อนุสรณ์ ติปยานนท์ : ลวดลายผืนผ้า

ปากะศิลป์ฉบับอ่านใหม่ (44)

ป่าน้ำผึ้ง (9)

“พรหมลิขิตบันดาลชักพา

ดลให้มาพบกันทันใด

ก่อนนี้อยู่กันแสนไกล

พรหมลิขิตดลจิตใจ

ฉันจึงได้มาใกล้กับเธอ

เออชะรอยจะเป็นเนื้อคู่

ควรอุ้มชูเลี้ยงดูบำเรอ

แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอ

ใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ

ฉันและเธอคือคู่สร้างมา”

“พรหมลิขิต” ผู้แต่ง แก้ว อัจฉริยะกุล

 

วงสนทนาหยุดพักลงอีกครั้ง ชายหนุ่มมองดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือของเขา ก่อนจะเอ่ยกับมิตรอาวุโสผู้มีบรรดาศักดิ์เป็นถึงคุณหลวงว่า

“จะใกล้รุ่งสางแล้วครับ คุณพี่จะพักก่อนหรือจะเล่าต่อจนจบเรื่องราวดีครับ?”

หลวงบุเรศรฯ ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มจนหมด เขานั่งนิ่งใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่

“ผมคิดว่าเล่าให้มันจบในคราเดียวเถอะ ผมไม่อยากแบกความรู้สึกแบบนี้ไว้ชนิดข้ามวันข้ามคืน แต่ขอบุหรี่ให้ผมอีกตัวเถอะ ใส่ยามากหน่อยแล้วกัน และถ้าคุณจะกรุณา ถ้าถ่านยังพอมี ช่วยเกลี่ยให้มันมีไฟ และต้มกาแฟมากินกันสักกา เวลาแบบนี้แหละเป็นเวลาเดียวกับที่เกิดเรื่องที่ผมจะไม่มีทางลืมจนวันตาย”

ชายหนุ่มทำตามคำขอนั้น เขาลุกขึ้นไปเกลี่ยไฟที่ยังเหลือในกอง ก่อนจะพัดวีและเติมถ่านที่ทำจากไม้ลำไยสี่ห้าท่อนลงไปในกอง หลังจากนั้นเขาจัดแจงล้างหม้อสนาม เติมน้ำจากโอ่งลงไป ราวสิบนาทีต่อมา น้ำในหม้อก็เดือดจัด

ชายหนุ่มเทกาแฟคั่วลงในถุงผ้าที่ใช้ชงกาแฟ เติมน้ำร้อน เอากากาแฟรองถุงกาแฟนั้นก่อนจะคนกาแฟในถุงจนได้น้ำกาแฟสีน้ำตาลเข้ม เขารินกาแฟในกาแบ่งใส่ถ้วยกาแฟสองถ้วย และถือถ้วยกาแฟสองถ้วยนั้นกลับมาในวงสนทนา

“กาแฟครับคุณพี่” ชายหนุ่มเอ่ย

“ขอบคุณมาก ผมเล่าถึงไหนแล้วนะ ขอโทษที อายุมันเล่นงานสมองผมเข้าให้แล้ว”

“ถึงตอนที่คุณพี่กำลังเดินตามหญิงสาวที่คุณพี่พบที่หมู่บ้านนั้นไปยังวัดเพื่อถวายผ้าที่เธอทอ”

 

“ใช่ ตอนนั้นแหละ ผมเองแสนจะดีใจที่ได้เจอเธออีกครั้ง อีกทั้งยังได้เดินเคียงข้างเธอไปในพิธีสำคัญอีกด้วย ระหว่างการเดินนั้นผมขบคิดไปตลอดทางว่าถ้าผมจะต้องติดอยู่ที่นั่นกับเธอผู้นั้นไปตลอดชีวิตผมก็ยอม ผมคิดเตลิดไปไกลถึงการสร้างครอบครัวกับเธอ หยุดไอ้เจ้าชีวิตเร่ร่อนนี้เสียที ปลูกต้นไม้ ทำไร่ทำนา จะเป็นไรไป ความรู้ความอ่านเราก็มี ส่วนเรื่องทุนที่ต้องใช้คืนหลวงท่านนั้น ผมก็คิดว่าที่ดินใจกลางกรุงเทพฯ แถบสวนพลูก็มีอยู่หลายแปลง ขอปันจากพ่อกับแม่มาขายเอาเงินคืนหลวงก็เหลือจะพอ หลังจากนั้นอาจเหลือเงินสักก้อนมาปลูกบ้านที่นี่ด้วย ผมคิดไปไกลถึงเพียงนั้นเลยคุณ”

“ก็ใครเล่า มันจะไม่คิดไปถึงเพียงนั้น การได้เดินเคียงข้างสาวงามอยู่โดยลำพังในป่าลึก ที่กลิ่นเอื้องผึ้งซึ่งแซมผมของเธอโชยมาให้เราได้หอมเข้าไปในอกเป็นระยะเช่นนั้น มันปานจะทำให้ผมจับไข้ด้วยพิษรักทีเดียว

“ผมหมายมั่นปั้นมือว่าจบพิธีถวายผ้าที่เป็นเครื่องบุญเช่นนั้นเสร็จ ผมก็จะขอเธอแต่งงานเลยทีเดียว”

“จะหาว่าผมใจเร็วด่วนได้หรืออะไรก็เอาเถิด หรือจะหาว่าผมไม่ถือคติช้าๆ ได้พร้าเล่มงามหรือดูนางต้องดูถึงแม่ก็เอา ผมพบเธอเพียงแค่สองครั้งก็จริง แต่ประสาทสำนึกในตัวผมทั้งหมดบอกผมว่าผมเคยพบเธอมาเนิ่นนานแล้ว”

“และเธอนี่แหละคือคู่รักของผมที่จะไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงได้”

 

“เราทั้งคู่เดินมาจนถึงลานกลางป่า และ ณ จุดนั้นเองที่ผมแลเห็นอารามขนาดใหญ่และศาลาไม้สักที่เช้าวันก่อนมาผมและชาวบ้านไม่มีใครพบเห็นสถานที่ที่ว่านั้นเลย หญิงสาวพาผมเดินเข้าไปในอาราม ผ่านประตูโขงดังเคย ก่อนที่เธอจะนำผมขึ้นไปบนศาลา และที่บนศาลานั้นเอง ผมและเห็นอุบาสกและอุบาสิกานุ่งขาวห่มขาวจำนวนมากนั่งอยู่เบื้องหน้าพระประธานองค์ใหญ่ที่หล่อขึ้นจากสำริด สองข้างผนังยกสูงขึ้นเป็นเสนาสนะ มีพระภิกษุใหญ่น้อยนั่งเรียงแถวพองามจนสุดศาลา”

“ตรงกลางศาลานั้นมีธรรมาสน์เทศน์ขนาดใหญ่ที่มีหลังคาปกคลุม ทางขึ้นเป็นบันไดไม้แกะสลักเป็นรูปของนาคยาวไปจนถึงตัวธรรมาสน์ และบนธรรมาสน์นั้นมีพระภิกษุวัยกลางคน คลองจีวรสีหมากสุก ห่มผ้ารัดอก ห้อยลูกประคำ ผมคุ้นภาพพระภิกษุรูปนั้นมาก แต่นึกไม่ออกแม้จะทวนความจำหลายหนว่าเคยพบหรือเคยประจักษ์เห็นท่านในที่ใดมาก่อน”

“พระภิกษุรูปนั้นเมื่อเห็นผมและหญิงสาว ก็แสดงรอยยิ้มอันมีเมตตามายังเราทั้งคู่ ท่านเอ่ยเป็นภาษาถิ่นที่ได้ใจความว่า “โยมแสงฉาน นำของถวายมาแล้วใช่ไหม นำมาที่นี่เถอะ เราจะได้เริ่มพิธีกรรมกันเสียที แล้วโยมผู้ชายนั่นล่ะที่มาด้วยกัน ไปมาจากไหนถึงมากับแสงฉานได้”

 

ชายหนุ่มยกแก้วกาแฟขึ้นจิบ พร้อมกับจุดบุหรี่ของเขาขึ้นสูบในเวลาเดียวกัน ท้องฟ้ามีแสงอรุณรุ่งรำไร ก่อนจะขัดจังหวะว่า “คุณพี่ฟังภาษาเมืองหรือภาษาถิ่นออกด้วยหรือ?”

“นั่นเป็นปริศนาอีกข้อที่ผมคิดว่าจะเล่าให้คุณฟังในภายหลัง แต่เมื่อคุณถามขึ้นมาแล้ว ผมก็จะขอเล่าให้คุณฟังเสียตรงนี้เลย ผมน่ะ แม้จะชอบผจญภัยเดินทางไปร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ แต่ไอ้ภาษาที่คนทั่วไปในพื้นที่เขาพูดกัน ผมนี่ไม่กระดิกหูเลยทีเดียว จะว่าฟังพอเข้าใจ มันก็เป็นเพราะเดา แต่จะโต้ตอบสนทนากับใครนั้น เห็นทีจะทำไม่ได้ ไปอยู่แถวสุรินทร์ ก็ฟังภาษาส่วยเขาพอได้ แต่ก็พูดไม่เป็น ไปอยู่โก-ลก ก็พอฟังภาษายาวีเขาได้ แต่ก็สื่อสารกับเขาไม่ถูกอีกเช่นกัน รวมความก็คือ ผมนั้นหนักไปทางฟัง จะให้พูดสนทนาเป็นงานเป็นการใครนั้น ข้างจะเหลวเสียมาก”

“แต่น่าแปลกที่ในวันนั้น ผมเข้าใจในทุกสิ่งที่พระอาวุโสท่านนั้นพูดหรือสนทนากับผม ไปจนถึงผมเข้าใจในทุกอย่างที่ผู้คนบนศาลาวันนั้น ทั้งอุบาสก อุบาสิกา ชาวบ้านทั่วไปสนทนากัน ผมเข้าใจในทุกสิ่งราวกับผมได้เกิดในดินแดนแห่งนั้นมาเนิ่นนานแล้ว ผมแจ้งกับพระภิกษุรูปนั้นว่าผมเป็นคนพลัดถิ่นผ่านทางมาจนได้เจอเข้ากับแสงฉาน จบบทสนทนาแล้วผมก็หาได้เฉลียวใจถึงสิ่งนี้ไม่ แต่เมื่อมาถึงปัจจุบัน เมื่อใคร่ครวญดู สิ่งนี้หาใช่ปริศนาเพียงเรื่องเดียวที่เกิดขึ้นในวันนั้น”

“แสงฉานลงนั่งกับพื้นศาลา ส่วนผมก็ทำตามเธอในแบบเดียวกัน เธอนั่งพับเพียบกราบพระรูปนั้นอย่างเคารพถึงสามครา ส่วนผมก็นั่งกระหย่งกราบท่านเช่นกัน หลังจากนั้นแสงฉานได้ส่งผ้าผืนนั้นให้ผมได้ประเคนท่าน ผมกระเถิบเข้าไปใกล้เหยียดตัวขึ้นถวายผ้าให้กับพระอาวุโสรูปนั้นที่รับมันเอาไว้ด้วยความยินดี”

“เมื่อได้ผ้าผืนนั้นไว้ในมือ พระอาวุโสรูปนั้นก็พาดผ้าผืนนั้นไว้กับท่อนแขนของท่านไม่ต่างจากนาคหนุ่มที่ถือผ้าไตรจีวรไว้ในอ้อมมือ ท่านสวดเป็นภาษาบาลีในสำเนียงท้องถิ่นอยู่ราวครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ก่อนที่พระภิกษุรูปอื่นจะกล่าวคำว่าสาธุอย่างพร้อมเพรียงกันในเวลาต่อมา”

“หลังเสร็จสิ้นพิธีกรรมดังกล่าว พระอาวุโสรุปนั้นก็กวักมือเรียกไวยาวัจกรคนหนึ่งที่หมอบกราบอยู่ในหมู่อุบาสกให้นำผ้าผืนนั้นไปประดับใต้ขื่อคาและคอสองของศาลาให้ทั่วถึงกัน”

 

“ปริศนาอีกข้อเกิดขึ้นในยามนั้นเอง ผ้าผืนที่หญิงสาวผู้นั้นผู้มีนามว่าแสงฉานนำมาถวายซึ่งผมเห็นว่าเป็นผ้าผืนที่เธอทอจากใต้ถุนเรือนที่ผมพักอาศัย ซึ่งมีขนาดไม่ยาวนัก เมื่อไวยาวัจกรและอุบาสกคนอื่นช่วยกันคลี่ออกเพื่อติดใต้คอสองนั้นกลับมีความยาวที่ดูเหมือนไม่จบสิ้น เมื่อเริ่มจากจุดแรกตรงขอบสุดด้านหนึ่งของศาลา ผ้าผืนนั้นวนขวาไปตามศาลาที่น่าจะมีขนาดกว้างและยาวไม่ต่ำกว่าหลายสิบศอก ผ้ายาวออกไปเรื่อยๆ ยาวออกไปเรื่อยจนในที่สุดก็บรรจบที่สุดขอบของศาลาอีกฟากฝั่งพอดีราวกับว่าแสงฉานได้คำนวณมันไว้อย่างเรียบร้อยแล้ว”

“ผมเพิ่งสังเกตเห็นว่าลวดลายในผ้าผืนนั้นหลังจากการคลี่ออกเรียบร้อยแล้ว เป็นลวดลายที่เกี่ยวข้องกับป่าแห่งหนึ่ง จากมุมหนึ่งของผ้าแสดงให้เห็นป่าขนาดใหญ่ที่มีต้นไม้หลากหลายนานาชนิด ถัดออกมาเป็นฝูงสัตว์แต่ใจกลางของผ้าที่ถูกขึงและติดตรึงไว้ด้านหลังของพระประธานนั้นสิที่น่าพิศวง มันเป็นลวดลายที่แสดงให้เห็นถึงชายคนหนึ่งที่กำลังปีนพะองที่ติดอยู่กับต้นไม้สูงใหญ่เพื่อไปหาน้ำผึ้ง และบนยอดสุดของต้นไม้สูงใหญ่นั้นเองที่รูปภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังหยิบยื่นรวงผึ้งลงมาให้แก่เขา”

“แต่ที่ผมอัศจรรย์ใจเป็นที่สุดคือรูปภาพของชายและหญิงคู่นั้นมีใบหน้าเฉกเช่นเดียวกันกับผมและแสงฉาน เราทั้งคู่คือผู้ที่อยู่ในลวดลายบนผ้าผืนนั้น”

 


กว่า 12 ปี ของการจัดงาน Healthcare เครือมติชนร่วมกับพันธมิตรทั้งภาครัฐและเอกชน ได้ส่งต่อความรู้และให้บริการสุขภาพแก่คนไทยในทุกมิติ ทั้งการป้องกัน ดูแล และรักษา โดยเฉพาะการบริการตรวจสุขภาพฟรีจากสถานพยาบาลชั้นนำ เวิร์กชอป ให้คำปรึกษาปัญหาสุขภาพ รวมถึงการยกระดับเวทีเสวนาให้เป็น “Health Forum” เปิดเวทีให้แพทย์ และ Speaker ระดับประเทศ มาร่วมพูดคุยถึงแนวทางการป้องกัน การรักษา และนำเสนอนวัตกรรมทางการแพทย์ รวมถึงเรื่องราวสุขภาพในแบบเอ็กซ์คลูซีฟที่จะมาให้อัปเดตตลอด 4 วันของการจัดงาน เดินทางสะดวกโดยทางด่วนและ MRT ลงสถานีสามย่าน ทางออกที่ 2
ลงทะเบียนเข้างานฟรี มีต้นไม้แจกด้วยนะ (จำนวนจำกัด)