ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 ธันวาคม 2563 |
---|---|
คอลัมน์ | ต่างประเทศ |
เผยแพร่ |
วิกฤตการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปีมาจนถึงท้ายปียังคงกัดกร่อนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวโลกอย่างต่อเนื่อง และมีแววว่าจะส่งผลยาวไปถึงปีหน้าอย่างแน่นอน
ในรายงานประจำปี Global Humanitarian Overview ว่าด้วยเรื่องมนุษยธรรมโลกชิ้นล่าสุดของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่เพิ่งมีการเผยแพร่ออกมาระบุว่า ในปี 2021 โลกยังต้องการเงิน 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19 ซึ่งกำลังตกอยู่ในความเสี่ยง ที่จะอยู่ในภาวะทุพภิกขภัย หรือความอดอยากอย่างรุนแรง
โดยในรายงานประจำปีดังกล่าว ได้ประเมินไว้ว่ามีประชากรราว 235 ล้านคน ที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนในปีหน้า ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่มากกว่าปีที่ผ่านมาถึง 40 เปอร์เซ็นต์
มาร์ก โลว์ค็อก ผู้ประสานงานบรรเทาทุกข์เร่งด่วนแห่งสหประชาชาติเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จำนวนผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือที่เพิ่มมากขึ้นเกือบทั้งหมด เป็นผลมาจากการระบาดของโควิด-19
ในรายงานระบุด้วยว่า ในปีหน้า 1 ใน 33 คนจากทั่วโลกจะต้องการความช่วยเหลือ ซึ่งหากรวมจำนวนผู้คนเหล่านี้เข้าด้วยกันเป็นประเทศหนึ่งประเทศ จะกลายเป็นประเทศที่มีประชากรมากเป็นอันดับ 5 ของโลก
ทั้งนี้ รายงานประจำปีดังกล่าว ทำขึ้นโดยหน่วยงานของสหประชาชาติและองค์กรด้านมนุษยธรรมอื่นๆ ที่ต้องการจะวาดภาพให้เห็นถึงความต้องการความช่วยเหลือที่เพิ่มมากขึ้นอันเกิดจากความรุนแรง การถูกขับไล่ การได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และการเปลี่ยนแปลงสภาวะอากาศโลก
แต่ในตอนนี้การระบาดของไวรัสโคโรนาที่ทำให้มีคนเสียชีวิตแล้วกว่า 1.45 ล้านคนทั่วโลก กำลังซ้ำเติมผู้คนจำนวนมากที่ “อาศัยอยู่บนคมมีด” อยู่แล้ว
โลว์ค็อกบอกว่า ภาพที่นำเสนอให้เห็นนั้น เป็นภาพที่แสดงให้เห็นถึงความหมดหวังอย่างที่สุด และความมืดมิดอย่างที่สุด ในด้านความต้องการด้านมนุษยธรรมในช่วงเวลาข้างหน้าที่เราไม่เคยเจอมาก่อน
รายงานของยูเอ็นระบุว่า เงินที่ร้องขอไปนั้น จะเพียงพอสำหรับการช่วยเหลือกลุ่มคนที่เปราะบางราว 160 ล้านคนใน 56 ประเทศทั่วโลก
ในรายงานของยูเอ็นยังระบุว่า ถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ทศวรรษ 1990 ที่จำนวนผู้คนที่ยากไร้อย่างมากมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น ช่วงอายุของชีวิตลดลง และจำนวนผู้เสียชีวิตจากเอชไอวี วัณโรค และมาลาเรีย ในแต่ละปีอาจจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าตัว
ซึ่งโลว์ค็อกบอกว่า สิ่งที่จะต้องแจ้งเตือนจริงๆ คือภัยคุกคามของการกลับมาของความอดอยาก ที่อาจจะเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ด้วยกัน ซึ่งในตอนนี้ประเทศที่อยู่ในภาวะอดอยากอย่างแท้จริงในช่วงศตวรรษที่ 21 คือโซมาเลีย ที่ประสบความอดอยากมาตั้งแต่เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน
แต่ตอนนี้ต้องแจ้งเตือนว่า ภายในสิ้นปี 2020 นี้ จำนวนของผู้คนที่ประสบกับภาวะขาดแคลนอาหารอย่างรุนแรงทั่วโลกอาจจะมีสูงถึง 270 ล้านคน หรือเพิ่มขึ้นถึง 82 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าการระบาดของโควิด-19
โลว์ค็อกบอกว่า สภาพในเยเมน, บูร์กินา ฟาโซ, ซูดานใต้ และทางตะวันออกเฉียงเหนือของไนจีเรีย ชี้ให้เห็นว่า กำลังตกอยู่ในภาวะอดอยาก ขณะที่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค รวมทั้งอัฟกานิสถานและซาเฮลกำลังอยู่ในภาวะเปราะบางอย่างมาก
“หากเราสามารถผ่านช่วงปี 2021 ไปได้โดยไม่เกิดภาวะอดอยากครั้งใหญ่ ก็จะถือว่าเราประสบความสำเร็จอย่างมาก” โลว์ค็อกกล่าว
ในการร้องขอความช่วยเหลือจากยูเอ็น แสดงให้เห็นว่าประเทศที่กำลังประสบภัยสงครามอย่างซีเรียและเยเมน ถือเป็นประเทศลำดับต้นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมอย่างมากที่สุด
โดยยูเอ็นได้ร้องขอเงินเพื่อช่วยเหลือชาวซีเรียทั้งในและนอกประเทศซีเรียเป็นเงินเกือบ 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อนำไปช่วยเหลือผู้คนที่ต้องตกเป็นเหยื่อของสงครามกลางเมืองในซีเรียที่ยืดเยื้อมานานนับสิบปี
และต้องการเงินอีกเกือบ 3,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อช่วยเหลือชาวเยเมนเกือบ 20 ล้านคนที่กำลังประสบกับวิกฤตด้านมนุษยธรรมที่เลวร้ายที่สุดในโลก
ส่วนประเทศอื่นๆ ที่ถือว่าประสบวิกฤตและต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนเช่นกันคือ สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, อัฟกานิสถาน และเอธิโอเปีย
รวมๆ แล้วก็เป็นเงินถึง 35,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะต้องการเพื่อนำไปช่วยเหลือกลุ่มคนทุกข์ยากในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่กำลังเกิดขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นจำนวนที่มากกว่าเงินช่วยเหลือปีนี้ที่หาได้ถึง 17,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่แม้ว่าจะเป็นจำนวนเงินที่มากที่สุดเท่าที่เคยมีการช่วยเหลือมา แต่ก็ยังน้อยกว่าที่ได้ร้องขอไปเมื่อต้นปี คือเกือบ 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นช่วงก่อนหน้าที่จะเกิดการระบาดของโควิด-19
อันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็น กล่าวในแถลงการณ์ระบุว่า วิกฤตที่เกิดขึ้นยังไม่มีทีท่าว่าจะจบลงในเวลาอันใกล้ งบประมาณเพื่อความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมกำลังจะขาดแคลนลง เนื่องจากผลกระทบจากการระบาดของโรคทั่วโลกที่ยังคงเลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง
“ดังนั้น ทุกคนควรจะร่วมมือกันในการจัดหาทรัพยากรและมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับผู้คนที่กำลังตกอยู่ในความมืดมน”
กูแตร์เรสกล่าวทิ้งท้าย