ซักฟอกรัฐบาลพ่นพิษตำรวจ ‘บิ๊กปั๊ด’ จัดแถวเปิดกรุนายพล แขวน ตร.เอี่ยวบ่อน-แรงงานเถื่อน / โล่เงิน

โล่เงิน

 

ซักฟอกรัฐบาลพ่นพิษตำรวจ

‘บิ๊กปั๊ด’ จัดแถวเปิดกรุนายพล

แขวน ตร.เอี่ยวบ่อน-แรงงานเถื่อน

 

พิษอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ปล่อยให้มีบ่อนพนันภาคตะวันออก รวมทั้งปล่อยให้มีการขนแรงงานเมียนมาเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย มาอยู่ที่ตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร ทั้งสองแห่งถือว่าเป็นต้นตอแพร่โควิด-19 ระลอกใหม่ ทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อรัฐบาลครั้งใหญ่

เพราะที่ผ่านมาประชาชนต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ภายใต้กฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มายาวนานกว่า 1 ปี

แต่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ซึ่งเป็นหน่วยงานภายใต้กำกับของรัฐบาล ที่ต้องบังคับใช้กฎหมายปราบปรามอบายมุขทุกประเภท เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อโควิด-19 กลับทำหน้าที่อย่างหละหลวม ซ้ำเติมความทุกข์ยากของประชาชน

นอกจากนี้ การกระทำแบบลูบหน้าปะจมูก ไม่เร่งกวาดล้างจับกุมผู้มีอิทธิพล เจ้าของบ่อนที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างจริงจัง ทำให้ตำรวจถูกมองว่า มีกฎหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้ปราบม็อบเท่านั้น

จากผลพวงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ทำให้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เด้งรับนโยบายนายกรัฐมนตรี จ่อปรับย้ายนายตำรวจที่มีส่วนพัวพัน ปล่อยปละละเลยและย่อหย่อนในนโยบายนายกฯ และ ผบ.ตร. เรื่องบ่อนการพนันและการขนต่างด้าวเถื่อนเข้าประเทศในช่วงการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่

ย้อนไปเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2563 พล.ต.อ.สุวัฒน์ได้กล่าวในที่ประชุมมอบนโยบายและรับรายงานตัวข้าราชการตำรวจระดับรอง ผบก.-ผกก. วาระประจำปี 2563 ว่า

“คนดีต้องได้รับการส่งเสริมยกย่อง คนที่ทำผิดก็จะต้องถูกลงโทษ ช่วงเดือนเมษายน อย่าคิดว่าไม่มีการแต่งตั้งโยกย้าย นายกฯ พูดกับผมว่า ถ้าจำเป็นต้องทำ ไม่ต้องลังเล เอาเลย”

สำหรับนายพลที่ติดโผเข้าข่ายถูกโยกย้ายพ้นเก้าอี้ ในวาระแต่งตั้งข้าราชการการตำรวจ 30 เมษายน 2564 จากพิษบ่อนพนันแพร่โควิด-19 อาทิ พล.ต.ท.วีระ จิรวีระ ผบช.ภ.2 พ่วงด้วย ผบก. 4 ราย คือ พล.ต.ต.ปภัชเดช เกตุพันธ์ ผบก.ภ.จว.ระยอง, พล.ต.ต.ประการ ประจง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี, พล.ต.ต.สุวิชาญ ญาณกิตติกุล ผบก.ภ.จว.จันทบุรี และ พล.ต.ต.เสถียร บุญค้ำ ผบก.ภ.จว.ตราด

ขณะที่เมื่อ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง มี พล.ต.ท.มโนช ตันตระเธียร จเรตำรวจ (สบ 8) เป็นประธาน ได้แจ้งข้อกล่าวหาแก่ ผบก.ภ.จว.ระยอง, ผบก.ภ.จว.ชลบุรี และตำรวจที่เกี่ยวข้องอีก 5 ราย ว่า กระทำผิดวินัยร้ายแรง 5 ข้อหา ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547

ซึ่งหากผลสรุปสุดท้ายว่ามีความผิดจริง จะมีโทษเพียงสองสถาน คือ ปลดออก และไล่ออก

กรณีดังกล่าวคณะกรรมการได้ทำการสืบสวนจนพบหลักฐานยืนยันว่ามีการเปิดบ่อนการพนันที่บริเวณ บ.ข.ส.เก่า ต.ท่าประดู่ อ.เมือง จ.ระยอง ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคม 2563 จนถึงเดือนธันวาคม 2563 และที่ตลาดนำชัย ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2563 จนถึงเดือนธันวาคม 2563 จริง

โดยมีทั้งพยานบุคคลที่เคยเข้าไปเล่นในบ่อนการพนันทั้งสองแห่งดังกล่าว พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์จากการเข้าตรวจสถานที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน พยานเอกสารจากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดระยอง และชลบุรี รวมทั้งพยานแวดล้อมอื่นๆ

ในส่วน ผบช.ภ.2, ผบก.ภ.จว.จันทุรี และ ผบก.ภ.จว.ตราด นั้น ยังไม่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาใด เนื่องจากเป็นคนละสำนวนกัน โดยอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐานของคณะกรรมการ แต่ดูจากรูปการณ์ ไม่พ้นต้องถูกลงดาบในลักษณะเดียวกัน

 

โดยวันที่ 24 กุมภาพันธ์ เวลา 14.00 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เดินทางมาเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ครั้งที่ 2/2564

ที่ประชุม ก.ตร.ได้ขอเปิดตำแหน่ง ผบช. (พล.ต.ท.) 4 ตำแหน่ง และ ผบก.(พล.ต.ต.) 4 ตำแหน่ง ไว้เพื่อทำหน้าที่บริหารและขับเคลื่อนงานด้านป้องกันปราบปรามอาชญากรรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เสนอให้คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ หรือ ก.ต.ช.พิจารณาอนุมัติ และคาดว่ามีการแต่งตั้งตัวบุคคลในวาระ ก.ตร.ครั้งต่อไป

ภายหลังประชุม ก.ตร. และ ก.ต.ช.เสร็จสิ้น พล.ต.ต.ยิ่งยศ เทพจำนงค์ โฆษก ตร.เปิดเผยว่า สำหรับการขออนุมัติกำหนดตำแหน่งใหม่ เป็นตำแหน่ง ผบช. 4 ตำแหน่ง และ ผบก. 4 ตำแหน่ง ที่ประชุม ก.ตร.มีมติอนุมัติหลักการ แต่ให้ไปเพิ่มเติมรายละเอียดปลีกย่อยเกี่ยวกับขอบเขตอำนาจหน้าที่ให้รัดกุมมากขึ้น

เช่น มีหน้าที่บูรณาการภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้การขับเคลื่อนของผู้บังคับบัญชาเป็นไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสมจะนำเข้าพิจารณาอีกครั้งในการประชุม ก.ตร.ในรอบถัดไป

ทำให้การประชุม ก.ต.ช.ในวันนี้ จึงยังไม่มีการพูดคุยอนุมัติการกำหนดตำแหน่งหน้าที่ของ ผบช. 4 ตำแหน่ง และ ผบก. 4 ตำแหน่ง

พล.ต.ต.ยิ่งยศกล่าวอีกว่า หลักการและเหตุผลเพื่อทำหน้าที่เป็นเหมือนโซ่ข้อกลางระหว่างผู้บังคับบัญชาระดับ ตร. กับหน่วยงานที่ปฏิบัติ ในการขับเคลื่อนงานป้องกันปราบปราม สืบสวนสอบสวน ด้านกิจการพิเศษ ด้านกฎหมายสอบสวน เนื่องจากว่างานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่รอง ผบ.ตร.รับผิดชอบ ต้องขับเคลื่อนงานทั้งหน้างานปกติ และงานศูนย์ต่างๆ เมื่อจะใช้บุคลากรต้องไปหยิบยืมจากหน่วยต่างๆ มา จึงต้องกำหนดตำแหน่งหน้าที่เหล่านี้ขึ้นมา

แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องการเอาตำรวจที่เกี่ยวข้องกับบ่อนพนัน รวมไปถึงเกี่ยวข้องกับขบวนการขนแรงงานต่างด้าวไปนั่งเก้าอี้ทั้ง 8 ตำแหน่งดังกล่าว

การที่นายกรัฐมนตรี และ ผบ.ตร.พิจารณาปรับย้ายตำรวจที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปแขวนไว้ถือเป็นบทลงโทษอย่างหนึ่ง ที่ช่วยผ่อนกระแสสังคมลงไปได้บ้าง รวมทั้งเป็นการตัดไฟตั้งแต่ต้นลม มิฉะนั้นจะถูกม็อบเอาไปเป็นชนวนเหตุออกมาตีปี๊บไล่รัฐบาล

หากแต่การลงโทษด้วยการดองเค็ม ไม่ทำให้บ่อนพนันลดลง ที่ทำมาทั้งหมดถือว่าเปล่าประโยชน์