E-DUANG : คนละเรื่อง จาก #ปล่อยเพื่อนเรา เข้ากับ  กรณี ธรรมนัส พรหมเผ่า

ไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับ #ย้ายประเทศกันเถอะ ไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับคดีของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ว่าเรื่องเกี่ยวกับ #ปล่อยเพื่อนเรา

เหมือนกับเป็นคนละเรื่อง แต่ดำเนินไปแบบคนละเรื่องเดียวกัน

รากฐานอย่างแท้จริงเป็นเรื่องในทาง”อารมณ์”อันสาวลึกได้ไปยัง “ความคิด” ที่หลากหลาย

เป็นอารมณ์ที่ “หงุดหงิด” ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงเป็นอย่างนั้น

อย่างเช่นในกรณี #ย้ายประเทศกันเถอะ แรกทีเดียวเป็นเรื่องของความอึดอัดคับข้องใจในด้านอาชีพการงานที่ตีบตันหดแคบจาก สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัส

เริ่มจากมาตรการ”ล็อกดาวน์”รอบแรกเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ปิดเมือง งดจ้าง ปิดร้าน งดขายของ ร้านค้า อาหาร ธุรกิจกลางคืน กระทบกระเทือนกันถ้วนหน้า

แต่เมื่อรวมตัวกันเพื่อเสาะหนทางออกเฉพาะหน้า ปรากฏว่ามีผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันเพียงแค่ 3 วันทะลุ 6 แสน

จากปัญหาในทาง”เศรษฐกิจ”ก็กลายเป็นปัญหาในทาง”ความ คิด”และทำท่าว่าอาจบานปลายกลายเป็นปัญหาในทาง”การเมือง”

 

เหมือนกับกรณี #ย้ายประเทศกันเถิด จะแตกต่างกับกรณีที่เกิดการ เปล่งคำขวัญ #ปล่อยเพื่อนเรา แต่พลันที่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรม นูญในกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ปรากฏขึ้น

ไม่ว่าเรื่องของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ไม่ว่าเรื่องอันเป็นรากฐานแห่ง #ปล่อยเพื่อนเรา ก็มาอยู่ใน”พื้นที่”ใกล้เคียงกัน

กลายเป็นเรื่อง”การเมือง”อันเนื่องแต่กระบวนการ”ยุติธรรม”

ยอมรับเถิดว่า ไม่ว่ามุมมองจากด้านของ “อำนาจรัฐ” ไม่ว่ามุมมองจากด้านของ “ประชาชน” แม้ว่าความเห็นจะแตกต่างกัน แต่ในที่สุดก็มองและสรุปได้ว่าเป็นปัญหาในทาง”การเมือง”

หากไม่เห็นเป็นการเมืองจะมีเสียงคำรามจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมละหรือ หากไม่เห็นเป็นการเมืองการดำรงอยู่ของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะกลายเป็นคำถามละหรือ

ยิ่งกระหึ่มแห่งน้ำเสียง #ปล่อยเพื่อนเรา ยิ่งสัมพันธ์กับปฏิบัติ การ #ยืนหยุดขังอย่างใกล้ชิดและแนบแน่น

 

ในที่สุด ความรู้สึกต่อกรณี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า กับเงาสะท้อนแห่ง #ย้ายประเทศกันเถอะ ตลอดจนกระหึ่มแห่งเสียง #ปล่อยเพื่อนเรา ก็จะประมวลเข้าเป็นเรื่องเดียวกัน

เป้าหมายจึงรวมศูนย์ไปยังกลไกแห่งอำนาจอันมี พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นผู้กำกับและดำเนินการ

เริ่มจากอารมณ์ยกระดับเป็นความคิดและไปสู่การเมือง