่ 11 (ลพบุรี) รักษาการแทน ผอ.แขวงทางหลวงนครสวรรค์ที่ 1 ชี้แจงว่า จุดที่เป็นช่องทางลงแม่น้ำ ที่นายธีรภัทร์ขับรถพุ่งตกลงในแม่น้ำเจ้าพระยา มีช่องทางจราจร 2 ช่องทาง มีการตีเส้นแบ่งช่องทางอย่างชัดเจน และมีไฟฟ้าส่องสว่างครบถ้วนตามแบบก่อสร้าง

ส่วนช่องที่เว้นไว้เป็นทางลงแม่น้ำเจ้าพระยา ตามแบบแปลนก่อสร้างมีการเว้นช่องทางเอาไว้ประมาณ 4 เมตรเศษ เอาไว้สำหรับให้รถบรรทุกน้ำมาจอดเติมน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อช่วยบรรเทาสาธารณภัยในช่วงหน้าแล้ง รวมถึงยังเป็นช่องทางไว้สำหรับลงเรือของประมงพื้นบ้าน และเป็นจุดซ่อมแซมบำรุงรักษาไฟฟ้าของการไฟฟ้าด้วย ซึ่งก็เปิดไว้ตั้งแต่แรกเริ่มในช่วงที่มีการซ่อมปรับปรุงทางเลี่ยงเมืองแล้ว

ไม่เคยมีอุบัติเหตุแบบนี้เกิดขึ้นมาก่อน ถ้าจะถามเรื่องไฟฟ้าส่องสว่าง เราก็ยืนยันว่าได้ตรวจสอบแล้ว ไฟส่องสว่างก็ติดหมดทุกดวง ไม่น่าจะเป็นเพราะแสงสว่างน้อยได้

กรณีของนายธีรภัทร์ น่าจะเป็นเรื่องไม่ชินทาง เพราะให้ทีมงานทดสอบแล้ว ไม่ใช่ทางตรงไปลงแม่น้ำ เพราะมีโค้งหน่อยๆ จึงอาจเป็นได้ว่านายธีรภัทร์วิ่งช่องทางขวา เพราะคิดว่าเป็นวันเวย์

ทั้งนี้เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า แขวงการทางฯ ได้นำแบร์ริเออร์พลาสติกปิดกั้นช่องชั่วคราว พร้อมทั้งติดตั้งป้ายแจ้งเตือนให้รถขับไปทางขวา

หลังจากนี้จะต้องกลับไปหารือร่วมกับตัวแทนชาวบ้านในท้องถิ่นว่าจะดำเนินการแก้ปัญหาจุดนี้อย่างไร

รวมถึงพิจารณาถึงความจำเป็นในการใช้ทางเปิดของชาวบ้านว่ามีมากน้อยแค่ไหน ทำอย่างไรจึงจะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้นอีก และไม่ส่งผลกระทบทำให้ประชาชนผู้ใช้ทางเปิดเดือดร้อน

ซึ่งต้องหารือร่วมกันเพื่อหาข้อสรุป ว่าจะดำเนินการปิดทางถาวร หรือทำระบบแบบที่มีการเปิดและปิดได้

เป็นคำชี้แจงที่น่าตระหนก เมื่อสรุปว่าการเสียชีวิตเกิดจากความผิดพลาดของคนตายเอง!?

กลายเป็นคำถามว่าจะต้องมีอีกกี่ศพ ถึงจะแก้ไขได้สักที