ลึกแต่ไม่ลับ | “สงครามจบ” ที่ผู้ชนะคนเดิมชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” “ผู้แพ้” คือประชาชน ?

ลึกแต่ไม่ลับ

จรัญ พงษ์จีน

 

การประชุมสภาผู้แทนราษฎรนัดพิเศษเพื่อพิจารณา “ญัตติเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล” จำนวน 10 คน เคาะระฆังเปิดศึกกันตั้งแต่เช้าตรู่ของวันที่ 16 กุมภาพันธ์

เจิมนำร่องโดย “สมพงษ์ อมรวิวัฒน์” ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน อ่านเนื้อหาในญัตติน่ากลัวมากๆ โดยมุ่งกระแทกกลาง ชัดแจ้งแทงตรงจุด เรียงลำดับไหล่ผู้ถูกซักฟอกไปทีละคน ตั้งแต่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและรัฐนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าบริหารราชการแผ่นดินล้มเหลว ผิดพลาดบกพร่องอย่างร้ายแรง ไร้ประสิทธิภาพ ไร้ภูมิปัญญา

กระซวกเรียงตัวครบทั้ง 10 คน พร้อมสรุปในท้ายญัตติว่า เวลา 6 ปี 8 เดือนที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ครองเมือง บริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจพังพินาศ มีหนี้สาธารณะมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ธุรกิจล้มละลายทุกหัวระแหง “บิ๊กตู่” ไม่มีวิสัยทัศน์ ไม่มีภาวะผู้นำ ไม่สามารถรวมพลังผู้มีความรู้ความสามารถมาช่วยพัฒนาประเทศได้

ปล่อยให้พวกพ้องทุจริต เป็นได้เพียงรัฐบาล “ปรสิต” กัดกร่อนอนาคตประเทศ ฝ่ายค้านไม่ยินยอมให้ พล.อ.ประยุทธ์ทำหน้าที่ต่อไป จนรั้งชีวิตประชาชนจมดิ่งสู่ความทุกข์กว่านี้

การอภิปรายครั้งนี้เป็นแสงแห่งความหวัง ส่องสว่างไปทุกแห่ง ไล่ความมืดมนที่ พล.อ.ประยุทธ์สร้างมาเกือบ 7 ปี เพื่อให้กำลังใจประชาชนทุกหมู่เหล่าจากแม่สายถึงเบตง ว่าต้องมีความหวังอยู่เสมอ เพราะจุดจบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์กำลังมาถึงในไม่ช้านี้แล้ว

ต่อด้วย “นายสุทิน คลังแสง” ดาวดังจากเพื่อไทย รับไม้ขย่มต่อ คุยข่มขวัญควันโขมงว่า ขอทำหน้าที่ชี้เป้าให้ ส.ส.อีก 36 คน เปรียบเป็น 30 ลำ จะบินทิ้งระเบิดใส่เป้าหมาย ตามแผนก่อนลำสุดท้าย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” จะบินเก็บกวาดคนสุดท้าย ขอย้ำถึงการบริหารผิดพลาดล้มเหลว ไร้ภาวะผู้นำ ผิดจริยธรรมจนไม่สามารถไว้วางใจ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้

จากนั้น ศึกซักฟอก 1 นายกฯ 9 รัฐมนตรี ระเบิดเถิดเทิงขึ้นอย่างเป็นทางการ เปิดฉากร้อนแรงโดย “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส” หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เรื่องบ่อนการพนัน โชว์ผัง แผ่นชาร์ต โยงใยระหว่างบุคคลระดับผู้บัญชาการตำรวจภาคต่างๆ กับคนใกล้ชิดบิ๊กทหาร พร้อมระบุถึงวงเงินต่อรองการตั้งบ่อนในพื้นที่ต่างๆ มาตีแผ่

ตามด้วย “นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ขุดปมเก่าบ้านพักในกรมทหารราบที่ 1 มายำใหม่ พร้อมเรียกร้องให้เปิดเผยค่าบำรุงรักษา ค่าน้ำ และค่าไฟ

คิวต่อๆ มาเป็น “นายสงคราม กิจเลิศไพโรจน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อชาติ และที่พอออกรสชาติอยู่บ้างในวันแรก เป็นคิวของ “นายธีรัจชัย พันธุมาศ” ส.ส.พรรคก้าวไกล หยิบคดี “บอส-วรยุทธ อยู่วิทยา” มาตีวิถีโค้งถล่มป้อมค่ายพี่น้อง 3 ป. “พล.อ.ประยุทธ์-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา” ว่าใช้อำนาจอิทธิพล สมคบคิดกันพลิกคดี

กระทั่งเวลา 21.30 น.เศษ ถึงคิว “พล.อ.ประยุทธ์” ไล่แก้แห เคลียร์ข้อกล่าวหาไปทีละปม แบบสบายหายห่วงมาก มิต่างอะไรกับลงเรือล่องทะเล เจอกับคลื่นลมมั่ง จึงสนุกสนาน

ศึกซักฟอกวันแรก หมูสามชั้นมันอร่อย ไม่มีอะไรในกอไผ่ ผู้อภิปรายไม่มีของ มีแต่น้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรง เอาข้อมูลเก่ามาเล่าใหม่ เหมือนเด็กๆ พยายามแกะสลักไม้

หลังจบศึก คณะทำงานสนับสนุนผู้ถูกอภิปรายไม่ไว้วางใจ (สสอ.) หรือ “วอร์รูมนอกสภาผู้แทนราษฎร” ของรัฐบาล ประเมินสถานการณ์ ถึงกับส่งเสียงเยาะเย้ยถากถาง ดูถูกดูแคลนว่า มีแต่ประเด็นซ้ำซาก ไม่สมราคาคุย เช่น เรื่องบ้านพัก ทำการบ้านมาไม่ดี ถือว่าสอบตก เพราะไม่มีอะไรใหม่ๆ มาอภิปรายเลย

ขนาด “นายสุทิน คลังแสง” ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้านเองก็ออกมายอมรับว่า การอภิปรายวันแรกไม่เข้มข้น คนฟังอาจดูยังไม่มีอะไร แต่ยืนยันว่าสมราคาแน่นอน แม้อาจจะไม่มีอะไรเซอร์ไพรส์ก็ตาม

 

การอภิปรายวันที่สอง พอจะมีสีสัน กู้หน้ากู้ตาฝ่ายค้านกระเตื้องขึ้นมาได้บ้าง เป็นคิวของ “น.ส.จิราพร สินธุไพร” ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ที่หยิบยกปม “บิ๊กตู่” ใช้อำนาจมาตรา 44 ออกคำสั่งระงับกิจการเหมืองแร่ทองคำทั่วประเทศ ส่งผลให้บริษัทอัคราฯ ต้องยุติหยุดกิจการ จึงเป็นห้องเครื่องให้บริษัทคิงส์เกตฯ ซึ่งเป็นบริษัทแม่สัญชาติออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่ตัดสินใจฟ้องราชอาณาจักรไทยโดยมีการประเมินว่าคดีนี้ไทยอาจจะแพ้และต้องชดเชยค่าเสียหายกว่า 750 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 22,500 ล้านบาท เพียงเพราะลุแก่อำนาจ

จะเป็นบทเรียนราคาแพงและเจ็บปวดของประเทศ และ พล.อ.ประยุทธ์จะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ต้องตอบให้ชัดว่าจะสู้คดีให้ถึงที่สุดแบบไหน ไปตายเอาดาบหน้า หรือจะยอมเอาทรัพยากรของประเทศไปประเคนให้ต่างชาติเพื่อแลกกับการถอนฟ้อง ถ้าเดินหน้าสู้คดีจนถึงที่สุดแล้วแพ้ จะเอาผลประโยชน์ของประเทศ แผ่นดินไปยกให้

“วันนี้ไทยอาจต้องแพ้คดี ตอนนี้ใบเสร็จก็ออกมาแล้วว่ามีค่าใช้จ่าย 600 ล้านบาทที่ใช้ต่อสู้คดีในอนุญาโตตุลาการ ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่จ่ายไปแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายนี้ด้วย เพราะความเสียหายเกิดขึ้นแล้ว”

ศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านไปแล้วครึ่งทาง ยกต้นๆ เช็กบิลหัวแถว “พล.อ.ประยุทธ์” เฉียด “พล.อ.ประวิตร” และ “พล.อ.อนุพงษ์” ยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ชาวบ้านคนดีเศร้าจากความมืดมนไร้ข้อมูล ไม่มีหมัดเด็ด ชักตะพานแหงนถ่างตารอกันหน้าจอทีวีดึกๆ ดื่นๆ หวังลมๆ แล้งๆ ว่าจะได้ดู “ฝูงไฮยีน่า” ไล่ขย้ำล้มช้าง คว่ำสิงโต ราชสีห์

กลับไม่มีอะไรเลย น่าผิดหวังมาก

“สงครามจบ” ที่ผู้ชนะคนเดิมชื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” … “ผู้แพ้” คือประชาชน …มวยล้มต้มคนดูอีกแล้ว