เรื่องราวของ จูเลียน อัสซานจ์ ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์จอมแฉ “วิกิลีกส์” ชาวออสเตรเลีย ที่เคยโด่งดังจากการนำเอกสารลับทางการทหารและทางการทูตของสหรัฐอเมริกามาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์วิกิลีกส์ ดูเหมือนจะเงียบหายไปสักระยะ

ในขณะที่อัสซานจ์ต้องอยู่ภายในสถานทูตเอกวาดอร์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ มานานถึง 5 ปีแล้ว เพื่อหลบเลี่ยงการถูกส่งตัวไปยังประเทศสวีเดน เพราะถูกกล่าวหาจากผู้หญิง 2 คนว่าอัสซานจ์ลวนลามทางเพศและข่มขืนพวกเธอ

นอกจากนี้ อัสซานจ์เองก็ยังกลัวด้วยว่า ตัวเขาอาจจะถูกสวีเดนส่งตัวไปให้สหรัฐ ที่ต้องการตัวเขาอย่างมาก หลังจากเว็บไซต์วิกิลีกส์เปิดเผยข้อมูลลับทางทหารและทางการทูตของสหรัฐจำนวนมากเมื่อปี 2553

แต่ทันทีที่อัยการสวีเดนตัดสินใจยุติการสืบสวนคดี “ข่มขืน” ของอัสซานจ์ ด้วยเหตุผลเพราะการสืบสวนไม่คืบหน้า

เราก็ได้เห็นเรื่องราวของอัสซานจ์ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง

 

โดยอัยการสวีเดนยืนยันว่า จำเป็นที่จะต้องยุติการสอบสวนคดีของอัสซานจ์ เนื่องจากไม่มีหลักฐานที่เพียงพอ

อีกทั้งยังมีอุปสรรคในข้อกฎหมาย

แต่หากอัสซานจ์ยินยอมที่จะเดินทางไปให้ปากคำที่สวีเดนก็จะสามารถรื้อคดีขึ้นมาสอบสวนใหม่ได้

แต่จะต้องภายในปี 2560 ที่คดีความจะหมดอายุลง

หลังอัยการสวีเดนยุติการสืบสวน อัสซานจ์ได้ออกมาพบปะกับสื่อมวลชนและผู้สนับสนุน จากระเบียงของสถานทูตเอกวาดอร์ ซึ่งเป็นสถานที่ที่อัสซานจ์ใช้สำหรับการแถลงข่าวทุกครั้ง แต่ไม่ค่อยบ่อยครั้ง

และครั้งนี้ก็ไม่เหมือนทุกครั้งตรงที่ เป็นการแถลงถึง “ชัยชนะ” ที่เขาได้รับ จากข้อหาที่เขาเองปฏิเสธมาตลอด

อัสซานจ์ระบุว่า นอกจากจะเป็นชัยชนะครั้งสำคัญของอัสซานจ์แล้ว ก็ยังเป็นชัยชนะของระบบสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ หากแต่มันไม่สามารถลบเรื่องราวการกักขังโดยไม่มีข้อกล่าวหาของเขาที่มีมานานถึง 7 ปี นับตั้งแต่ถูกกล่าวหาเมื่อปี 2553

ในขณะที่ลูกๆ ของเขาเติบโตขึ้น

ซึ่งนี่เป็นสิ่งที่เขา “ไม่สามารถยกโทษให้” หรือลืมมันได้

 

อย่างไรก็ตาม อัสซานจ์บอกว่า เขาพร้อมที่จะพูดคุยกับรัฐบาลอังกฤษและกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐ เกี่ยวกับวิธีที่ดีที่สุดในการก้าวเดินต่อไปข้างหน้า

แต่ก็จะขอยืนยันสิทธิของตัวเองที่จะอยู่ที่สถานทูตเอกวาดอร์ต่อไป

ในส่วนของตำรวจลอนดอนเองก็ประกาศเช่นกันว่า ตำรวจลอนดอนมีหน้าที่ที่จะต้องจับตัวอัสซานจ์หากเขาเดินออกจากสถานทูตเอกวาดอร์ เนื่องจากหนีการประกันตัว ที่แม้จะมีโทษเบากว่าคดีข่มขืนมาก แต่ก็อาจต้องโทษจำคุกนานถึง 1 ปี หากพบว่ามีความผิดจริง

ทั้งนี้ อัสซานจ์ ซึ่งปัจจุบันอายุ 45 ปี ต้องอาศัยอยู่ภายในสถานทูตเอกวาดอร์ ในกรุงลอนดอน ตั้งแต่ปี 2555 หลังจากที่ศาลสูงสหราชอาณาจักรปฏิเสธที่จะรับฟังคำอุทธรณ์ไม่ให้ส่งตัวอัสซานจ์เป็นผู้ร้ายข้ามแดนไปยังประเทศสวีเดน

ขณะที่อัสซานจ์เองปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องข่มขืนมาตลอด และเขาก็เชื่อว่า ข้อกล่าวหาดังกล่าวมีขึ้นเพื่อต้องการจะหลอกล่อให้เขาต้องถูกส่งตัวไปสวีเดน แล้วส่งตัวต่อไปให้สหรัฐอเมริกา ที่กำลังรอจัดการกับเขาอยู่ในฐานะผู้นำความลับของรัฐบาลมาเปิดเผยผ่านเว็บไซต์วิกิลีกส์

 

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือนมกราคม อัสซานจ์เคยบอกไว้ว่า เขารอที่จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้ารับการสอบสวนในคดีเรื่องการนำความลับของทางการออกมาเปิดเผย

แต่จะต้องมีเงื่อนไขว่า เขาจะต้องได้รับสิทธิในการคุ้มครองและรับรองเรื่องความปลอดภัย

รวมถึงเสนอเงื่อนไขให้สหรัฐปล่อยตัว “เชลซี แมนนิ่ง” หรือชื่อเดิมคือ แบรดลีย์ พลทหารอดีตนักวิเคราะห์ของกองทัพสหรัฐผู้นำข้อมูลลับของทางการสหรัฐมาปล่อยให้กับวิกิลีกส์

อย่างไรก็ตาม เชลซี แมนนิ่ง ที่ได้แปลงเพศกลายเป็นผู้หญิงไปเรียบร้อย เพิ่งจะได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคมที่ผ่านมา หลังถูกจำคุกอยู่ 7 ปี

โดยเป็นการได้รับอิสรภาพที่เร็วกว่าโทษที่ได้รับคือ 35 ปี เนื่องจากได้รับการลดโทษจาก บารัค โอบามา ก่อนที่โอบามาจะลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปลายปีที่ผ่านมา

ขณะที่ท่าทีของ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษเอง ก็ไม่ได้ฟันธงว่าจะส่งตัวอัสซานจ์ให้กับสหรัฐหรือไม่ หากอัสซานจ์เดินออกมาจากสถานทูตเอกวาดอร์และถูกจับกุมตัว

โดยนางเมย์บอกแต่เพียงว่า จะมีการพิจารณาส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนเป็นรายๆ ไป

 

ส่วนรัฐบาลเอกวาดอร์ก็ออกมาแสดงความยินดีต่อการตัดสินของอัยการสวีเดน พร้อมกับเรียกร้องให้อังกฤษเปิดทางให้อัสซานจ์เดินทางไปยังประเทศเอกวาดอร์ ซึ่งนายกวิลลามี ลอง รัฐมนตรีต่างประเทศเอกวาดอร์บอกว่า อัสซานจ์เองก็ยินดีที่จะอยู่ในสถานทูตเอกวาดอร์ต่อไป หากไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางไปประเทศเอกวาดอร์

และแม้ว่าชัยชนะจากการที่อัยการสวีเดนยุติการสอบสวนคดีข่มขืนของอัสซานจ์ จะหมายความว่าอัสซานจ์จะมีอิสระในการเดินออกจากสถานทูตเอกวาดอร์เมื่อไหร่ก็ได้ที่ต้องการ

แต่ดูเหมือนว่า อัสซานจ์เองก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะออกจากสถานทูตเอกวาดอร์

และยังไม่ได้เสนอตัวที่จะเดินทางไปสหรัฐอเมริกาตามที่เคยบอกไว้แต่อย่างใด