สัญญาณชัดขึ้นเรื่อยๆ พรรคปลัดฉิ่ง ‘เสธ.ชาติ’ นำร่องทิ้ง พปชร. สแตนด์บายรอหนุน ‘ตู่’ นายกฯ/บทความในประเทศ

บทความในประเทศ

 

สัญญาณชัดขึ้นเรื่อยๆ

พรรคปลัดฉิ่ง

‘เสธ.ชาติ’ นำร่องทิ้ง พปชร.

สแตนด์บายรอหนุน ‘ตู่’ นายกฯ

 

สัมพันธภาพและดุลอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กับกลุ่มพี่น้อง 3 ป. ภายหลังเสร็จศึกการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล ที่เกิดปฏิบัติการเขย่าเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

โดยเฉพาะ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ในฐานะพี่ใหญ่ของกลุ่ม 3 ป. กับ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะยังเหนียวแน่น ตัดกันไม่ขาด จนกว่าจะตายจากกัน ตามที่ “บิ๊กป้อม” ยืนยันล่าสุดหรือไม่นั้น คงไม่มีใครจะยืนยันได้ดีไปกว่าพี่น้องในกลุ่ม 3 ป.ด้วยกันเอง

เพราะหลังจาก “บิ๊กตู่” เปิดปฏิบัติการเช็กบิลมือทำงานของ “บิ๊กป้อม” ด้วยการปลด “ผู้กองธรรมนัส” ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คงเหลือแค่เก้าอี้ ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรค พปชร. ไว้ให้ทำงาน

หลายฝ่ายจับตาและวิเคราะห์ตรงกันว่า ศึกภายในระหว่างพรรค พปชร. กับนายกฯ คงไม่จบกันง่ายๆ เหมือนอย่างที่ “บิ๊กป้อม” กับ “บิ๊กตู่” ออกมาแสดงบทหวานผ่านสื่อ

ยิ่งท่าทีและสัญญาณของ ร.อ.ธรรมนัสที่โชว์พลังขน ส.ส.พรรค พปชร. 55 คน ต้อนรับ “บิ๊กป้อม” ลงพื้นที่ตรวจน้ำท่วมที่ จ.อยุธยา แบบเกทับโชว์พลังใส่ “บิ๊กตู่” ที่ลงตรวจน้ำท่วมที่ จ.เพชรบุรีในวันเดียวกัน แต่มี ส.ส.ไปต้อนรับเพียง 9 คน

ยิ่งคำให้สัมภาษณ์ของ ร.อ.ธรรมนัสต่อการที่จะเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ ในนามของพรรค พปชร. อีกสมัยหรือไม่นั้นที่ระบุว่า “คงแล้วแต่หัวหน้าพรรคจะเป็นคนพิจารณา”

คำตอบของ ร.อ.ธรรมนัสถือว่ามีนัยยะ ทิ่มตรงต่ออนาคตของ “บิ๊กตู่” ว่าจะได้ไปต่อในทางการเมืองกับพรรค พปชร.หรือไม่

 

เมื่อสัญญาณหนุนของแม่บ้านพรรค พปชร. ซึ่งเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เสียงไม่ดังฟังไม่ชัดเหมือนในอดีตว่าจะสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” นั่งนายกฯ อีกสมัย ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ต่างรู้จุดอ่อนของตัวเองเป็นอย่างดี ในเรื่องที่อยู่ในสภาวะ “ขาลอย” กับพรรค พปชร. เนื่องจากไม่ได้เข้าไปมีบทบาทเป็นผู้บริหารพรรค ไม่มี ส.ส.สนับสนุนแบบเต็มร้อย เหมือนกับ “พล.อ.ประวิตร”

ทางหนีทีไล่ของพี่น้อง 2 ป. ทั้ง “บิ๊กตู่” และ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะพี่รองของกลุ่ม 3 ป. หากจะเดินหน้าต่อในทางการเมือง

จะต้องมีพรรคการเมืองที่จะมารองรับสัญญาณโดยตรงของพี่น้อง 2 ป.

โดยชื่อของ “พรรคปลัดฉิ่ง” ที่ขับเคลื่อนโดย “ปลัดฉิ่ง” ฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ที่จะถอดหมวกเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 กันยายนนี้ จึงมีความเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น

ในการที่จะเดินหน้าสนับสนุน “บิ๊กตู่” นั่งเก้าอี้นายกฯ อีกสมัย

เพราะ “ปลัดฉิ่ง” เมื่อเกษียณอายุจากปลัดกระทรวงมหาดไทยแล้ว หากจะเปิดหน้าถือธงนำในเส้นทางการเมือง ก็ไม่จำเป็นต้องเหนียมอายอีกต่อไป

 

หากไล่เรียงไทม์ไลน์ การจัดตั้งของพรรคปลัดฉิ่ง ถือว่าได้เตรียมตัวมาพักใหญ่ ก่อนหน้าจะเกิดความขัดแย้งในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ จนถึงขั้นแตกหักระหว่าง “พล.อ.ประยุทธ์” กับ “ร.อ.ธรรมนัส”

ซึ่งพรรคปลัดฉิ่ง หลายฝ่ายฟันธงตรงกันว่า คือ “พรรคเศรษฐกิจไทย” (ศท.)

โดยข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พบว่า มีการจดทะเบียน “พรรคเศรษฐกิจไทย”

จัดตั้งเมื่อเดือนเมษายน 2563 มีกรรมการบริหารพรรค 13 คน สมาชิกพรรค 8,759 คน

สาขาพรรค 7 สาขา ที่ทำการชั่วคราวของพรรค ตั้งอยู่ที่อาคารเอสจีทาวเวอร์ ปทุมวัน กทม.

โดยการขับเคลื่อนของพรรคปลัดฉิ่ง วางยุทธศาสตร์จะมีการทาบทาม ส.ส. และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในพื้นที่อีสาน และภาคใต้บางส่วนเตรียมไว้บ้างแล้ว

 

ความชัดเจนคือ “เสธ.ชาติ” พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตประธานยุทธศาสตร์พรรค พปชร. ในฐานะเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 12 (ตท.12) ของ “บิ๊กตู่” ที่โชว์ผลงานนำทัพพรรค พปชร.ปักธงคว้า ส.ส.ภาคใต้มาได้ถึง 13 เสียง จะนำทีมผู้สมัคร ส.ส.ออกจากพรรคพลังประชารัฐ มาเดินหน้าขับเคลื่อนกับพรรคปลัดฉิ่ง โดยมั่นใจว่า ชื่อของ “พล.อ.ประยุทธ์” ยังขายได้ในพื้นที่ภาคใต้ในศึกเลือกตั้งครั้งหน้า

โดย “เสธ.ชาติ” ระบุว่า “จะเรียกทีมงานหารือวางแผนการทำงานในพื้นที่ ส่วน ส.ส.พปชร.ในภาคใต้ที่ได้รับเลือกมา 13 คน เพราะกระแสความนิยมในตัวของนายกฯ ผมยังมั่นใจว่า ในภาคใต้ความนิยมในตัวนายกฯ ไม่ได้ลดลง”

ทั้งนี้ พรรคปลัดฉิ่ง หากจะสนับสนุนให้ “บิ๊กตู่” ไปต่อในทางการเมือง จะต้องงัดทุกกลยุทธ์สู้ศึกเลือกตั้ง เพื่อให้ได้เก้าอี้ ส.ส.มาไม่ต่ำกว่า 25 เสียง

ให้เพียงพอต่อการเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 159 กำหนด

 

หากสแกนดูชื่อชั้น “ปลัดฉัตรชัย พรหมเลิศ” นั้นถือเป็นอีกหนึ่งสิงห์ดำ รัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ที่มีบทบาทในแวดวงราชการโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย เป็นอย่างมาก

ชีวิตการรับราชการของปลัดฉิ่ง ถือว่าอยู่ระดับ “มือประสาน” ระดับต้นๆ เพราะสามารถพูดคุยประสานงานกับทุกกลุ่ม ทุกฝ่าย โดยเฉพาะกับพรรคการเมืองต่างๆ สนองนโยบายได้ทุกรัฐบาล เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ปลัดฉัตรชัยเคลียร์ให้เจ้ากระทรวงมหาดไทย ไปจนถึงนายกฯ ได้หมด

จน “บิ๊กป๊อก” เชื่อมือ และให้ความไว้วางใจนั่งปลัดกระทรวงมหาดไทยยาว 4 ปี จนเกษียณอายุราชการ

ยิ่งเครือข่ายพรรคพวก มิตรสหายของ “ปลัดฉิ่ง” ถือว่าครบเครื่องมีอยู่กว้างขวาง ทั้งวงการราชการ ทหาร และการเมือง

ส่วนเรื่อง “ทุน” สำหรับพรรคที่จะรองรับแผนงานการเมืองระดับเดิมพันด้วย “อำนาจรัฐ” ไม่น่าจะมีปัญหา

 

ส่วนพรรคปลัดฉิ่งว่าจะเปิดตัวเป็นทางการได้เมื่อใดนั้น คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ภายในพรรค พปชร. กับนายกฯ ว่ากลุ่ม 3 ป.จะยังประคับประคองสถานะของพรรค พปชร. กับรัฐบาลได้ดีแค่ไหน

เพราะหาก 3 ป.แตกหักกันเมื่อใด พลังของกลุ่มการเมืองที่สะสมมาจากการรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 กุมอำนาจในส่วนต่างๆ มากว่า 7 ปี จะเสียของซ้ำรอยรุ่นพี่ทหาร ที่รัฐประหารรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 เหมือนเช่นเคย

แต่สถานะของกลุ่ม 3 ป. ไม่ได้ดำรงอยู่ได้เพียงแค่อำนาจของ 3 ป.เพียงอย่างเดียว

ภายใต้ ป.แต่ละคน ยังมีทีมงาน ผู้สนับสนุนอีกมากมาย ที่มี “มุมมองทางการเมือง-แนวคิดเรื่องอำนาจ” แตกต่างจากกลุ่ม 3 ป.

พรรคปลัดฉิ่งคงต้องอยู่ในระดับสแตนด์บายขั้นสูงสุด รอสถานการณ์จำเป็น และพร้อมรับภารกิจ ทั้งในการเลือกตั้งไปจนถึงขั้นตอนคัดเลือกนายกฯ หลังเลือกตั้ง

น่าสนใจว่า ด้วยไฟต์บังคับการตั้งขึ้นของ “พรรคปลัดฉิ่ง” เพื่อรองรับการเดินหน้าต่อทางการเมืองของพี่น้อง 2 ป.

จะเป็นตามยุทธศาสตร์แยกกันเดิน รวมกันตี ของ “กลุ่ม 3 ป.”

ในทางการเมืองหรือไม่

หรือหากสถานการณ์ภายในกลุ่ม 3 ป. ไม่เป็นตามที่กองเชียร์คาดหมาย เกิดอุบัติเหตุให้ดุลอำนาจแตกหักกันเอง

อาจจะได้เห็น “พรรคปลัดฉิ่ง” ปรับยุทธศาสตร์ทางการเมือง เป็นแยกกันเดิน แล้วมาตีกันเอง กับพรรค พปชร.