รายงานพิเศษ / โชคชัย บุณยะกลัมพ/TikTok มาแรงทั่วโลก สงครามเทคโนโลยี ภัยคุกคามทรัมป์

รายงานพิเศษ/โชคชัย บุณยะกลัมพ

https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/

TikTok มาแรงทั่วโลก

สงครามเทคโนโลยี

ภัยคุกคามทรัมป์

 

เรียกได้ว่าตอนนี้แอพพ์ TikTok มาแรงสุดๆ ด้วยแพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้น ที่นอกจากจะโดดเด่นแซงทางโค้งขึ้นแท่นเป็นท็อปแอพพ์ที่คนทั่วโลกดาวน์โหลดมากกว่า 1 พันล้านครั้ง

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ TikTok โด่งดังก็คือ ปรากฏการณ์แจ้งเกิด “Challenge Marketing” ที่เรียกได้ว่าเป็นการสร้าง Engagement ระหว่างแบรนด์กับผู้บริโภค และถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งเทรนด์การตลาดที่มาแรง ตอบโจทย์การสร้างไวรัลให้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่ได้อย่างรวดเร็วในชั่วข้ามคืน

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ TikTok แพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้นนี้ ประสบความสำเร็จได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วไปทั่วโลกได้นั้นก็คือ การที่ TikTok เปรียบเสมือนชุมชนออนไลน์ขนาดใหญ่ที่เปิดโอกาสให้กับผู้ใช้ซึ่งเป็นครีเอเตอร์ ได้แสดงความสามารถของตนเองหรือแบ่งปันไอเดียสุดสร้างสรรค์ผ่านคลิปวิดีโอขนาดสั้น

ซึ่งตรงกับความต้องการของกลุ่มคนรุ่นใหม่ทั่วโลกที่ต้องการเป็นผู้นำทางด้านความคิด หรือ Key Opinion Leader ผ่านการสร้างสรรค์คอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ

ผู้ใช้ TikTok เอง ยังรู้สึกสนุกไม่จำเจกับการแสวงหาความแปลกใหม่และสร้างความเพลิดเพลิน ผ่านการรับชมคอนเทนต์ในแบบที่ตัวเองชื่นชอบ

 

ด้วยความนิยมของกระแส Challenge ที่แพร่หลายออกไปอย่างรวดเร็ว และมีความหลากหลายมากขึ้น ทำให้บรรดากูรูต่างเห็นตรงกันว่า Challenge Campaign นั้น มีส่วนสำคัญยิ่งต่อผู้ใช้ TikTok ซึ่งเป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอยู่มากมายทั่วโลก

โดยแบรนด์และองค์กรธุรกิจต่างๆ สามารถสร้างแคมเปญท้าทายนี้เพื่อต่อยอดการรับรู้และดึงดูดผู้ใช้กลุ่มเป้าหมายให้เข้ามามีส่วนร่วม เพื่อทำให้แคมเปญนั้นประสบความสำเร็จและเข้าถึงกลุ่มผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความสำเร็จของครีเอเตอร์ TikTok ที่สร้างปรากฏการณ์มาแล้วในหลายประเทศทั่วโลกได้ยืนยันให้เห็นแล้วว่า ใครก็ได้สามารถที่จะขึ้นมาเป็นครีเอเตอร์ดาวรุ่งบน TikTok ได้อย่างไร้ข้อจำกัด พร้อมฉีกกฎเรื่องยอด Followers ที่เคยเป็นตัวแปรความสำเร็จเช่นบนแพลตฟอร์มอื่นๆ สู่แนวคิดหนึ่งเดียว

คือ จำนวน Followers ไม่สำคัญเท่ากับความน่าสนใจของคอนเทนต์!

 

TikTok แพลตฟอร์มสร้างสรรค์วิดีโอสั้นที่กำลังมาแรงทั่วโลกมุ่งมั่นสร้างสรรค์แรงบันดาลใจและมอบความสุขให้กับผู้คน แต่กลับเป็นเป้าโจมตีจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่ขู่จะแบนแอพพ์ TikTok ในสหรัฐ

เป็นเรื่องเป็นราวใหญ่โตไม่จบไม่สิ้นกับการแบนแอพพลิเคชั่นนี้ เมื่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา ประกาศจะสั่งแบน TikTok ในสหรัฐอเมริกา โดยอาจใช้อำนาจฉุกเฉินด้านเศรษฐกิจหรือการออกคำสั่งผู้บริหาร

พร้อมเพิ่มมาตรการเพื่อจัดการกับสถานการณ์ฉุกเฉินระดับชาติในเรื่องข้อมูลและเทคโนโลยีด้านการสื่อสารและห่วงโซ่อุปทานของการให้บริการต่างๆ และออกมาแสดงความห่วงวิตกว่าการให้บริการของ TikTok แอพพลิเคชั่นที่เป็นบริการเครือข่ายสังคมยอดนิยมประเภทวิดีโอ ของบริษัท ByteDance ของจีน จะถูกรัฐบาลปักกิ่งใช้เป็นเครื่องมือในการสอดแนมข้อมูลที่เป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของสหรัฐ ถึงแม้ทาง ByteDance ได้ออกมาปฏิเสธว่า ทางบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับรัฐบาลจีน

ทรัมป์ยังชี้ชัดอีกว่าแอพพลิเคชั่น TikTok เป็น “ภัยคุกคาม” และในคำสั่งพิเศษที่เขาเป็นผู้ลงนามระบุด้วยว่าห้ามการทำธุรกรรมใดๆ ที่ไม่เฉพาะเจาะจงกับเจ้าของชาวจีนของแอพพลิเคชั่น หรือบริษัทย่อยของกิจการนั้นๆ

ข้อความในคำสั่งของนายทรัมป์อ้างว่า การเก็บข้อมูลของติ๊กต็อกอาจทำให้จีนสามารถสอดส่องเจ้าหน้าที่รัฐของสหรัฐได้ และเก็บข้อมูลส่วนตัวไปใช้ในการขู่กรรโชก หรือสืบข้อมูลในบริษัทต่างๆ ได้

ถึงแม้ที่ผ่านมา TikTok เซ็นเซอร์ข้อมูลที่มีความอ่อนไหวทางการเมือง เช่น การประท้วงในฮ่องกง และการปฏิบัติของจีนต่อชาวอุยกูร์

แต่ถึงอย่างไรก็ตาม กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ หน่วยงานรักษาความปลอดภัยด้านการขนส่งของสหรัฐอเมริกา ตรวจตราคนเข้า-ออกสนามบิน และกองทัพสหรัฐได้สั่งระงับไม่ให้ใช้แอพพลิเคชั่นติ๊กต็อกบนเครื่องโทรศัพท์มือถือที่เป็นของรัฐแล้วเช่นกัน

 

หลังจากการสั่งห้ามไม่นาน ทรัมป์กลับลำเปิดทางไมโครซอฟต์ คุยซื้อ TikTok ภายใน 45 วัน ซึ่งบริษัทไมโครซอฟต์ บริษัทไอทียักษ์ใหญ่ของสหรัฐ แถลงเมื่อวันที่ 2 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า ไมโครซอฟต์จะเปิดการเจรจาเพื่อซื้อแอพพลิเคชั่น TikTok เพื่อให้บริการในสหรัฐอเมริกากับบริษัท ByteDance บริษัทสัญชาติจีนที่เป็นบริษัทเจ้าของของแอพพลิเคชั่น TikTok ต่อไป

สาเหตุที่ทำให้ทรัมป์เปลี่ยนท่าทีหลังจากได้รับแรงกดดันจากที่ปรึกษาของทรัมป์ในพรรครีพับลิกันหลายคนที่ระบุว่า การแบน TikTok จะเป็นการผลักไสฐานเสียงที่เป็นกลุ่มคนอายุน้อยออกไป ก่อนหน้าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพฤศจิกายนที่จะมาถึงนี้

จากการสนับสนุนให้ไมโครซอฟต์ซื้อแอพพลิเคชั่น TikTok จะทำให้ความห่วงกังวลด้านความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่งทางไมโครซอฟต์ได้รับรองว่าการเข้าซื้อกิจการในบริการ TikTok ในสหรัฐอเมริกา แคนาดา ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ พร้อมทั้งยืนยันว่าข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดของผู้ใช้งาน TikTok จะถูกส่งไปเก็บไว้ที่สหรัฐอเมริกาเท่านั้น

ภายหลังทรัมป์กลับลำเปิดทางไมโครซอฟต์คุยซื้อ TikTok ดูเหมือนไม่จบตามสหรัฐคาดหวัง

เพราะล่าสุดรัฐบาลจีนได้ออกมากล่าวว่านี่มันคือการปล้นกันซึ่งๆ หน้าชัดๆ โดยที่รัฐบาลจีนยังออกมาบอกอีกว่า นอกจากจะไม่ยอมรับให้มีการขโมยทรัพย์สินทางปัญญาของบริษัทเทคโนโลยีจีนอย่างแน่นอน

แต่หากทางสหรัฐยังยืนยันที่จะทำตามแผนเดิม ทางรัฐบาลจีนก็ได้เตรียมยุทธวิธีในการตอบสนองสหรัฐไว้แล้วเช่นกัน