เครื่องเคียงข้างจอ / วัชระ แวววุฒินันท์ /ธรรมชาติเอาคืน

วัชระ แวววุฒินันท์

เครื่องเคียงข้างจอ/วัชระ แวววุฒินันท์

ธรรมชาติเอาคืน

 

ตั้งแต่มีเหตุการณ์ของโรคระบาดไวรัสโคโรนาเข้ามาท้าทายโลกเราอยู่ทุกวัน ก็มีคนพูดถึงวลี “ธรรมชาติเอาคืน” นี้หนาหู

ต้องยอมรับว่าในเวลาร่วม 40-50 ปีมานี้ มนุษย์ได้รุกราน ย่ำยี ล้างผลาญธรรมชาติอย่างมโหฬารทั่วโลก ทั้งจากการแก่งแย่งทรัพยากร ทั้งจากการขยายตัวของความเจริญ ทั้งจากความต้องการด้านผลิตที่มากขึ้นตามจำนวนประชากรโลก

และที่สำคัญ มันมาจากความต้องการที่ไม่รู้จักพอของมนุษย์

เหมือนพอได้มาก็จะเอาอีก ไม่เคยคิดถึงอนาคต คิดถึงแต่ปัจจุบัน

ปัจจัยที่เร่งให้เกิดกระบวนการเหล่านี้คือระบบของโลกทุนนิยม ที่หวังแข่งขันเรื่องผลประโยชน์สูงสุด มีผลกำไรจากความร่ำรวยเป็นตัวตั้ง

เมื่อมนุษย์บริโภคกันมาก กอบโกยกันมาก ไม่รู้จักพอกันทุกหย่อมหญ้า

เมื่อนั้นธรรมชาติก็จำต้องสร้างสมดุลของตนเองขึ้นมา เพื่อหยุดกลไกการรุกรานนั้นเสีย ดังจะเห็นได้จากการส่ง “ไวรัสโคโรนา” เข้ามาต่อกรกับความโลภของมนุษย์

ธรรมชาติคงคำรามว่า…เอาซี่ อวดดีกันนัก ดูซิว่าจะหมู่หรือจ่า

และผลคงออกมาต่ำกว่าจ่าแน่นอน เพราะที่เคยวิ่งพล่านกอบโกยผลประโยชน์กันไปทั่วโลก ก็มีอันต้องหยุดชะงัก

ทุกอย่างต้องสงบ ต้องนิ่ง ต้องชะลอหรือหยุดธุรกรรมต่างๆ เพื่อการรักษาชีวิตเอาไว้ให้มากที่สุด

เหมือนธรรมชาติที่กำลังรักษาเยียวยาตัวเอง

 

ท้องฟ้าทั่วโลกกลับมาสวยสดใส สะอาดบริสุทธิ์มากขึ้น ในช่วงที่รถราวิ่งกันน้อยลง และเครื่องบินก็หยุดการจราจรทางอากาศโดยสิ้นเชิง

น้ำทะเลสวย สีใส เห็นหมู่ปลา และธรรมชาติใต้ทะเลที่เคยหลบหายไปนาน ได้กลับมาเริงร่ามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เพราะไม่มีมนุษย์มารบกวน

พวกสัตว์น้ำคงรีบส่งไลน์บอกกันให้รีบวางไข่ในช่วงนี้ เพื่อขยายเผ่าพันธุ์ของตนเอง

ยามที่เมืองและสถานที่ต่างๆ ปิดล็อก ห้ามคนเดินทางท่องเที่ยว ก็จะมีเหล่าสัตว์ป่ามาเยี่ยมเยียนแทน และเดินเหินอย่างปลอดภัย โดยไม่ต้องโหลดแอพพ์ไทยชนะ ซึ่งจะว่าไปแล้วพื้นที่ตรงนี้ในอดีตก็คือผืนป่าที่เป็นบ้านเดิมของพวกเขานั่นแหละ

ในช่วงที่ผ่านมา เราได้หยุดได้อยู่กับตัวเองมากขึ้น หลายคนที่ไม่เคยคุยและทำความรู้จักตัวเองก็ได้โอกาสทำ และค้นพบความมหัศจรรย์มากมาย

นั่นสอนให้เรารู้จักอยู่กับตัวเองมากกว่าวิ่งไปรู้จักคนอื่นไปทั่ว แล้วก็ยังคง “ทุกข์” ในความเป็นโลกธรรมอยู่นั่นเอง เพราะมัวแต่ยุ่งเรื่องของเขา อิจฉาเขา ไม่ก็เป็นเดือดเป็นร้อนไปกับเขาจนเกินเหตุ

ธรรมชาติได้มอบบทเรียนและคำสอนที่สำคัญให้กับเรา จริงๆ ไม่ใช่เรื่องใหม่ พุทธศาสนาได้กล่าวไว้กว่า 2,500 ปีแล้ว ว่าทุกอย่างที่วุ่นวาย เวียนว่ายตายเกิดก็เพราะ “การยึดติด”

หากเรารู้จักตัวเอง เพื่อที่จะตัดตัวเอง ไม่ยึดติดว่าต้องเป็นนายกฯ ต้องมีตำแหน่งสำคัญ ต้องโกงเลือกตั้งเพื่อให้ได้มีอำนาจ ต้องซิกแซ็กเพื่อให้รวย รวย รวย ต้องช่วยลูกให้พ้นผิดแม้มันจะทำผิดด้วยวิธีการที่ผิด ต้องได้ทุกอย่างที่ฉันลุกขึ้นเรียกร้อง โดยเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางไม่มองโลกในความเป็นจริง

ถ้าเราไม่ยึดติด เราก็จะปล่อยวาง เราก็จะไม่โลภ อยากได้นั่นนี่ ไม่ทำมากไป น้อยไป ทำแต่พอดี พอเพียง นั่นคือการเดินสายกลางในพุทธศาสนา

และพุทธศาสนากับธรรมชาติ ก็คือสิ่งเดียวกัน

หากธรรมชาติกำลังเอาคืน ก็เพราะเราย่อหย่อนเรื่องศาสนา

ธรรมชาติอาจไม่ได้บอกวิธีแก้ไข เยียวยา แต่พุทธศาสนาได้แนะแนวทางนั้นไว้ให้แล้วอย่างดียิ่ง

ถ้าเราคิดดีทำดีตามแนวทางพุทธศาสนา ก็คือการตอบแทนธรรมชาติด้วยความเคารพนั่นเอง

 

ยามนี้หากเราถอยหลังอยู่ห่างออกมานอกโลกใบนี้ และมองกลับลงไปด้วยแว่นขยายอันใหญ่ เราก็จะเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั่วโลกเหมือนหนอนยั้วเยี้ย

ความวุ่นวายจากการรับมือไวรัสโควิด-19 ยังมีอยู่ ซ้ำหนักกว่าเก่าเพราะเกิดการแพร่ระบาดรอบสองในหลายๆ ประเทศ ขณะที่วัคซีนยังไม่มีมาจริง

ต้องสาหัสกับการแพร่ระบาดไม่พอ ทุกประเทศถูกทุบด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้า แค่สองเรื่องนี้ก็หนักหนาเกินเยียวยา

แต่เมื่อส่องเจาะไปเป็นพื้นที่ก็เหมือนว่าโลกนี้ไม่มีวันสงบได้ง่ายๆ

สหรัฐอเมริกามียอดคนติดเชื้อเกิน 5 ล้านคนไปแล้ว ที่ผ่านมาก็มีปัญหาเรื่องการแบ่งแยกสีผิวและความเหลื่อมล้ำในสังคมจนปะทุออกมาในวงกว้างและยังแก้ไม่ตก ไม่นับความขัดแย้งทางการเมืองที่กำลังจะเข้มข้นขึ้นเพราะใกล้ถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ที่ประเทศเลบานอน โลกต้องตกใจกับเหตุระเบิดครั้งใหญ่ในกรุงเบรุต จนคร่าชีวิตผู้คนนับร้อย บาดเจ็บนับพัน และคนนับแสนต้องไร้ที่อยู่ ลามไปถึงการออกมาประท้วงของประชาชนเพื่อขับไล่รัฐบาลอันมีเหตุจากการระเบิดนี้ ที่ฮ่องกงก็วุ่นวายกับการมีกฎหมายความมั่นคงใหม่จากจีนแผ่นดินใหญ่มาใช้ปกครอง และคนหนุ่ม-สาว รวมทั้งสื่อต่างๆ ก็ถูกจับกุมด้วยกฎหมายนี้ ที่เป็นผลมาจากการชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

ที่ญี่ปุ่นก็มีการระบาดครั้งใหม่ เช่นเดียวกับเกาหลีใต้และออสเตรเลีย การใช้มาตรการปิดล็อกเมืองและพื้นที่ถูกนำกลับมาใช้จนเกิดผลกระทบกับชีวิตอย่างมากอีกครั้ง

ประเทศมหาอำนาจใหม่อย่างจีนก็กำลังปวดหัวกับฮ่องกงที่ว่า ในขณะเดียวกันก็ต้องหาทางหยุดการแพร่ระบาดของไวรัสนี้ในประเทศให้ได้ ในขณะที่หน่วยงานวิจัยก็ชี้ว่ามีการกลายพันธุ์ของไวรัสที่เราต้องเตรียมรับมืออีกไม่รู้จบ

ซ้ำจีนยังต้องหันหน้าปะทะศึกกับอเมริกาที่เปิดหน้าเป็นศัตรูรายวัน ซึ่งคนทั้งโลกจับตา มองอยู่อย่างใกล้ชิด เพราะช้างสารสู้กันเมื่อไหร่ก็บรรลัยเมื่อนั้น

อินเดียก็มีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วพอๆ กับบราซิล และอีกหลายประเทศที่เหมือนจะรบไม่ชนะเสียที

 

ส่องมาที่เมืองไทยของเรา ก็ไม่ได้วุ่นวายขายปลาช่อนน้อยกว่าที่กล่าวมานัก แม้จะได้เกรดเอจากการควบคุมการระบาดของไวรัสโคโรนาจนเป็นที่ชื่นชมจากทั่วโลก แต่ปัญหาการเมืองกำลังจะทำให้บรรยากาศของประเทศทรุดซ้ำลงอีก

ปัญหาการเมืองในเรื่องแย่งชิงเก้าอี้และตำแหน่งใน ครม. ปัญหาการเมืองเรื่องการทำหน้าที่ระหว่างฝ่ายรัฐบาล (ที่ก็มีปัญหากันเอง) กับฝ่ายค้าน (ที่ก็มีปัญหากันเองเช่นกัน)

ปัญหาเศรษฐกิจที่แก้ยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา รอคอยความท้าทายกับ รมต.เศรษฐกิจชุดใหม่ชนิดที่รับตำแหน่งปั๊บก็อุ้มเผือกร้อนทันทีทันใด

ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมที่กำลังเป็นข่าวใหญ่ จนเกิดการเรียกร้องให้สังคายนาสถาบันตำรวจและอัยการ

ปัญหาความปลอดภัยในชีวิต ที่ทุกวันนี้เด็กสองขวบไปโรงเรียนก็มีสิทธิ์ตายได้

และที่ปะทุจุดเดือดปุดๆ อยู่นี้ก็คือม็อบปลดแอกของคนรุ่นใหม่ทั้งหลาย ที่เป็นโจทย์ยากยิ่งของรัฐบาล หากจัดการไม่ดี ไม่อดทนพอก็พร้อมจะเป็นจุดสลบได้

ไม่ว่าจะเพนกวิน พังพอน พะยูน หรืออะไร หากต้องทำตามกฎหมายก็ต้องทำตาม เพราะเราเรียกร้องความยุติธรรมใต้กฎหมายเดียวกัน ทั้งนี้ก็เพื่อการต่อสู้ที่สู้อุตส่าห์เรียกร้องไม่ให้ “เสียของ” ซะอย่างนั้น

เหล่านี้ก็คือสิ่งที่ “ธรรมชาติเอาคืน” อยู่เช่นกัน

 

เพราะเราไม่รู้จักความสมดุลของสังคม เราปล่อยให้บางคนมีมากเกินไป และบางคนมีน้อยเกินไป บางคนมีอำนาจมากเกินไป และยิ่งเลวร้ายหากว่าใช้อำนาจที่มีมากนั้นรังแกคนตัวเล็กกว่า อำนาจน้อยกว่า

เราปล่อยให้สังคมของเรามี “สำนึก” ในทิศทางที่ผิดมานาน โดยการบูชาเงิน พึ่งพิงคนมีอำนาจมากกว่าตัวเอง

ปล่อยให้ “ความซื่อตรง ซื่อสัตย์” เป็นสิ่งไร้ค่า ในขณะที่ความฉ้อฉล คดโกง คอร์รัปชั่น เกิดขึ้นในทุกพื้นที่ของสังคม

เราปล่อยและเราเสพเงิน เสพอำนาจ เสพโอกาสกันมากเกินไป ไม่มีความพอเพียงและสมดุลที่จะเดินสายกลางและจับมือไปด้วยกัน

ไม่ได้หมายความว่าทุกคนต้องเท่ากัน ซึ่งไม่มีวันเป็นจริง แต่ทำอย่างไรให้คนมีมาก รู้จักหยุดการมีมาก และหันมาช่วยเหลือ ให้โอกาสคนมีน้อย และทำยังไงให้คนมีน้อยมีโอกาสมีมากขึ้นตามความสามารถของตนเอง และมีความสุขได้

และถ้าคนมีมากทำผิด ก็ต้องถูกลงโทษเช่นเดียวกันกับคนมีน้อย จึงจะเกิดความสมดุลในความยุติธรรม

เหตุการณ์ที่วุ่นวายอยู่เช่นนี้ทั่วโลก ก็เพราะธรรมชาติกำลังเอาคืนจากพวกเรา

อยู่ที่พวกเราแล้วว่า ได้เคารพธรรมชาติ และให้ความสำคัญกับความสมดุลมากแค่ไหน

ไม่อย่างนั้นธรรมชาติก็จะ “เล่นไม่เลิก” อย่างแน่นอนนะจ๊ะ จะบอกให้ตัวเอง

กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2
ลงทะเบียนเข้างานฟรี มีต้นไม้แจกด้วยนะ (จำนวนจำกัด)