สรุปข่าวมติชนสุดสัปดาห์

โปรดเกล้าฯ 4 รมต.ใหม่ถวายสัตย์

ทรงให้มีกำลัง “ใจ-กาย-ปัญญา” ทำหน้าที่

เมื่อวันที่ 27 มีนาคม พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นำ 4 รัฐมนตรีใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ดังนี้ 1.นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ 2.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม 3.นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และ 4.นายสินิตย์ เลิศไกร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์

ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำรัส ความว่า ขออำนวยพรให้มีกำลังใจ กำลังกาย กำลังปัญญา ในการปฏิบัติหน้าที่ให้ดี เชื่อว่าการปฏิบัติหน้าที่คงจะเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทั้งต่อประเทศชาติและประชาชน

 

‘วิษณุ’ มั่นใจ กม.ประชามติผ่าน

เชื่อ ส.ว.ไม่น่าส่งศาล รธน.ตีความ

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) บางส่วนระบุ หากร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยการออกเสียงประชามติผ่านวาระ 3 แล้วจะยื่นศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าบางมาตราอาจขัดรัฐธรรมนูญ ว่า ไม่รู้ว่าจะยื่นได้ด้วยหรือเปล่าด้วยซ้ำไป เพราะ ส.ว.ยังไม่ได้ดูมาตรา 10 มาตรา 11 และมาตรา 12 หากดูไปถึงมาตราเหล่านั้น อาจจะเข้าใจและไม่สงสัยก็ได้ ถ้ายังสงสัยอยู่ก็มีสิทธิยื่นตีความ

“คิดว่า พ.ร.บ.จะไปได้ ไม่มีปัญหาอะไร มั่นใจว่าจะผ่าน เมื่อแนะนำไปแล้ว” รองนายกฯ กล่าว

 

โฆษกแจงข้อมูลโซเชียลบิดเบือน

ยันศาลฎีกาไม่ถกปม “ประกันตัว” ม.112

จากกรณีที่มีการแชร์ข้อความทางโซเชียลมีเดียเฟซบุ๊ก พาดพิงถึงการประชุมใหญ่ของศาลฎีกา ระบุทำนองที่ประชุมศาลวุ่น มีตุลาการชู 3 นิ้ว ไม่ไว้วางใจประธานศาล-กระบวนการยุติธรรมขณะนี้ และมีเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องการประกันตัวคดีความผิดตาม ป.อาญา ม.112 นั้น

เมื่อวันที่ 30 มีนาคม นายสุริยัณห์ หงษ์วิไล โฆษกศาลยุติธรรม ชี้แจงว่า การประชุมใหญ่ของศาลฎีกา เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว มีเพียง 2 วาระ คือการพิจารณาคัดเลือกกรรมการสรรหาผู้ดำรงตำแหน่ง กรรมการองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) และวาระพิจารณาข้อกฎหมายในคดีที่จะต้องอาศัยการลงมติของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ไม่มีการพูดคุยหรือหารือกันเกี่ยวกับการปล่อยชั่วคราว หรือเรื่องอื่นใดทั้งสิ้น

ดังนั้น เรื่องราวตามที่มีการเผยแพร่ในสื่อโซเชียลจึงไม่เป็นความจริง เป็นการบิดเบือนและให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ อันก่อให้เกิดความเข้าใจผิด และทำให้ศาลเป็นคู่กรณีกับฝ่ายต่างๆ