เผยแพร่ |
---|
ไม่ ฉันไม่อ่านงานของอุรุดา
งานของเธอน่ากลัวเกินไป ใกล้ตัวเกินไป รู้ทันจิตใจมากเกินไป
ฉันเคยเดินผ่านอุรุดาวอบแวบ ยกมือสวัสดี ก็แค่นั้น แค่นั้นจริงๆ ไม่เคยรู้ที่มาที่ไป ไม่เคยรู้อดีตของเธอ
งานของเธอที่เคยผ่าน ฉันก็จดจ่ออยู่สักสามย่อหน้า ก่อนสัญญาณเตือนในหัวดังระงม
-อันตราย-
รีบพลิกหน้าผ่าน ใจเต้นตึกตัก
ไม่อ่าน อย่าอ่าน
เรื่องสั้นไม่ควรรุกรานเราถึงเพียงนี้ จับคั้นเราได้ขนาดนี้
งานของอุรุดาเหมือนกำลังจับจ้องฉัน
เขม้นมองหาความรู้สึกผิดที่กลบฝังแอบซ่อน
แต่มันก็นานมาแล้ว
วัยวันที่ยังใจเต้นเหล่านั้นมันผ่านฉันไปนานเหลือเกินแล้ว
ฉันจึงหยิบนวนิยายเรื่องนี้ของอุรุดาขึ้นมา
และเริ่มอ่าน
“สิ่งล้ำค่าที่ “กนกพงศ์ สงสมพันธุ์” ฝากไว้ให้คนรุ่นหลังก็คือผลงานวรรณกรรมอันทรงคุณค่า ทว่า ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่คงเหลือร่องรอยให้เล่าขาน นั่นคือความรักอันเบ่งบานระหว่างเขากับ “อุรุดา โควินท์”
“หยดน้ำหวานในหยาดน้ำตา” จึงเป็นนวนิยายที่ถูกเขียนขึ้น เพื่อจดจารถึง “เขา” และ “เธอ” เมื่อกว่าสิบปีก่อน อย่างน้อยก็เพื่อตระหนักว่า…ถึงแม้บางอย่างจะผันแปรเปลี่ยนไป ทว่าความรัก ความผูกพันที่เคยกำเนิดเกิดก่อ ย่อมไม่อาจลบลืมได้…”*
มันทั้งกล้าหาญและเพ้อคลั่ง หากฉันเป็นแม่คน หนังสือเล่มนี้จะอันตรายมากหากให้ลูกได้อ่าน
แต่ในขณะเดียวกันก็บอกฉันไปด้วยว่าชีวิตคนเช่นนี้ เราต้องการสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากๆ ที่เรียกว่าความรักมาเป็นตัวอธิบายการกระทำของเราอย่างหมดจด มันไม่สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ความฝันอันงดงามที่คนเป็นแม่อยากให้เกิดแก่ลูก
แต่มันเป็นความฝันอันงดงามของหญิงสาวทุกคน ผู้เคยคิดว่าอยากจะอยู่ในห้วงรักอันทรงพลังเช่นนี้สักครั้งในชีวิต
ความกล้าหาญแบบที่ส่งผู้หญิงคนหนึ่งย่างเท้าเข้าป่า ถางหญ้าบุกพง
ความกล้าหาญแบบที่จะนั่งรอใครบางคนได้ทั้งวัน ทุกวัน
“อยู่ด้วยกันนะ”
มันจะเป็นเช่นไรถ้าเป็นคนในเงา
หญิงสาวของนักดนตรีในตำนาน
ลูกของผู้กำกับใหญ่
ความเป็นผู้หญิงกำหนดชั้นให้เราอยู่แล้ว เป็นทั้งพรและคำสาปในเวลาเดียวกัน
เราอาจดูเหยาะแหยะเยื้องย่าง เราอาจดูโลเลล่องลอย
แต่เราเป็นเรา เราล้วนมีตัวตนทั้งกายเนื้อและจิตใจที่เป็นของเรา
เราจะต้องเข้มแข็งขนาดไหนที่จะไม่ถูกลบเลือนกลืนหายภายใต้เงาของผู้อยู่ข้างหน้า แจ่มชัดพอจะมองเห็น แต่งำประกายไม่ให้จรัสแสงแซงหน้า
เราล้วนมีเรื่องอยากเล่า
เรื่องเดียวกันกับที่ผู้ชายอาจใช้คำโอ่อ่ากว้างขวาง
เรื่องเช่นนั้นมีเพียงผู้หญิงจะมองเห็นเศษด้ายหลุดจากผืนผ้าทออันงดงามใหญ่โต
เส้นด้ายเหล่านั้นที่ประกอบขึ้นมาทีละเส้น
เป็นเรื่องราวของชีวิต
“ผลงานจะปกป้องเรา”
กนกพงศ์กล่าวต่ออุรุดา
พี่จ๋า…
แม้เป็นเพียงตัวพิมพ์ แต่เสียงจ๋าของเธอละห้อยหา สะท้อนก้องไปในสวนป่าและคันคลอง
นี่เป็นนิยายที่โรแมนติกอย่างร้ายกาจ ไม่สิ, มันไม่ใช่นิยาย มันคือการกรีดเลือดรวมน้ำตาออกมาเขียน
คนคนหนึ่งที่เป็นทั้งปัจเจกบุคคลเดี่ยว และเป็นทั้งคนในเงาของผู้ยิ่งใหญ่ข้างๆ เธอ
อุรุดา โควินทN ไม่ใช่แค่เขียนบันทึกประจำวัน ไม่ใช่แค่เขียนบันทึกความทรงจำ แต่เป็นเรื่องที่หวานปานจะหยด การเติบโตของผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่รู้ว่าปลายทางของความรักที่เธอพบเจอจะมาถึงรวดเร็วถึงปานนั้น
ฉันกูเกิลค้นข่าวเรื่องเกี่ยวกับการเสียชีวิตของคุณกนกพงศ์ มีเพียงประโยคเดียวที่พิมพ์ชื่อเธอ
แต่นั่นไม่สำคัญเลย ว่าจะมีชื่อหรือไม่
หนังสือเล่มนี้ยืนยันแล้วว่าเขาและเธอจะมีกันและกันไปตลอดกาล
———————————————————————————–
*ข้อความจากหนังสือ