เผยแพร่ |
---|
พื้นที่บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาเล็กราชวัลลภ และสามเหลี่ยมดินแดงกำลังได้รับการพัฒนาและยกระดับไปอยู่ในชั้นแห่งความเป็นพื้นที่พิเศษ
แม้ว่าจะมิได้ดำรงอยู่อย่างเป็นพิเศษทุกวัน แต่ก็เด่นชัดว่าทุกวันที่มีการนัดหมายการชุมนุม
ไม่ว่าจะเป็นเมื่อวันที่ 1 สิงหาคมซึ่งนัดหมายกันที่แยกราชประ สงค์ นัดหมายกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย แต่ก็ผ่านเส้นทางหน้ากรมทหารราบที่ 1 บนถนนวิภาวดี รังสิต
แม้ นายสมบัติ บุญงามอนงค์ จะประกาศยุติการเคลื่อนไหวไปเสร็จสรรพแล้ว แต่เมื่อมีมวลชนส่วนหนึ่งยังติดเนื้อพึงใจพื้นที่หน้ากรมทหารราบที่ 1 ก็นำไปสู่สถานการณ์แห่งการปะทะ
ลักษณะอย่างเดียวกันนี้ยังเกิดขึ้นตามมาไม่ว่าจะเป็นสถาน การณ์#ม็อบ7สิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์#ม็อบ10สิงหาคม
และล่าสุดก็คือ สถานการณ์#ม็อบ13สิงหาคม
ทั้ง 3 วันนี้ผู้รับผิดชอบการชุมนุมได้ประกาศยุติการชุมนุมแล้วแต่ก็ยังมี”มวลชน”จำนวนหนึ่งยังค้างคาอยู่
สถานการณ์บริเวณหน้ากรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กราชวัลลภสำแดงตัวออกมาอย่างเด่นชัดว่า ไม่ต้องการให้มีการไปเยือนในเชิง ยืดเยื้อ
ทันทีที่ผู้ชุมนุมเข้าไปแตะหรือเข้าใกล้ตู้คอนเทนเนอร์อันตั้งสูงตระหง่านการยิงแก๊สน้ำตา การยิงกระสุนยางจะตามมา
สถานการณ์ในลักษณาการเดียวกันนี้ปรากฏขึ้นตั้งแต่ตอนค่ำของวันที่ 1 สิงหาคม และเริ่มบานปลายออกไปเป็นลำดับนับแต่ตอนค่ำของวันที่ 12 และ 13 สิงหาคม
นั่นก็คือ มิได้จำกัดแต่เพียงหน้ากรมทหารราบที่ 1 มิได้จำกัดแต่เพียงบริเวณสามเหลี่ยมดินแดน หากขยายออกไปโดยรอบ
ไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ไปยังแฟล็ทดินแดง
ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เมื่อตอนค่ำของวันที่ 1 สิงหาคม ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์เมื่อตอนค่ำของวันที่ 13 สิงหาคม เริ่มต้นและจบลงอย่างเดียวกัน
นั่นก็คือ มีการปะทะมีการขยายวงและสิ้นสุดก่อน”เคอร์ฟิว”
ด้านหนึ่ง เกิดความเคยชินในการใช้แก๊สน้ำตา กระสุนยาง ด้านหนึ่ง เกิดความเคยชินในการไปเยือนและวิ่งหนี
เป็นการละเล่น เพียงแต่เป็นการละเล่นบนฐานแห่งรุนแรงยั่วยุ