ยานยนต์ สุดสัปดาห์/จับเข่าคุย “กูรู” ตลาดรถมือสอง กับงาน “ฟาสต์ ออโตโชว์”

ยานยนต์ สุดสัปดาห์/สันติ จิรพรพนิต [email protected]

จับเข่าคุย “กูรู” ตลาดรถมือสอง กับงาน “ฟาสต์ ออโตโชว์”

ตลาดรถใหม่ในช่วงต้นปีที่ผ่านมาต้องใช้คำว่า “ร้อนแรง” เหลือเกิน เพราะบวกขึ้นแรงมากเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

รวม 4 เดือนแรกของปีซัดเข้าไปถึง 273,757 คัน เพิ่มขึ้น 15%

ที่น่าสนใจคือตลาดรถยนต์นั่งทะลุทะลวงไปถึง 34.6% ด้วยยอดขาย 105,905 คัน

ขณะที่ตลาดปิกอัพขายได้ 118,587 คัน เพิ่มขึ้น 13.6%

ไม่เพียงแต่ตลาดรถใหม่เท่านั้น แต่รถมือสอง หรือ “ยูสด์คาร์” ก็ฮอตฮิตไม่แพ้กันมีตัวเลขการซื้อ-ขายเปลี่ยนมือสูงขึ้น 15-20% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

โดยตลาดรถมือสองเป็นดัชนีชี้วัดสภาพเศรษฐกิจได้ดีอีกตัวหนึ่ง เพราะมีขนาดตลาดที่ใหญ่มาก

จากความเห็นของ “อัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ” หนึ่งในนักทดสอบรถยนต์และคร่ำหวอดในวงการรถมือสองมานาน บอกว่าขนาดของตลาดรถมือสองในเมืองไทยประมาณคร่าวๆ ใหญ่กว่าตลาดรถใหม่ 1.5 – 2 เท่า

ไม่น้อยเลยนะครับเพราะอย่างปีนี้ประเมินกันว่ายอดขายรถใหม่น่าจะจบสวยๆ ที่ 8 แสนคัน

หมายถึงตลาดรถมือสองต้องมียอดเปลี่ยนมือ 1.2-1.6 ล้านคัน!!!

ถือว่าค่อนข้างเยอะทีเดียว

พูดถึงอัษฎาวุธ หรือ “บอมบ์” เห็นนามสกุล”อาสาสรรพกิจ” คงรู้สึกคุ้นๆ

ใช่ครับ…เขาคือลูกชายของ “พัฒนเดช อาสาสรรพกิจ” กูรูรถยนต์ชื่อดังของเมืองไทย

อัษฎาวุธ มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญตลาดรถยนต์มือสองมานับสิบปี เพราะช่วยงานคุณพัฒนเดช หรือ “น้าเดช” ของนักข่าวสายยานยนต์ จัดคาร์โชว์รถมือสองมายาวนาน โดยเดินสายจัดในพื้นที่ต่างจังหวัดเป็นหลัก

อัษฎาวุธ อาสาสรรพกิจ

 

จนเมื่อ 6 ปีก่อน คุณพัฒนเดช ตัดสินใจทำคาร์โชว์ขึ้นมาในช่วงกลางปี เนื่องจากต้นปีนั้นมีงาน “มอเตอร์โชว์” และปลายปีมีงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป”

คาร์โชว์นี้คือ “ฟาสต์ ออโตโชว์ ไทยแลนด์” (FAST AUTO SHOW THAILAND)

จุดเด่นของคาร์โชว์นี้คือรวมรถใหม่และรถมือสองมาจัดในงานเดียวกัน

ถือเป็นครั้งแรกของคาร์โชว์เมืองไทย

เพราะปกติเราคุ้นเคยกับคาร์โชว์ 2 งานใหญ่ที่เน้นรถใหม่เท่านั้น

ด้วยความแตกต่างนี่เองทำให้ “ฟาสต์ ออโตโชว์ ไทยแลนด์” เติบโตและต้องขยายพื้นที่จัดงานไปเรื่อยๆ แต่ยังปักหลักอยู่ที่ “ไบเทค บางนา” เช่นเดิม

ปีนี้เขาจัดระหว่างวันที่ 28 มิถุนายน-2 กรกฎาคม

ในวันแถลงข่าวความพร้อมจัดงาน มีโอกาสสนทนายาวๆ กับอัษฎาวุธ ซึ่งรับหน้าที่รองประธานจัดงานฝ่ายรถใช้แล้ว

ส่วนรองประธานจัดงานฝ่ายรถใหม่ เป็นหน้าที่ของ “ชลัทชัย ปภัสร์พงษ์” ซึ่งรายนี้ก็ไม่ธรรมดาอยู่ในวงการรถป้ายแดงและสื่อยานยนต์มานาน เพราะเป็นทายาทของ “สื่อสากล” ที่จัดงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป นั่นเอง

การสนทนาระหว่างผมกับอัษฎาวุธ ไม่ใช่พูดคุยทั่วไปอย่างที่พบปะกันตามงานเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ทดสอบรถยนต์ หรืออื่นๆ ทั้งในและต่างประเทศ ในฐานะสื่อด้านยานยนต์เหมือนกัน

แต่เป็นการ “สัมภาษณ์” อย่างเป็นทางการ ในช่วง “มอเตอร์ทอล์ก” ช่วงหนึ่งในรายการรถยนต์ “โชว์รูม ประชาชื่น” ออกอากาศทาง “เฟซบุ๊ก ข่าวสด” ทุกวันอาทิตย์เวลา 19.00 น. ซึ่งมีหลายช่วงรายการ อาทิ แนะนำรถใหม่, ทดสอบรถยนต์, รถคันโปรด ตะลุยโชว์รูม ฯลฯ

รายการที่ออกอากาศทาง “เฟซบุ๊ก ข่าวสด” ปรับเพิ่มรายการต่างๆ ทั้งข่าว สาระ บันเทิง และปกิณกะ แทบไม่ต่างจากช่องสถานีโทรทัศน์ก็ว่าได้

“โชว์รูม ประชาชื่น” ออกอากาศมาราวๆ 2 เดือน ถือว่าได้รับความสนใจจากผู้ชมแวะเวียนเข้ามาดูเทปละหลายหมื่นจนเกินแสนครั้ง

ขอขอบคุณด้วยความซาบซึ้งยิ่ง

เมื่อมาเจอกับกูรู หรือผู้เชี่ยวชาญในวงการรถมือสอง ประเด็นที่คุยกันไม่พ้นเรื่องตลาดรถมือสอง ซึ่งคนไทยจำนวนไม่น้อยนะครับที่นิยมซื้อรถมือสองมากกว่ารถใหม่ แม้บางคนอาจมีกำลังเงินแต่ก็เลือกใช้รถมือสองมากกว่า

ยิ่งหากเป็นคนที่พอมีความรู้เรื่องดูรถอยู่บ้าง และมีนิสัยเปลี่ยนรถบ่อยๆ จะชอบรถมือสองเป็นพิเศษ เนื่องจากเวลาขายต่อจะไม่เจ็บตัวมาก เพราะรถมือสองที่อายุสัก 4-5 ปี ถ้าเจ้าของเก่าใช้รักษาดีๆ หรือเข้าศูนย์เป็นประจำถือว่าคุ้มจริงๆ ครับ เพราะสามารถเป็นเจ้าของได้ในราคาถูกกว่ารถใหม่ 40-50%

พอขายเป็นรถ “มือสาม” สัดส่วนราคาที่ลดลงจะไม่มากนัก เพราะผมเคยเจอหลายคนที่ซื้อรถมือสองมาใช้สักปี สองปี เวลาขายต่อแทบจะได้ราคาเท่ากับที่ซื้อมา (แล้วแต่รุ่น) หรือขาดทุนนิดหน่อย

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นจริตของแต่ละคน เพราะบางคนไม่อยากใช้รถต่อจากคนอื่น หรือกลัวว่ารถมือสองที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว คงมีอะไหล่บางส่วนเสื่อมไปตามการใช้งาน ไม่เหมือนรถใหม่ที่มั่นใจมากกว่า

อัษฎาวุธ เล่าว่ารถมือสองในปีที่แล้วกับต้นปีนี้ถือว่ามาแรงมาก และกระจายไปแทบทุกเซ็กเมนต์ ที่ขายดีอยู่แล้วไม่พ้นกระบะกับรถตู้ รถยุโรปนี่ก็ดีไม่น้อย หรือซูเปอร์คาร์ ก็เปลี่ยนมือได้เรื่อยๆ

อีกประเด็นที่คุยกันคือครบ 5 ปีการถือครองรถคันแรก สามารถเปลี่ยนมือได้ ซึ่งรถกลุ่มนี้คำนวณถึงกลางปี 2560 น่าจะมีกว่าแสนคัน

โดยราคาตอนที่ซื้อรถใหม่จะได้ส่วนลดภาษีสรรพสามิตหลายหมื่นจนถึงสูงสุดที่ 1 แสนบาท (กลุ่มปิกอัพ-อีโคคาร์ และซิตี้คาร์ หรือบีเซ็กเมนต์)

อัษฎาวุธ มองว่าแม้รถกลุ่มนี้จะเข้ามาสู่ตลาดแต่เชื่อว่าไม่ทำให้ราคาปั่นป่วน เพราะบรรดาเต็นท์ทั้งหลายจะตั้งราคากลางๆ ไว้อยู่แล้ว โดยไม่สนว่าเจ้าของจะซื้อมาในราคาเท่าไหร่

ยิ่งหากเป็นรุ่นยอดนิยมที่มีลูกค้ารอซื้อต่อ บรรดาเต็นท์พร้อมสู้ราคาเพราะสามารถปล่อยออกได้ง่าย เรียกว่าเงินไม่จมไปกับการสต็อกรถนั่นเอง

พูดถึงคนที่ชอบรถมือสองผมอยากแนะนำเลยนะครับว่าควรไปงาน “ฟาสต์ ออโตโชว์ ไทยแลนด์” เพราะปีนี้มีรายใหญ่ในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑลถึง 15 รายนำรถไม่ต่ำกว่าพันคันมาให้เลือก

เรียกว่าไม่ต้องตระเวนไปดูรถเองตามเต็นท์ต่างๆ แต่บรรดาเต็นท์นำรถมาให้เลือกในที่เดียวกัน

อัษฎาวุธ ถึงกับเอ่ยปากว่าคนที่เล็งหารถมือสองถ้ามาในงานนี้ยังไงก็ต้องเจอแน่ๆ เพราะมีให้เลือกครบทุกเซ็กเมนต์

ส่วนสนนราคาก็แล้วแต่รุ่น

แต่ผู้จัดงานเขาการันตีว่ารถทุกคันไม่มีปัญหาหรือย้อมแมวแน่นอน เพราะหากเจอ 5 ปัญหาหลักทั้งรถจมน้ำ, ไฟไหม้, ชนหนัก, ตัดต่อตัวถัง, โอนเปลี่ยนมือไม่ได้ ผู้จัดงานจะรับซื้อเอาไว้เอง แล้วค่อยไปไล่เบี้ยผู้ขายทีหลัง

ขณะที่เต็นท์ต่างๆ ก็รับประกันไว้อีกส่วนหนึ่ง และสามารถซื้อรับประกันเพิ่มจากกรุงศรี ออโต้ฯ ได้ด้วย

ส่วนรถใหม่ปีนี้มีทั้งหมด 12 ค่าย นำรถรุ่นต่างๆ รวมถึงโปรโมชั่นเด็ดๆ มาอัดกันสนุก

ใครจองและซื้อรถแจกทองทุกวัน และได้ลุ้นรถมิตซูบิชิ มิราจ อีกคัน

ที่สำคัญเข้าชมฟรีครับ