วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู / เสถียร จันทิมาธร / ทุ่นหนัก จากเหมยฉางซู (71)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งกลยุทธ์ เหมยฉางซู/เสถียร จันทิมาธร

ทุ่นหนัก จากเหมยฉางซู (71)

มองจากมุมของซีเหมิ่งเมื่อเห็นใบหน้าเครียดขึ้งประหนึ่งแผ่นเหล็กของจิ้งหวัง ความรู้สึกคึกคะนองที่เกือบจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาพลันรู้สึกยิ่งมา ยิ่งผิดท่า กระทั่งอาจกลายเป็นความพลาด
บังเกิดความประหวั่นพรั่นพรึง สายตาค่อยๆ เบนไปทางซ้ายโดยไม่รู้ตัว
บริเวณนั้นยืนอยู่ด้วยเหล่าขุนทัพใต้บัญชาของจิ้งหวัง สีหน้าทุกคนล้วนเคร่งเครียด จริงจัง 1 ในนั้นลอบทำมือบอกใบ้ให้ซีเหมิ่งคุกเข่าลงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์
ขาอันแข็งตึงจึงอ่อนวูบลงโดยอัตโนมัติ
“เป็นผู้น้อยบุ่มบ่าม ต้องขออภัย ขอท่านซูเห็นแก่ข้าที่เป็นคนหยาบช้า อย่าได้ถือสาเอาความ” เข้าใจว่าที่จิ้งหวังบันดาลโทสะเป็นเพราะโปรดปรานซูเจ๋อ โมโหที่ตนเสียมารยาทต่อ
ดังนั้น จึงรีบคล้อยตามคำแนะนำ คุกเข่าขออภัยต่อเหมยฉางซู
“ไม่จำเป็นต้องขอโทษต่อข้า” เหมยฉางซูยิ้มหยัน ถ้อยคำแต่ละถ้อยคำอันออกจากปากราวกับคมดาบอาบพิษก็มิปาน
“อย่างไรคนที่เสียหน้าก็คือจิ้งหวัง หาใช่ข้า”

เหมยฉางซูไม่สนใจว่าประโยคนี้จะนำมาซึ่งความวุ่นวายปานใด แววตา 2 สายซึ่งยังคงเยือกเย็น ลึกล้ำ เบนจากใบหน้าซีเหมิ่งไปยังใบหน้าของจิ้งหวังเหมือนกับเป็นคำถาม
“ผู้แซ่ซูเลื่อมใสวิถีการปกครองทหารของจิ้งหวังมาตลอด
คิดไม่ถึงวันนี้ได้เห็นกับตา น่าผิดหวังจริงๆ ล้วนแต่ฝูงอีกาที่ขาดวินัย ไม่เห็นผู้บังคับบัญชาอยู่ในสายตา มิน่าถึงไม่ได้รับการเหลียวแลจากฝ่าบาท ถึงขนาดซัดมีดใส่จิ้งหวังได้
นี่เป็นกฎระเบียบอันใดกัน
บารมีอำนาจขององค์ชายต่อลูกน้องในสังกัดยังเทียบไม่ได้กับกระหม่อมผู้เป็นประมุขบูรพานทีด้วยซ้ำ ผู้แซ่ซู วันนี้ได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ ลาก่อน”
คำว่าลาก่อนเยือกเย็นยิ่งกว่าน้ำแข็งแห่งคิมหันตฤดู
ขณะเหมยฉางซูกล่าว บนหน้าผากของซีเหมิ่งก็ผุดเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อเย็นเยียบ จิ้งหวังสะกดสายตาจ้องมองแน่วนิ่ง สักคำไม่มีหลุดจากปาก
สีหน้าดำทะมื่น

ทุกคนในบริเวณนั้นเงียบอย่างมากด้วยความประหวั่นก่อนทยอยคุกเข่าลงทีละคน ทีละคนจนครบ แม้แต่ถิงเซิงที่ยังมึนงงว่าเกิดอะไรขึ้นก็พลอยตกใจคุกเข่าตามไปด้วย
เป็นการคุกเข่า ณ เบื้องหน้าความกริ้วของจิ้งหวัง
เป็นการคุกเข่าขณะที่เหมยฉางซูเดินนำเฟยหลิวออกจากประตูใหญ่ของจวนจิ้งหวังอย่างไม่ยี่หระ จึงไม่มีใครกล้าเปล่งเสียงทัดทานแม้แต่คนเดียว เพราะทุกคนตระหนักว่าวาจาแม้ระคายหูแต่กล่าวได้ไม่ผิด
แม้การประลองฝีมือหรือทดสอบความกล้าของผู้มาเยือนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทั่วไป
แต่จิ้งหวังก็อยู่ในเหตุการณ์ หรือไม่อยู่ในเหตุการณ์ กลับไม่อาจจะเลยได้ เพราะเหมยฉางซูคือแขกของจิ้งหวัง เพราะทุกอย่างบังเกิดขึ้นต่อหน้าของจิ้งหวังซึ่งเป็นเจ้านายและผู้บังคับบัญชา
“องค์ชาย” สุดท้ายยังคงเป็นจั้นอิง
จั้นอิงซึ่งเป็นแม่ทัพคนสนิทซึ่งมีชั้นยศสูงสุดของจวนจิ้งหวังเอ่ยขึ้น “เหล่าผู้น้อยล้วนสำนึกผิดแล้ว องค์ชายโปรดระงับโทสะ ผู้น้อยทุกคนยินดีน้อมรับโทษทัณฑ์”
“องค์ชายโปรดลงโทษ” เป็นคำของซีเหมิ่งซึ่งโขกศีรษะลงไป 1 ครั้ง

สายตาดุดันเย็นชาของจิ้งหวังกวาดมองไปทั่วบริเวณรอบหนึ่ง เห็นทุกคนพากันก้มหน้าต่ำไม่กล้าสบตา ค่อยเบนสายตากลับมายังร่างของซีเหมิ่ง เหมยฉางซูใช้วาจาบาดลึกถึงที่สุด
ทิ้งปัญหาใหญ่ 1 ข้อไว้ให้เพื่อนำไปสู่ “การปรับระเบียบภายใน”
เพราะเมื่อเลือกเดินบนถนนไปสู่บัลลังก์สูงสุดสายนั้น ความเปลี่ยนแปลงที่ตามมาแน่นอนว่ามากมายสุดคณานับ ต้องหาวิธีหล่อหลอมขุมกำลังภายในให้กลายเป็นปราการเหล็กอันแข็งแกร่ง
แม้รู้สึกได้ถึงภาระอันหนักอึ้งบนบ่า แต่ลำตัวกลับยิ่งเหยียดตรงมากขึ้น
“ซีเหมิ่งเสียมารยาท ขาดความเคารพ ลงทัณฑ์ด้วยกระบองทหาร 50 ไม้ ลดชั้นยศเป็นนายกองร้อย ให้จิ้นอิงเป็นผู้ควบคุมการลงโทษ”
กล่าวจบหมุนกายสืบเท้าก้าวสวบๆ จากไป ปล่อยให้ทุกคนตกตะลึงพรึงเพริดอยู่ในสนามฝึก