เผยแพร่ |
---|
นับแต่สถานการณ์ตอนค่ำของวันที่ 1 สิงหาคมเป็นต้นมา พื้นที่สาม เหลี่ยมดินแดนซึ่งประชิดติดกับหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราช วัลลภรักษาพระองค์ก็กลายเป็นพื้นที่อันตราย
ตามนิยามไม่ว่าจะจาก นายสมบัติ บุญงามอนงค์ ไม่ว่าจะจาก นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ นี่คือพื้นที่เสี่ยงและมีความเปราะบาง
เปราะบางที่จะเกิด “อันตราย” เสี่ยงที่จะเกิด”ปะทะ”
ยิ่งเมื่อผ่านสถานการณ์ในตอนค่ำของวันที่ 13 สิงหาคม นักสัง เกตการณ์สัมผัสได้ต่อสภาวะที่อาจบานปลายไปโดยรอบพื้นที่อย่าง น่าวิตก
ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ของอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ซอยรางน้ำ ถนนราชปรารภ และรวมถึงพื้นที่อันเป็นที่อยู่อาศัยของ ชุมชนดินแดง
ภาพที่การปะทะและไล่ล่าบานปลายและขยายไปจนถึงเวลา 21.00 น.ของคืนวันที่ 15 สิงหาคม เด่นชัดยิ่งว่าเริ่มน่ากลัว
จากคลิปการเข้าตรวจค้น จากคลิปการจับกุมคนบนท้องถนน
ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่า มวลชนที่เดินทางไปปักหลัก ณ พื้นที่โดยรอบสามเหลี่ยมดินแดง และพยายามจะเข้าไปเหยียบพื้นที่หน้า กรมทหารราบที่ 1 ประกอบส่วนขึ้นอย่างไร
ได้แต่คาดเดาว่าน่าจะเป็นกลุ่ม”คนพันธุ์ อาร์” และมีสายสัมพันธ์กับกลุ่ม”มอเตอร์ไซค์”อย่างแนบแน่น
โดยพื้นฐานพวกเขาดำรงอยู่อย่างเป็นฝ่ายตรงกันข้ามกับเจ้า หน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว ยิ่งประสบเข้ากับแก๊สน้ำตา กระสุนยาง ตลอด จนรถฉีดน้ำ ยิ่งก่อให้เกิดการท้าทายอย่างต่อเนื่อง
เป็นความท้าทายในลักษณะ”ลองของ”โดยที่”ของ”ซึ่งพวกเขามี อยู่เป็นเพียงหนังสติก ลูกแก้ว เป็นพลุและระเบิดในแบบโมโลตอฟ
แต่ก็ดาหน้าเข้าท้าทายกับ”คฝ.”ซึ่งมีอาวุธในมือเต็มพิกัด
มวลชนเหล่านี้เข้าร่วมเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ยุคแฟล็ชม็อบ เดือนกุมภาพันธ์ และรวมถึงการปรากฏขึ้นของ”เยาวชนปลดแอก”ในเดือนกรกฎาคม 2563
กลายเป็นองค์ประกอบซึ่งขาดไม่ได้ในการเคลื่อนไหวการเมือง
เพียงแต่เมื่อมาถึงเดือนสิงหาคม 2564 ลักษณะการรวมกลุ่มดำเนินไปด้วยความคีกคักและขยายตัวเป็นอย่างสูง
ด้านหนึ่ง ขึ้นต่อการเคลื่อนไหวใหญ่ ด้านหนึ่ง มีลักษณะอิสระ