ครัวอยู่ที่ใจ l ทางรอดอยู่ในครัว : ปลาทู ข้าวก้นหม้อ และใจแม่ครัว / อุรุดา โควินท์

 

ทางรอดอยู่ในครัว

: ปลาทู ข้าวก้นหม้อ และใจแม่ครัว

 

ฉันชอบทำอาหารมาก (มาก) แต่ฉันไม่เคยบอกใครต่อใคร ว่าการทำอาหารเป็นเรื่องสนุก หรือเป็นงานสบาย

ข้อแรก คำว่าสบายกับสนุกของแต่ละคน ไม่เหมือนกัน

ข้อสอง ทักษะงานครัวของแต่ละคนไม่เท่ากัน

ข้อสาม ความพร้อมในการทำครัวของแต่ละบ้าน (แต่ละคน) ก็ต่างกัน

นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่ล่อลวงคนอื่นเข้าครัวด้วยความเท็จ

ฉันจะบอกความจริงกับทุกคน ว่าครัวเป็นงานที่ต้องใช้แรง ใช้เวลา หัวเหม็น ถ้าทำของทอดหรือผัดไฟแรง หากคุณแต่งหน้า เมกอัพอาจไหล แกะหัวหอมก็แสบตา บีบมะนาวด้วยมือเปล่ามากๆ ก็แสบมือ

อย่างสั้นที่สุด อาหารเป็นสิ่งที่คุณต้องจ่าย หากไม่จ่ายเป็นเงินให้คนอื่นทำ คุณต้องจ่ายด้วยเวลาและการลงมือของคุณ

ฉันเลือกอย่างหลัง เพื่อที่ฉันจะใช้เงินน้อยลง และฉันรู้สึกดี ที่รู้ว่าฉันกินอะไรไปบ้าง ทำมันขึ้นมาอย่างไร ฉันมีความสุขเมื่อเห็นคนที่ฉันรักกินอาหารฝีมือฉัน

ใช่ นั่นหมายถึง ก่อนหน้านั้น ฉันอยู่ในครัว หั่น ตำ ซอย ผัด ล้าง และล้าง (กินเสร็จก็ยังต้องล้าง)

ฉันยินดีทำ ไม่ใช่เพราะสนุก แต่เพราะฉันเห็นคุณค่า และมูลค่าของมัน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เราควรกินอาหารในบ้านมากกว่านอกบ้าน คุณค่าและมูลค่าของงานครัวจึงขยับสูงขึ้น

 

ฉันไม่ได้เก่งกาจกว่าใคร ฉันไม่ได้มีความพร้อมนัก แต่เหมือนกับทุกเรื่องที่เลือกทำ ฉันมีหัวใจให้การครัวเกินร้อย

มองผาดๆ คนอาจคิดว่าฉันมีครัวที่พรั่งพร้อม เปล่าเลย ครัวปัจจุบันของฉัน เป็นครัวเดิมของน้องสาว เธอต่อเติมออกมาจากตัวบ้าน ไม่ใช่ครัวที่พร้อมทำงาน แต่อย่างน้อยก็มีโครงสร้าง ฉันเลือกปรับปรุงจากโครงสร้างเดิมเพื่อความประหยัด ให้เป็นครัวที่ใช้งานได้จริง ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นครัวที่ฉันต้องทนกับความร้อน ยุง และฝุ่น

หลังคาเมทัลชีตอย่างบางรับแดดทั้งวัน ในฤดูร้อน หากทำอาหารมื้อกลางวันนับเป็นการบำเพ็ญทุกรกิริยาหนึ่ง มื้อเย็น ฉันต้องเจอกับยุง ในฤดูหนาวมีบ้าง ในฤดูร้อนมากหน่อย ในฤดูฝนมากสุด มากชนิดที่ต่อให้จุดยากันยุงแล้ว ฉันก็ยังต้องซอยเท้าทำอาหาร

ในช่วงสัปดาห์นี้ อากาศร้อนและมีฝน ฉันต้องรับมือกับความร้อนและยุง (ทั้งวัน)

น่าเบื่อ น่ารำคาญ

แต่ฉันก็ยังเข้าครัว

 

ฉันวางแผนการครัวเสียใหม่ ถ้าจะกินแกงมื้อเย็น ฉันรีบแกงเสียตั้งแต่เช้า (ยุงน้อย และร้อนน้อยหน่อย) มื้อกลางวันต้องเร็วที่สุด ฉันทำไข่เจียวราดข้าว ทำผัดผัก และจะสบายตัวนัก หากทำแซนด์วิช แต่ก็นั่นล่ะ ใครจะกินแซนด์วิชได้ทุกวัน

บางมื้อกลางวัน ทำงานจนเหนื่อย ไม่เหลือแรงให้ครัว ฉันสั่งแกร็บ ย่อมมีวันแบบนั้น แต่น้อยกว่าวันที่ฉันเข้าครัว

เพราะร้อน เวลาครึ่งวันเช้าจึงมีค่า ทำมื้อเช้ากินแล้ว วันนี้ฉันกวนสบู่ไปห้าแบช สบู่กวนมือเป็นรายได้เสริมของฉัน และฉันเพลินกับมันมาก (ถ้าไม่ร้อน ไม่มียุง จะเพลินกว่านี้)

คล้ายว่าแค่เดินไปเดินมา จากมื้อเช้าก็ถึงมื้อกลางวัน

ถือเป็นเรื่องท้าทายอย่างมาก คำถามก็คือ ฉันจะเข้าครัวหรือไม่

ยืนทำสบู่มาสามชั่วโมง หลังชื้นเหงื่อ อยากเข้าไปอยู่ในห้องแอร์ สั่งอะไรมากิน

ตลาดก็ยังไม่ได้ไป แต่จำได้ว่ามีปลาทู แตงกวาก็น่าจะมี

โอเค ไม่ต้องคิดแล้ว ต้องชนะตัวเองสิ เดินเข้าครัวคือจบ

 

เปิดเตา ทอดปลาทูสองตัวด้วยไฟอ่อน ทำพริกน้ำปลา โชคดีที่พริกยังสด และเป็นพริกขี้หนูสวน

ข้าวที่เหลือก้นหม้อนั่นล่ะ เอามาผัด

กินข้าวกับปลาทูทอด มันน่าเบื่อ ต้องแกะปลาทูตอนกินอีก ทำข้าวผัดปลาทูดีกว่า

ทอดปลาทูแล้ว แกะเอาแต่เนื้อ ยีให้เป็นชิ้นเล็ก ทุบกระเทียมให้เยอะกว่าข้าวผัดอื่นสักหน่อย

ผัดกระเทียมให้หอม ใส่ปลาทูทอดลงไปพร้อมกับข้าว เร่งไฟแรง ปรุงรสด้วยน้ำมันหอยนิดหน่อย เกลือ และน้ำปลา

ข้าวผัดปลาทูเข้ากับน้ำปลามาก ปรุงด้วยน้ำปลาดีกว่า ตัดน้ำตาลปลายช้อนชา ใช้น้ำมันน้อยๆ ผัดให้ข้าวร้อน และแห้ง แล้วปิดเตา

ไข่ไม่สด ฉันก็เลยทอดให้เป็นไข่ดาวกรอบ

มีแตงกวาเป็นผักข้างจาน และได้บีบมะนาวให้สดชื่น

 

“บ่ายแก่ค่อยไปตลาดนะ” ฉันบอกเขา “กินข้าวผัดซีดๆ ไปก่อน”

เขายิ้ม

“ก็โอเคอ่ะนะ เบื่อแซนด์วิช…แล้ว…”

“อร่อยจะตาย” เขาว่า

ฉันหัวเราะ อร่อยจริงๆ ต่อให้หน้าตาพื้นๆ ก็เถอะ

พอเรากินเสร็จ เขาเก็บจาน หันมาบอกฉัน “ไปอาบน้ำแล้วเล่นกับหมานะ หมาคิดถึง หมารออยู่ในห้องแอร์น่ะ”

เห็นฉันยังเฉย เขารีบบอก “ไม่ต้องห่วงจาน เดี๋ยวล้างเอง”

ฮือ เหนื่อย ร้อนมากด้วย แต่ฉันดีใจที่ได้ทำข้าวผัดให้เขากิน