ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 12 - 18 กุมภาพันธ์ 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ฟาสต์ฟู้ดธุรกิจ |
ผู้เขียน | หนุ่มเมืองจันท์ |
เผยแพร่ |
หนุ่มเมืองจันท์
www.facebook.com/boycitychanFC
คิดต่างมุม
ติดตามข่าวเรื่องการบริหารจัดการวัคซีนของรัฐบาลแล้วรู้สึกเหมือนกับชื่อหนังสือของใครก็ไม่รู้
“โลกนี้ไม่ได้มีคำตอบเดียว”
ผมชื่นชมคุณหมอและกระทรวงสาธารณสุขอย่างมากในช่วงการต่อสู้กับสงครามโควิด-19 มาเป็นเวลายาวนาน
ตัวเลขผู้ติดเชื้อ คนเสียชีวิตของไทยถือว่าดีมาก
เป็นอันดับที่ 4 ของโลก
หมอไทยเก่งจริงๆ
ระบบสาธารณสุขของไทยได้พิสูจน์อีกครั้งว่าเมื่อเจอกับโรคระบาด เราเอาอยู่ทุกครั้ง
ตั้งแต่สงครามธรรมดาระดับไข้หวัดนก ซาร์ส
หรือระดับสงครามโลกอย่าง “โควิด-19” ในวันนี้
การต่อสู้กับไวรัสโควิด-19 เหมือนกับการทำสงครามกับศัตรูที่เรามองไม่เห็น
มีหนทางเดียวที่ยุติสงครามครั้งนี้ได้คือ “วัคซีน”
ถ้าเราค้นพบวัคซีนได้เมื่อไร และทุกคนได้รับการฉีดวัคซีน
ถือว่าเราชนะสงครามโลกโควิด-19
จะเหลือแค่การรบในพื้นที่ประปรายเท่านั้น
“วัคซีน” จึงเป็นเรื่องสำคัญมาก
ถ้าจำกันได้ตอนที่เกิดโควิด-19 เมื่อต้นปีที่แล้ว
คุณหมอหลายคนบอกว่าการค้นพบวัคซีนและนำมาใช้ได้ต้องใช้เวลานาน
กลางปี 2564 หรือปลายปีจึงจะได้ฉีด
เพราะแต่ละขั้นตอนของการทดสอบวัคซีนต้องใช้เวลานาน เพื่อให้คนปลอดภัยที่สุด
แต่ผมเคยทำนายเล่นๆ ในรายการ The power game ว่าวัคซีนจะใช้เวลาไม่นานขนาดนั้น ภายในปลายปี 2563 วัคซีนน่าจะใช้ได้
ไม่ได้เชี่ยวชาญเรื่องวัคซีนอะไรเลยครับ
แต่ผมคิดในมุมทางการเมือง
ในขณะที่คุณหมอส่วนใหญ่จะคิดตามขั้นตอนปกติของการผลิตวัคซีน
แต่ผมเชื่อว่าผู้นำประเทศมหาอำนาจทั้งหลายโดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ไม่มีทางจะปล่อยให้คนในประเทศล้มตายเพราะไวรัสไปเรื่อยๆ
เขาจะต้องหาทางลัดขั้นตอน
ทำอย่างไรให้วัคซีนใช้ได้เร็วที่สุด
วัคซีนที่ออกมาในตอนนี้จึงไม่สามารถบอกได้ว่าจะป้องกันไวรัสโควิด-19 นานเท่าไร
6 เดือน 9 เดือน หรือ 1 ปี ไม่มีใครรู้
เพราะถ้าจะรอให้รู้ผลต้องใช้เวลาเป็นปี
ไม่มีใครรอหรอกครับ
ตอนนี้ขอให้มีคุณสมบัติป้องกันไวรัสโควิด-19 และคนฉีดไม่มีผลกระทบข้างเคียงที่รุนแรงก็พอแล้ว
ฉีดเลย
จะป้องกันได้นานเท่าไร เอาไว้ก่อน
วัคซีนป้องกันไวรัส-19 จึงเกิดขึ้นเร็วเพราะ “การเมือง”
“ผู้นำ” ต้องกล้าตัดสินใจ
เหมือนกับตอนที่เกิดไวรัสโควิด-19 ใหม่ๆ เราต้องชั่งกันระหว่างเรื่องเศรษฐกิจกับสาธารณสุข
รัฐบาลเลือก “สาธารณสุข” นำ
เขาจึงคุมเข้ม ล็อกดาวน์ ขู่เรื่อง “การ์ดตก” ตลอด ไม่ปล่อยให้ชาวต่างชาติเข้ามา
ผลที่ได้รับก็คือ เราได้รับการยกย่องให้เป็นประเทศที่ควบคุมไวรัสโควิด-19 อันดับที่ 4 ของโลก
แต่เศรษฐกิจของไทยทรุดหนักมาก
เทียบกับประเทศในอาเซียนทั้งหมด จีดีพีของไทยต่ำสุด
ได้อย่าง เสียอย่าง
แต่พอมาถึงวันนี้ที่ค้นพบ “วัคซีน” ได้แล้ว
เรายังบริหารแบบเดิม
ในมุมของคุณหมอ ไม่ได้ผิดอะไร
เขาพยายามเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย
วัคซีนที่ปลอดภัยและถูกที่สุด
หรือการที่ดึง “แอสตร้าเซนเนก้า” ให้ใช้บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ผลิตวัคซีนในเมืองไทย
ถ้าไม่เอาประเด็นว่าเป็นบริษัทของใคร และรัฐบาลเอาเงินไปจ่ายค่าเครื่องจักรแทนเอกชน
ยุทธศาสตร์นี้ดีมาก
เพราะการมีโรงงานผลิตวัคซีนในเมืองไทยถือเป็นหลักประกันด้านความมั่นคงเรื่องวัคซีนของไทย
แต่การที่รัฐบาลคิดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดในเมืองไทยไม่ได้รุนแรงเหมือนประเทศอื่นๆ
เราจึงไม่ต้องรีบร้อน
“เราไม่ยอมให้คนไทยเป็นหนูทดลอง”
ประโยคนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์. จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชัดเจนที่สุด
เป็นการบอกจุดยืนของรัฐบาลว่าเราไม่รีบ ให้คนชาติอื่นทดลองวัคซีนไปก่อน
ในมุมด้านการแพทย์ไม่ได้ผิดอะไร
แต่ในการบริหารประเทศที่ต้องชั่งกันระหว่างมุมสาธารณสุขกับเศรษฐกิจ
ผิดมาก
ตอนเริ่มสงครามไวรัสโควิด-19 ใหม่ๆ
รัฐบาลเลือก “สาธารณสุข”
ผลที่ออกมาถือว่าใช้ได้ การควบคุมโรคเราเอาอยู่
แม้เศรษฐกิจจะหนักหนาสาหัสทีเดียว
แต่พอมาถึงช่วง “วัคซีน” ผมว่าต้องคิดใหม่แล้วครับ
เพราะ “วัคซีน” มีความสำคัญเรื่อง “เศรษฐกิจ”
โดยเฉพาะประเทศไทยที่ต้องพึ่งพาการท่องเที่ยวจากต่างชาติ
รายได้จากการท่องเที่ยวไทยสมัยเฟื่องฟูเดือนละ 2.5 แสนล้านบาทนะครับ
“เวลา” จึงมี “ราคา” มาก
ถ้าฉีดครบได้เร็วขึ้น 1 เดือน รายได้เข้าประเทศเร็วขึ้น 1 เดือน
คนเป็น “นายกรัฐมนตรี” ก็เหมือนกับ “ซีอีโอ” ของบริษัท
ในบริษัท ฝ่ายบัญชีกับฝ่ายการตลาดมักขัดแย้งกัน
เพราะ “จุดยืน” ของ 2 ฝ่ายแตกต่าง
บัญชีจะคิดถึง “ต้นทุน”
การตลาดจะคิดเรื่อง “ยอดขาย”
ในบางสถานการณ์เราต้องเลือก “ต้นทุน” แต่บางเวลาก็ต้องคิดเรื่อง “ยอดขาย”
กรณีของ “วัคซีน” ประเทศที่มีเงินเพียงพอจะพยายามหาทุกช่องทางในการซื้อวัคซีน
ทั้งซื้อตรง และเข้าโครงการ Covax
ซื้อให้เยอะที่สุด แพงหน่อยก็ยอม
แต่เมืองไทยจะคิดเรื่อง “ราคา” เป็นหลัก จนลืมเรื่อง “เวลา”
คุณหมอไม่ผิด เพราะคิดในมุมของสาธารณสุข
แต่ความผิดอยู่ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นคนตัดสินใจ
นักบริหารที่เก่งแค่เห็นบัญชีฝั่งรายรับแล้วว่าถ้าฉีดวัคซีนได้เร็ว เราจะมีรายรับเดือนละ 2.5 แสนล้านบาท
แต่ค่าใช้จ่ายเรื่องวัคซีนที่พูดกันอยู่แค่หลักหมื่นล้าน
เรื่องแบบนี้ตัดสินใจง่ายมากเลย
แค่ให้นโยบายกับคุณหมอว่าไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย ไม่ต้องให้น้ำหนักเรื่อง “ราคา” มากนัก
ซื้อมาเยอะๆ จ่ายแพงหน่อยก็ได้
แต่ขอให้เร็ว
ถ้าคุณหมอได้นโยบายแบบนี้จะได้ตัดสินใจง่ายเลย
คิดเล่นๆ นะครับ
เมืองภูเก็ต เคยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติปีละ 10 ล้านคน ทำรายได้เข้าประเทศ 4 แสนล้านบาท
ประชากรภูเก็ตมี 4 แสนคน
ถ้าฉีดวัคซีนให้คนภูเก็ตก่อน ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมั่นใจว่าเป็นเมืองปลอดโควิด-19
รายได้จากการท่องเที่ยวของภูเก็ตแค่จังหวัดเดียว 1 ปี ซื้อวัคซีนได้คนทั้งประเทศได้เลย แบบเหลือๆ
รัฐบาลต้องคิดเรื่อง “วัคซีน” ใหม่ครับ
ตอนนี้คนไทยไม่ได้ตายเพราะ “โรคระบาด”
แต่กำลังจะตายเพราะ “โรคไม่มีสักบาท”
“วัคซีน” คือ “เชื้อเพลิง” ของการเทกออฟเศรษฐกิจไทยครับ
และ “เวลา” มีราคามาก