ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 สิงหาคม - 2 กันยายน 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | กาแฟดำ |
ผู้เขียน | สุทธิชัย หยุ่น |
เผยแพร่ |
กาแฟดำ
สุทธิชัย หยุ่น
คาบูล 2021 ไซ่ง่อน 1975
ล่องแจ้ง (ลาว) 1974
สามภาพที่เห็นอยู่นี้คือการ “หนีตายอย่างจ้าละหวั่น” ของคนเวียดนามใต้ที่ไซ่ง่อนปี 1975, ชาวม้งในลาวเมื่อ 1974 และที่สนามบินคาบูล, อัฟกานิสถานในเดือนนี้ปี 2021
ทั้งสามกรณีมีความเหมือนกันตรงที่สหรัฐทิ้งคนของประเทศที่ตนอ้างว่าสนับสนุนให้สู้เพื่อประชาธิปไตยหลังจากที่พ่ายแพ้การสู้รบกับนักรบท้องถิ่น
ประวัติศาสตร์จารึกว่ามหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกต้องแพ้นักรบที่มีความมุ่งมั่นจะปกป้องความเป็นชาติของตนแม้จะเสียเปรียบในทุกด้าน
เหตุการณ์ที่ไซ่ง่อนกับที่คาบูลอาจจะเป็นข่าวในช่วงนี้
แต่ภาพที่ “ล่องแจ้ง” ของลาวอาจจะไม่เป็นที่รับรู้กันมากนัก
คุณแคน สาริกา คนข่าวที่ติดตามสถานการณ์ในอินโดจีนมายาวนานบอกผมว่าภาพที่ล่องแจ้งเป็นฝีมือถ่ายของ ดร.ยัง ดาว อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยในสหรัฐ
ท่านเป็นคนม้งและได้บันทึกภาพของการที่ชาวม้งต้องแห่กันไปขอขึ้นเครื่องบินอเมริกันที่ล่องแจ้งหลังจากสหรัฐพ่ายสงครามเวียดนาม
คุณแคนพาดหัวภาพชุดนี้ว่า “นาที…หนีตาย…ล่องแจ้ง-อุดรธานี”
คุณแคนเขียนบรรยายไว้ว่า
ภาพเหตุการณ์จริงที่สนามบินล่องแจ้ง ปี 2517 (1974)
หลังสหรัฐถอนทหารออกจากเวียดนามใต้
ซีไอเอสั่งถอนทหาร ‘เสือพราน’ ออกจากลาว
ทหาร “แนวลาวฮักชาติ” และอาสามัครเวียดนาม ยึดเนินสกายไลน์
นายพลวังเปาจึงเริ่มอพยพทหารม้งและครอบครัว
ทิ้งถิ่นฐานบัานเกิดเมืองนอนมาอยู่เมืองไทย
ซีไอเอส่งเครื่องบิน C-130 และ C-46 อีก 2 ลำ
ไปรับชาวม้ง 2,500 คน ออกจากล่องแจ้ง มาลงที่สนามบินอุดรฯ
บินวันละ 3-4 เที่ยว เที่ยวละ 60-80 คน
ชาวม้งอีกหลายหมื่นคนเดินเท้าบุกป่าฝ่าดง
ออกจากเชียงขวาง สู่ไซยะบุลี และข้ามพรมแดนเข้าไทย
ไปอยู่ใน จ.เชียงราย จ.น่าน และ จ.เลย
ล่องแจ้ง คือกองบัญชาการทหารม้งของนายพลวังเปา ที่สหรัฐสนับสนุนผ่านซีไอเอ
มีภารกิจต่อต้านคอมมิวนิสต์เวียดนามในแผ่นดินลาว
เสือพราน คือทหารอาสาสมัครไทย
โดยการดูแลของ บก.333 และซีไอเอ ที่อุดรธานี
นั่นคือภาพ “หนีตาย” ที่ลาวในปี 1974
ต่อมาในเดือนเมษายน 1975 ทหารเวียดนามเหนือรุกคืบเข้าเวียดนามใต้หลังจากประธานาธิบดีเจรัลด์ ฟอร์ด ประกาศถอนทหารอเมริกันออกจากเวียดนามภายใต้นโยบาย Vietnamisation (ทำให้สงครามเป็นการสู้รบระหว่างคนเวียดนามกันเอง) ซึ่งเป็นฉากกำบังก่อนจะทิ้งเวียดนามใต้ให้สู้กับเวียดนามเหนือตามลำพัง
เย็นวันที่ 28 เมษายน 1975 ประธานาธิบดีฟอร์ดกำลังประชุมกับทีมงานด้านพลังงานอยู่ในทำเนียบขาว รองหัวหน้าที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงเดินเข้ามาในห้องและส่งข้อความในกระดาษให้
กระดาษแผ่นจิ๋วๆ นั้นบอกว่า “ไซ่ง่อนกำลังจะแตก…และเร็วกว่าที่เราคาดเอาไว้”
ก่อนหน้านี้หลายสัปดาห์ สมาชิกคองเกรสและกระทรวงกลาโหมได้เสนอให้ฟอร์ดอพยพทหารอเมริกันและพันธมิตรเวียดนามใต้ออกจากไซ่ง่อนให้เร็วกว่าตารางเวลาเดิม
เพราะสัญญาณเริ่มจะบ่งชัดว่ากองกำลังของเวียดนามใต้ไม่อาจจะต้านการรุกคืบของทหารเวียดนามเหนือได้แล้ว
ผ่านมา 46 ปี วันที่ 15 สิงหาคม 2021 นักรบทาลิบันมาประชิดเมืองหลวงคาบูลของอัฟกานิสถานหลังจากใช้เวลาเพียง 10 วันในการยึดเมืองเอกกว่า 10 เมือง
สหรัฐส่งทหารมายึดอัฟกานิสถานได้ 20 ปี ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศ ณ เดือนเมษายนของปีนี้ว่าจะถอนทหารอเมริกันกลับบ้านให้หมดก่อน 11 กันยายนปีนี้
ตรงกับเหตุการณ์การก่อการร้ายกลางกรุงนิวยอร์กเมื่อปี 2001 อันเป็นสาเหตุที่ทำให้สหรัฐต้องส่งทหารมาไล่ล่าโอซามา บิน ลาเดน ที่เป็นผู้บงการการก่อเหตุร้ายที่สหรัฐ
ก่อนหน้าการยึดคาบูลโดยทาลิบันเพียงเดือนเดียว ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ยืนยันกับนักข่าวว่า แม้ทหารอเมริกันจะถอนตัวออกไป แต่เหตุการณ์แบบ “ไซ่ง่อนแตก” จะไม่เกิดที่ “คาบูล” เพราะสถานการณ์แตกต่างกัน
แต่กลับไม่มอง “ความเหมือน” ที่เป็นต้นตอแห่งการล่มสลายของทั้งสองกรณี
ไบเดนอ้างว่าวอชิงตันได้สร้างกองทัพอัฟกันที่แข็งแกร่งและได้เตรียมการตั้งรับทาลิบันอย่างดี
ที่ไหนได้…พอทหารอเมริกันเริ่มถอนตัว และทาลิบันลุยยึดเมืองต่างๆ มุ่งสู่เมืองหลวง ทหารอัฟกันที่สหรัฐและพันธมิตรฝีกฝนมาก็ถอดใจ
นักรบทาลิบันสามารถเข้ายึดคาบูล ตั้งโต๊ะแถลงข่าวในทำเนียบประธานาธิบดีโดยไม่เจอกับการต่อต้านจากกองกำลังของรัฐบาลอัฟกันเลยแม้แต่น้อย
เพราะก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง ประธานาธิบดีอาฟรัฟ กานี ของรัฐบาลอัฟกันและบริวารได้บินหนีจากประเทศไปอยู่เพื่อนบ้านทางเหนือเรียบร้อยแล้ว
ไม่ต่างอะไรกับภาพของวันที่ 30 เมษายน 1975 ที่กองกำลังเวียดนามเหนือสามารถคุกเข้ายึดทำเนียบประธานาธิบดีของเวียดนาใต้โดยไม่มีการต่อต้านจากทหารท้องถิ่นเลย
ทาลิบันคงงุนงงกับความง่ายดายของการเข้ายึดเมืองหลวงได้
ทำนองเดียวกับที่ทหารเวียดนามเหนือก็แปลกใจที่รถถังจากทางเหนือสามารถแล่นเข้าไซ่ง่อนได้อย่างปราศจากแรงเสียดทานใดๆ จากทหารเวียดนามใต้
ทั้งๆ ที่สหรัฐได้ประกาศก่อนหน้านี้อย่างมั่นอกมั่นใจว่าได้ทุ่มเทงบประมาณมหาศาลในการสร้างกองทัพเวียดนามใต้ (เหมือนที่ไบเดนอ้างว่าได้ทำให้กับรัฐบาลอัฟกัน) เพื่อปกปักรักษาฐานที่มั่นและอำนาจการบริหารประเทศต่อไปได้แม้จะไม่มีทหารอเมริกันคอยปกป้องแล้วก็ตาม
ในปี 1975 นั้นประธานาธิบดีฟอร์ดรับมรดกของสงครามเวียดนามจากอดีตผู้นำหลายคน
ก่อนหน้านั้นสองปี ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ได้เริ่มถอนทหารอเมริกันกลับจากเวียดนาม
แต่ก็ยังคงนักการทูต, ฝ่ายข่าวกรองและทหารจำนวนหนึ่งเอาในเวียดนาม
ก่อนหน้า 30 เมษายน 1975 มีเสียงเรียกร้องจากเจ้าหน้าที่สถานทูตสหรัฐและชาวเวียดนามใต้ที่ทำงานให้กับอเมริกาได้ขอร้องอ้อนวอนให้ช่วยอพยพพวกเขาออกนอกประเทศก่อนที่ทหารเวียดนามเหนือจะรุกมาถึงเมืองหลวง
แต่การสั่งการล่าช้า ไร้แผนถอยอย่างเป็นระบบ และประเมินความแข็งแกร่งและรวดเร็วของทหารเวียดนามเหนือต่ำไป
ทำให้เกิดความโกลาหล, จ้าละหวั่นและสับสนอลหม่านเกิดขึ้นทั้งที่ไซ่ง่อนปีนั้นและคาบูลปีนี้อย่างที่เห็นกัน
ฉากเล็กๆ ที่ล่องแจ้งของลาวในปี 1974 ที่ขนชาวม้งอพยพหนีมาอุดรธานีของไทยเป็นการตอกย้ำว่าการถอยร่นของสหรัฐเป็นไปอย่างชุลมุนและไร้การวางแผนโดยสิ้นเชิง
มหาอำนาจอย่างสหรัฐไม่เคยเรียนรู้อะไรจากประวัติศาสตร์แห่งความล้มเหลวของตัวเองจริงๆ!