ฟื้นศรัทธาต้นธารยุติธรรม ? ปิดแฟ้มคดีคลุมถุงดำ ‘ผกก.โจ้’ | โล่เงิน

โล่เงิน

 

ปิดแฟ้มคดีคลุมถุงดำ ‘ผกก.โจ้’

ฟ้อง 4 ข้อหาโทษสูงประหารชีวิต

ลุยต่อ! คดีฟอกรถหรูจับกินสินบน

 

คดี “อดีต ผกก.โจ้” พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล อดีต ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ร่วมกับพวกใช้ถุงดำคลุมหัวและซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดียาเสพติดจนเสียชีวิต ยังคงอยู่ในความสนใจของผู้คนในสังคมว่ากระบวนการยุติธรรมจะสามารถเอาผิดตำรวจนอกแถว แต่มีเส้นสายในวงการสีกากีได้จริงหรือไม่

นับตั้งแต่เกิดเรื่อง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในฐาะผู้นำองค์กรอาณาจักรโล่เงิน ออกมาเรียกศรัทธาขององค์กร ด้วยประโยคที่ว่า นิ้วไหนเสียต้องตัดทิ้งไม่ละเว้น เพื่อให้คนอื่นๆ เดินต่อได้ แต่ก็เชื่อว่าตำรวจที่ดีก็ยังมีอยู่ คนเลวๆ ที่ทำไม่ดีก็ต้องรับผลกรรมที่ทำเอาไว้ เราไม่สามารถเอาคนแบบนี้ไว้ได้ และฝากเป็นอุทาหรณ์ให้กับเพื่อนข้าราชการตำรวจทุกนาย ซึ่งมีกว่า 2 แสนนาย ให้ดูไว้เป็นตัวอย่าง ทำอะไรผลที่ตามมามันรุนแรงกว่าที่คิด และก็ต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่มีทางหนีพ้นได้

ต่อมา ผบ.ตร.ลงนามตั้งบิ๊กใหม่ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนคดี เนื่องจากผู้ต้องหามีพฤติการณ์ความผิดร้ายแรง เป็นคดีสะเทือนขวัญ สร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์องค์กร

มีคณะพนักงานสืบสวนสอบสวนมือฉมัง 19 นาย อาทิ “บิ๊กก้อง” พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รอง ผบช.ก. พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เป็นต้น ร่วมกันทำสำนวนการสอบสวนให้รัดกุมแน่นหนา

ซึ่งเรื่องราวดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้ายในชั้นตำรวจ ก่อนส่งสำนวนให้กับพนักงานอัยการ

 

2 พฤศจิกายน 2564 ‘บิ๊กใหม่’ เปิดเผยว่า คดีนี้สอบสวนพยาน 35 ปาก พยานเอกสารจำนวน 14 รายการ วัตถุพยานจำนวน 7 รายการ เชื่อว่ามีหลักฐานแน่นหนาเอาผิดกับผู้ต้องหาในชั้นศาลได้

ส่วนคดีรถหรูของอดีต ผกก.โจ้ ที่จับกุมเป็นรถเถื่อนส่งศุลกากร จำนวนกว่า 410 คันนั้น คืบหน้า 80% แล้ว พบพิรุธทั้งการจับกุมรถที่ไม่มีที่มาที่ไป พิรุธเรื่องการรับสินบนนำจับ ขณะนี้กำลังขยายผล คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายคน ทั้งคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของอดีต ผกก.โจ้ ตำรวจ เจ้าหน้าที่ศุลกากร

ส่วนคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตำรวจและ ปปง.ได้อายัดทรัพย์ของอดีต ผกก.โจ้ ที่สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทั้งคฤหาสน์ย่านบางชัน มูลค่า 57 ล้านบาท รถ 24 คัน ประเมินราคา 70 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1 ยูนิต 1.5 ล้านบาท ปืน 18 กระบอก 720,000 บาท รวม 131 ล้านบาท

ขณะที่อดีต ผกก.โจ้มีหนี้สิน 76.63 ล้านบาท ทำให้เหลือทรัพย์สินประมาณ 53.4 ล้านบาท

3 พฤศจิกายน 2564 ก่อนส่งสำนวนให้พนักงานอัยการ “บิ๊กก้อง” ผบช.ก.เรียกประชุมทีมพนักงานสอบสวนก่อนระบุว่า จากพยานหลักฐานที่มีอยู่ มั่นใจจะสามารถดำเนินคดีกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดในข้อหาฆ่าผู้อื่นด้วยการทารุณกรรม ซึ่งมีอัตราโทษสูงสุดคือประหารชีวิตได้

ซึ่งหลังจากนี้คงต้องรอผลการพิจารณาในชั้นศาล ยืนยันว่าการทำคดีที่ผ่านมาไม่มีการกดดันจากที่ใดเข้ามาแทรกแซง ดำเนินการตามข้อเท็จจริง รวมถึงหลักฐานที่มีอยู่ค่อนข้างครบถ้วน เอาผิดถึงที่สุดได้แน่นอน

ด้าน พล.ต.ท.จิรภพได้เล่าเหตุการณ์วันเข้าไปแจ้งข้อกล่าวหามาตรา 172 เพิ่มเติมแก่กลุ่มผู้ต้องหาในเรือนจำ มีเพียงอดีต ผกก.โจ้ที่แสดงท่าทีไม่พอใจและไม่ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ในการรับทราบข้อกล่าวหา ก่อนจะเดินกลับไปโดยไม่ได้บอกเหตุผลแต่อย่างใด

จึงต้องดำเนินการแจ้งข้อหาผ่านเจ้าหน้าที่เรือนจำ ซึ่งไม่ถือเป็นปัญหาหรือข้อกังวลเพราะถือว่าได้แจ้งให้รับทราบแล้ว

รวมถึงยังได้ทำบันทึกรายละเอียดพฤติกรรมดังกล่าวของอดีต ผกก.หนุ่มลงในเอกสารสำนวน

ถือเป็นการปฏิบัติตามขั้นตอนกฎหมายครบถ้วน

 

ช่วงบ่าย 3 พฤศจิกายน วันเดียวกัน พล.ต.ต.สุวัฒน์พร้อมด้วย พ.ต.อ.เอนกหอบสำนวน 7 แฟ้ม 2,540 หน้า พร้อมความเห็นควรสั่งฟ้อง อดีต ผกก.โจ้, พ.ต.ต.รวีโรจน์ ดิษทอง, ร.ต.อ.ทรงยศ คล้ายนาค, ร.ต.ท.ธรณินทร์ มาศวรรณา, ด.ต.วิสุทธิ์ บุญเขียว, ด.ต.ศุภากร นิ่มชื่น และ ส.ต.ต.ปวีณ์กร คำมาเร็ว

ในข้อหา “เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่อย่างใดอย่างหนึ่งในตำแหน่งหรือหน้าที่ หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด, ร่วมกับผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย, ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นหรือผู้อื่น หรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้น หรือจำยอมสิ่งนั้น” ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 157, 309 วรรคสอง, 289(5) พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 มาตรา 172

มอบให้กับนายอิทธิพร แก้วทิพย์ อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา ในฐานะโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีพิเศษ ในฐานะรองโฆษก และนายปฏิพงษ์ สละสวัสดิ์ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีกิจการอัยการสูงสุด

โดยประยุทธเผยว่า เชื่อว่าจะสามารถสรุปสำนวนยื่นฟ้องคดีต่อศาลได้ภายในกรอบเวลาที่กำหนด วันที่ 17 พฤศจิกายนนี้

ขณะที่ พล.ต ต.สุวัฒน์กล่าวว่า คดีที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ เช่น คดีนำเข้ารถหรู ก็แยกดำเนินคดีต่างหาก ซึ่งอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน คงต้องใช้เวลาระยะหนึ่ง เพราะมีเอกสารจำนวนมาก และมีอีกหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการ

กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนา ปิดฉากคดี “อดีต ผกก.โจ้” กับพวก ฟื้นศรัทธาต้นธารยุติธรรม ที่ไม่ได้มีแค่ในตำราเท่านั้น